โรคไม่ ติดต่ อ NON Communicable disease กัณหา เกียรติสุต สานักงานป้ องกันควบคุมโรคที่ 6 คาจากัดความของโรคไม่ ติดต่ อ • กลุ่มของความเจ็บป่ วยเรื้อรังทีเ่ ป็ นปัญหาสาธารณสุ ขที่สาคัญ เพราะเป็ นสาเหตุทสี่ าคัญของการเจ็บป่ วยและการตายของ ประชาชน และมักมีปัจจัยของการเกิดโรคร่ วมกันปัจจัยเสี่ ยงของ โรคเหล่ านีม้ กั เป็ นปัจจัยเสี่ ยงทีพ่ บได้ บ่อยในหมู่ประชาชนเช่ น การสู บบุหรี่ การรับประทานอาหารทีไ่ ม่ เหมาะสม การขาดการ ออกกาลังกาย การสู บบุหรี่ และความเครียด ลักษณะทั่วไปของโรคไม่ ติดต่ อ มีระยะการเกิดโรคยาวนาน ระยะการก่อตัวของโรคยาวนาน ระยะก่ อโรคไม่ ชัดเจน มีสาเหตุจากหลายปัจจัย ลักษณะทั่วไปของโรคไม่ ติดต่ อ มีความสั มพันธ์ อย่ างซับซ้ อนระหว่ างโรคและ ปัจจัยเสี่ ยง มักเกีย่ วข้ องกับพฤติกรรม มีอุบัตกิ ารณ์ ของโรคตา่ แต่ มคี วามชุกมาก มักเกิดกับผู้สูงอายุ การแบ่งกลุ่มโรคตามระยะเวลาและสาเหตุ กลุ่มโรค โรคติดเชื้อ โรคไร้ เชื้อ โรคเฉียบพลัน - ไข้ หวัดใหญ่ - ปอดบวม - ไอกรน - การเป็ นพิษ เช่ น สาร ปรอท - การบาดเจ็บ โรคเรื้อรัง - วัณโรคปอด - ไข้ รูห์มาติก - โรคเรื้อน - มะเร็ง - โรคหัวใจและหลอด เลือด - เบาหวาน เป้ าประสงค์ ในการป้ องกันควบคุมโรคเรื้อรัง ลดอุบัตกิ ารณ์ โดยการป้องกัน ชะลอการเกิดสูญเสียสุขภาวะ (disability) ลดความรุ นแรงของโรค และยืด อายุ ปชก. ดัชนีชี้วดั ทีแ่ สดงว่ าเป็ นปัญหาในชุมชน การตาย : จานวน/อัตรา แนวโน้ ม การพยากรณ์ ฯ การป่ วย : จานวน/อัตรา ความชุก แนวโน้ ม การพยากรณ์ ฯ ภาระโรค :โรค ภาวะแทรกซ้ อน ความพิการ DALYs ค่ าใช้ จ่าย ปัจจัยเสี่ ยง : ค่ าความสั มพันธ์ RR/OR แนวโน้ มความชุก หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดลาดับความสาคัญในการกาหนด ปัญหาสุ ขภาพของโรคไม่ติดต่อ เป็ นสาเหตุหลักของการป่ วย พิการ และตายก่ อน วัยอันสมควร เป็ นภาระโรคลาดับต้ น เมือ่ วัดโดยดัชนีวดั ภาระโรค (DALYs) เป็ นสาเหตุสาคัญของการเจ็บป่ วยเรื้อรังทีไ่ ม่ สามารถ กลับคืนดีได้ ปกติ และต้ องการการดูแลรักษาเฉพาะ ทั้งการ ดูแลติดตาม หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดลาดับความสาคัญในการกาหนด ปัญหาสุ ขภาพของโรคไม่ติดต่อ เป็ นภาระค่ าใช้ จ่ายของชุมชน สามารถควบคุมป้องกันได้ หรือแนวโน้ มที่ จะควบคุมได้ มีปัจจัยเสี่ ยงทีก่ ่ อให้ เกิดโรคหลายปัจจัย สถานการณ์ โรค และปัจจัยเสี่ ยง แหล่งข้ อมูลสถานการณ์ โรคไม่ ตดิ ต่ อ NHES 1 พศ. 2534 NHES 2 พศ. 2540 รายงานผลการศึกษาภาระโรคในประชากรไทย พศ. 2542 รายงานสถานะสุ ขภาพคนไทย พศ. 2543 Inter ASIA พศ. 2543 NHES 3 พศ. 2547 ข้ อมูลสถิตสิ าธารณสุ ข พศ. 2539 – 2546 การสารวจของสานักงานสถิตแิ ห่ งขาติ 2545(2002) 2544(2001) 2543(2000) 2542(1999) 2541(1998) 2540(1997) 2539(1996) 2538(1995) 2537(1994) 2536(1993) 2535(1992) 2534(1991) 2533(1990) 2532(1989) 2531(1988) 2530(1987) อัตราต่อประชากร 100,000 คน Injury แนวโน ้มอัตราตายด ้วยอุบต ั เิ หตุจากการขนสง่ ทางบก ต่อประชากร 100,000 คน พ.ศ. 2530-2545 30 25 20 15 10 5 0 ปี พ.ศ. (year) อัตราการตาย (ต่อประชากร 100,000 คน) โรคหัวใจและ หลอดเลือด พ.ศ. 2539-2546 120 100 108.1 98.3 88.6 80 68.7 60 52.3 40 2539 2540 2541 2542 2543 56.2 2544 63.7 52.6 2545 2546 อัตราการตาย (ต่อประชากร 100,000 คน) โรคความดัน โลหิ ตสูง พ.ศ. 2539-2546 7 6.3 6 5 5.5 5.2 5.1 4.9 5.4 4 3.4 3 2539 2540 3.3 2541 2542 2543 2544 2545 2546 ผลสารวจสภาวะสุ ขภาพอนามัยของประชาชนไทย โดยการตรวจร่ างกาย ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2547 คนไทยอายุ 15 ปี ขึน้ ไปมี HT จานวน 17.64 ล้ านคน = 35.82 % กลุ่มทีม่ ี HT รู้ ตวั ว่ าเป็ นเพียง 44.69 % และรับการรักษาอยู่เพียงร้ อยละ 32.64 % อัตราการตาย (ต่อประชากร 100,000 คน) โรคเบาหวาน พ.ศ. 2539-2546 14 13.2 13 12.2 12 11.8 11.4 11 10.7 10 9 9.1 8 7.5 7 2539 2540 7.9 2541 2542 2543 2544 2545 2546 ผลสารวจสภาวะสุ ขภาพอนามัยของประชาชนไทย โดยการตรวจร่ างกาย ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2547 คนไทยอายุ 15 ปี ขึน้ ไปมี DM จานวน 5.32 ล้านคน = 10.8 % เพิม่ ขึน้ จากปี 2540 1.5 เท่ า กลุ่มทีม่ ี DM รู้ตัวว่ าเป็ นเพียง 54.33 % และเข้ ารับการรักษาอยู่เพียงร้ อยละ 48.54 % 300 ( 100,000 คน) ของโรคเบาหวาน พ.ศ. 2528 – พ.ศ. 2543 250 250.3 218.9 200 150 100 50 48.2 43.5 41.2 33.8 33.8 68.4 72.3 69.3 91 100.1 127.5 148.7 175.7 0 2529 2530 2531 2532 2533 2534 2535 2536 2537 2538 2539 2540 2541 2542 2543 อัตราป่ วยโรคไม่ ติดต่ อที่สาคัญปี 2545-2546 1200 1064.1 1000 937.7 2545 800 3546 600 389.83 340.99 400 340.95 380.75 165.65 140.87 138.33151.5 200 0 CVD HT ISCH STROKE DM อัตราป่ วย (ต่อประชากร 100,000 คน) โรคหัวใจและหลอดเลือด พื้นที่สคร.ที่ 6 พ.ศ. 2545-2546 1400 1200 1000 1267.2 1042.8 1014.7 1107.0 1064.1 937.7 822.1 728.1 761.9 684.1 800 656.7 600 798.8 737.1 681.8 505.2 543.1 400 456.3 2545 480.6 2546 200 0 ขก ลย นค อด นบ สน กส เขต ประเทศ อัตราการตาย (ต่อประชากร 100,000 คน) โรคหัวใจและหลอดเลือด พื้นที่สคร.ที่ 6 พ.ศ. 2545-2546 70 64.9 62.9 60 63.7 52.6 50 45.4 40 36 27.9 30 36.8 32.1 22.3 31.6 26.1 20 14.9 18.2 29.9 22.2 24.7 สน กส 36.7 2545 2546 10 0 ขก ลย นค อด นบ เขต ประเทศ อัตราป่ วย (ต่ อประชากร 100,000 คน) โรคหลอดเลือดสมองใหญ่ พืน้ ที่ สคร.ที่ 6 พ.ศ. 2545-2546 200 160.1 133.9 140.9 150 134.3 116.5 101.1 100 89.1 138.3 96.9 71.4 63.5 57.3 50 151.5 96.699.5 85.0 83.3 40.1 2545 2546 0 ขก ลย นค อด นบ สน กส เขต ประเทศ อัตราป่ วย (ต่ อประชากร 100,000 คน) โรคหัวใจขาดเลือด พืน้ ที่ สคร.ที่ 6 พ.ศ. 2545-2546 250 200 202.0 178.7 161.4 150124.6 165.7 140.9 123.9 106.1 131.1 116.9 108.6 98.5 101.6 83.3 76.984.2 71.5 71.3 100 2545 50 2546 0 ขก ลย นค อด นบ สน กส เขต ประเทศ อัตราการตาย (ต่ อประชากร 100,000 คน) โรคความดันโลหิตสู ง สคร.ที่ 6 พ.ศ. 2545-2546 6 5.6 5.1 5 4.3 3.9 4 3.5 3 2.2 2 1 3.8 2.6 1.9 1 0.5 5.4 1.3 2.4 2.2 2545 2.6 2546 1.1 0 ขก ลย นค อด นบ สน กส เขต ประเทศ อัตราป่ วย (ต่ อประชากร 100,000 คน) โรคเบาหวาน สคร.ที่ 6 พ.ศ. 2545-2546 675.9 700 600 561.8 470.8 500 513.0 428.1 419.0 400 343.3 445.2 358.4 423.1 392.1 347.4 341.0 290.4 300 429.5 217.8 380.8 257.2 2546 200 100 0 ขก ลย นค อด นบ สน กส 2545 เขต ประเทศ อัตราตาย (ต่ อประชากร 100,000 คน) โรคเบาหวาน สคร.ที่ 6 พ.ศ. 2545-2546 25 20 22.5 21.4 18.1 16.7 19.2 18.3 15 15 14.9 15.2 14.5 12.2 11.5 12.8 10.6 9.7 10 11.8 10.7 6.3 2545 5 2546 0 ขก ลย นค อด นบ สน กส เขต ประเทศ คนไทยสู ญเสี ยปี สุ ขภาวะ 9.5 ล้านปี / ประชากรแสนคน *การศึกษาภาระโรคในประชากรไทย ปี พศ. 2542 อันดับโรคและภาระโรคของประชากรไทย พ.ศ. 2542 แบ่ งตามเพศ อันดับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ชาย โรค HIV/AIDS Traffic injury Stroke Liver cancer Diabetes IHD COPD (emphysema) Homicide/Violence Suicides Drug dependency DALYs (x 100,000) 9.6 5.1 2.7 2.5 1.7 1.6 1.6 1.6 1.5 1.4 อันดับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 หญิง โรค HIV/AIDS Stroke Diabetes Depression Liver cancer Osteoarthritis Traffic injury Anemia IHD Cataracts DALYs (x 100,000) 3.7 2.8 2.7 1.5 1.2 1.1 1.1 1.1 1.1 1.0 ี่ งทีส ปั จจัยเสย ่ าคัญต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ได ้แก่ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. การสูบบุหรี่ การดืม ่ แอลกอฮอล์ ความดันโลหิตสูง น้ าตาลในเลือดสูง การออกกาลังกายไม่เพียงพอ ภาวะอ ้วน การบริโภคอาหารทีไ่ ม่ปลอดภัย และการบริโภคเกิน (เกลือ, ไขมัน, แคลอรี) 8. ความเครียด คนไทยสู ญเสี ยปี สุ ขภาวะเนื่องจากปัจจัย เสี่ ยง 4.3 ล้ านปี / ประชากรแสนคน *การศึกษาภาระโรคในประชากรไทย ปี พศ. 2542 อันดับปัจจัยเสี่ ยงต่ อปัญหาภาระโรคของประชากรไทย พ.ศ. 2542 แบ่ งตามเพศ อันดับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 ชาย ปั จจัยเสี่ ยง Unsafe sex Tobacco Alcohol Non-helmet Hypertension Illicit drug High body mass index Low fruit and vegetable Cholesterol Occupational injury Air pollution Sanitation and Malnutrition Physical inactivity DALYs (x 100,000) อันดับ หญิง ปั จจัยเสี่ ยง 8.8 4.8 4.6 3.3 2.5 2.4 1.2 1.1 1.1 0.7 0.5 0.5 0.4 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 Unsafe sex High body mass index Hypertension Tobacco Cholesterol Occupational injury Non-helmet Physical inactivity Low fruit and vegetable Sanitation and Malnutrition Alcohol Illicit drug Air pollution DALYs (x 100,000) 3.2 2.3 2.1 1.8 0.9 0.8 0.7 0.6 0.5 0.5 0.4 0.3 0.3 สถานการณ์ การสู บบุหรี่ • คนไทยอายุ 15 ปี ขึ้นไป สูบบุหรี่ ถึงร้อยละ 24.04 *การสารวจสภาวะสุ ขภาพอนามัยของประชาชนไทยโดยการตรวจร่ างกาย ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2547 สถานการณ์ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ • ประชากรไทยอายุ 15 ปี ขึน้ ไป เคยดืม่ เครื่องดืม่ ที่มี แอลกอฮอล์ ร้ อยละ 60.89 หรือคิดเป็ นจานวน 30 ล้ านคน ส่ วนผู้ทไี่ ม่ เคยดืม่ แอลกอฮอล์ เลยตลอดชีวติ มีร้อยละ 39.11 หรือคิดเป็ นจานวน 19.3 ล้ านคน *การสารวจสภาวะสุ ขภาพอนามัยของประชาชนไทยโดยการตรวจร่ างกาย ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2547 สถานการณ์ การบริโภคอาหารทีไ่ ม่ ได้ สมดุล ภาวะ น้าหนักเกินและอ้ วน • ประชากรไทยอายุ 15 ปี ขึน้ ไป มีภาวะไขมันในเลือด ผิดปกติ ร้ อยละ 50.89 หรือคิดเป็ น 25.06 ล้ านคน *การสารวจสภาวะสุ ขภาพอนามัยของประชาชนไทยโดยการตรวจร่ างกาย ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2547 ปริมาณการบริโภคนา้ ตาลทรายภายในประเทศ พ.ศ. 2526 – 2544 30 25.8 25 20 17.8 15 14.8 14.6 18.9 20.3 21.7 26.5 28.5 27.9 29.1 26.7 27.2 23 15.9 12.7 12.9 12.9 12.8 10 2526 2527 2528 2529 2530 2531 2532 2533 2534 2535 2536 2537 2538 2539 2540 2541 2542 2543 2544 ที่มา : ศูนย์บริ หารการผลิต สานักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ าตาลทราย อัตราความชุ กโรคอ้วนในประเทศไทย จาแนกตามอายุ พ.ศ. 2529 และ พ.ศ.2538 45 40 35 30 25 20 15 10 5 0 20-29 30-39 40-49 2529 2538 50-59 60+ ปัจจัยเสี่ ยง(RISK FACTOR) กลุ่มโรคหัวใจหลอดเลือด OW,OBESITY PHY. INACT ALCOHOL HT SMOKING NUTRITION DIABETES STRESS Alternative models of extension or compression of morbidity as life year expectency is extended Current situation 76 years 90 years Verbrugge 85 years Fries Life expectency Prevalence of Chronic Condition Strategic Objective for Chronic disease Control • “ IS TO CHANGE PUBLIC‘S PERCEPTION OF CHRONIC DISEASE AND THEIR COMPLICATIONS FROM ONE OF INEVITABILITY TO ONE OF PREVENTABILITY” METHOD FOR CHRONIC DISEASE PREVENTION AND CONTROL Prevention Strategy Primary Prevention Secondary Prevention Tertiary Prevention Population’s Disease status Susceptible Asymptomatic Symptomatic Reduce disease incidence Reduce prevalence consequence Reduce Complication disability Effect public health approaches to NCD control (a) a high risk strategy, targeting persons with high levels of risk factors and employing interventions to reduce them, usually with drugs (b) a population strategy which attempts to reduce riskfactor levels in the whole community, usually through lifestyle related measures (Rose 1985; Rose and Day 1990). Intervention Strategies • • • • • Modify Community Conditions and norms Establish and Enforce Health Policy Establish Economic Incentive Enhance Knowledge and Skills Provide Screening and Follow – Up Services ยุทธศาสตร์ในการป้องก ันควบคุมโรคไม่ตด ิ ต่อ ี่ งต่าง ๆ) 1. การป้องก ันโรค (การลดปัจจ ัยเสย 2. การเพิม ่ คุณภาพบริการของสถานบริการ 3. การเฝ้าระว ังโรค The principal functions of such a programme (a) to provide information and an enabling environment for increasing awareness and adoption of health living habits by the community; (b) early detection of persons with risk factors and cost-effective interventions for reducing risk; The principal functions of such a programme (c) early detection of persons with clinical disease and cost-effective care to prevent complications; (d) acute care, utilizing low cost, high yield technologies; The principal functions of such a programme (e) secondary prevention to reduce risk of the recurrent events; and (f) rehabilitation and palliative care, in cases where disease has resulted in complications or is incurable. The Basic Principles of Chronic Disease Control Intervention 1. Comprehensive Approaches that address the economic ,social and political roots of health and sickness have proven to be more effective than traditional education approach The Basic Principles of Chronic Disease Control Intervention 2. Changes in underlying community norms are another key to widerspread and longterm improvement in health The Basic Principles of Chronic Disease Control Intervention 3. Community – base approaches that target the whole population will contribute the most to reducing chronic disease mortality The Basic Principles of Chronic Disease Control Intervention 4. A chronic disease control; program will be more effective if the at risk population is actively involved in prioritizing, developing and implementing The Basic Principles of Chronic Disease Control Intervention 5. A chronic disease control; program will be more effective if community organizations (eg, school temple social club) are actively involved in developing and implementing The Basic Principles of Chronic Disease Control Intervention 6. Chronic disease control interventions should build on traditional practices and cultural norms The Basic Principles of Chronic Disease Control Intervention 7. Clearly defined objectives are essential for planning and implementation effective interventions The Basic Principles of Chronic Disease Control Intervention 8. Intervention strategies should be selected based on the needs of the specific at-risk population The Basic Principles of Chronic Disease Control Intervention 9. Multiple intervention strategies will increase the effectiveness of health programs The Basic Principles of Chronic Disease Control Intervention 10. Effective intervention require ongoing evaluation and appropriate adjustment of strategies Key Concept of Chronic disease Control Interventions • • • • Strategies focus on community norms Community base approach targeting the whole pop. Active involvement of Priority population Active involvement of Priority Community organization Key Concept of Chronic disease Control Interventions • Cleary define objective • Strategeis base on the needs of the Priority population • Multiple intervention Strategies • Ongoing evaluation Intervention Channels • • • • • • Health Care System School Work Site Community Organizations Media Puplic Policy Maker Key Intervention Planning Steps • Review health data • Asses demographic, economic, social,political, and environment condition • Review intervention literature • Asses current community intervention activities and resource Key Intervention Planning Steps • • • • • Precisely define health issue and priority pop. Segment the priority population Identifiy potential intervention channels Select intervention channels and strategies Pretest existing procedures, channels and materials Key Intervention Planning Steps • Develop and pretest new procedure, massages and materials • Pilot test intervention • Expand program implementation plan • Provide evaluation feedback NCD เป้าหมาย กลยุทธ์ และตัวชี้วดั เป้ าหมาย ปี 2548 • อัตราผูป้ ่ วยในที่เข้ารับการรักษาในสถานบริ การ ของกระทรวงสาธารณสุ ขด้วยโรคหลอดเลือด สมองลดลงร้อยละ 5 กลยุทธหลัก การบังคับใช้กฎหมาย การสื่ อสารความเสี่ ยง การพัฒนาเครื อข่าย การพัฒนาคุณภาพระบบบริ การ การเฝ้ าระวัง การติดตาม และประเมินผล 1.การบังคับใช้ กฎหมาย ตัวชี้วดั • ร้ อยละของร้ านจาหน่ ายอาหารและเครื่องดื่มที่มีระบบปรับ อากาศจัดเป็ นเขตปลอดบุหรี่ถูกต้ องตามกฎหมายไม่ น้อยกว่ า ร้ อยละ 80 • ร้ านค้ ามีการติดสติก๊ เกอร์ ไม่ จาหน่ ายบุหรี่ และสุราแก่ เด็กอายุ ต่ากว่ า 18 ปี ได้ ถูกต้ อง ไม่ น้อยกว่ าร้ อยละ 80 • ร้ อยละ 80 ของร้ านค้ าไม่ จาหน่ ายบุหรี่และเครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอล์ แก่ เด็กอายุต่ากว่ า 18 ปี 2.การสื่ อสารความเสี่ ยง ตัวชี้วดั • ร้ อยละ 50 ของกลุ่มเยาวชนอายุ 15- 18 ปี รู้กฎหมายไม่ จาหน่ ายบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แก่ เด็กอายุต่ากว่ า 18 ปี • ร้ อยละ 50 ของประชาชน อายุ 15 ปี ขึน้ ไปรู้จักปั จจัยเสี่ยงที่ สาคัญของการเกิดภาวะความดันโลหิตสูง (ลดเค็ม,ออกกาลัง กายเพิ่มขึน้ , ภาวะนา้ หนักเกิน) 3.การพัฒนาเครือข่ าย ตัวชี้วดั • มีเครือข่ ายที่ดาเนินการโรคไม่ ตดิ ต่ อและปั จจัยเสี่ยงที่สาคัญทัง้ ภาครัฐและเอกชน 4.การพัฒนาระบบคุณภาพบริการ ตัวชี้วดั • ร้ อยละของประชากรอายุ 40 ปี ขึน้ ไปได้ รับบริการคัดกรอง ความดันโลหิตตามมาตรฐานไม่ น้อยกว่ าร้ อยละ 60 • ร้ อยละของประชากรอายุ 40 ปี ขึน้ ไปได้ รับบริการคัดกรอง เบาหวานตามมาตรฐานไม่ น้อยกว่ าร้ อยละ 60 • อัตราป่ วยต่ อแสนประชากรของผู้ป่วยในที่เข้ ารับการรั กษาใน สถานบริการของกระทรวงสาธารณสุขด้ วยโรคหลอดเลือด สมอง ลดลงร้ อยละ 5 4.การพัฒนาระบบคุณภาพบริการ ตัวชี้วดั • อัตราผู้ป่วยในต่ อแสนประชากรที่เข้ ารับการรักษาในสถาน บริการของกระทรวงสาธารณสุขด้ วยความดันโลหิตสูงเพิ่มไม่ เกินร้ อยละ 5 (จากปี ที่ผ่านมา) • ร้ อยละ 80 ของจานวน รพศ./รพท. มีการจัดบริการอดบุหรี่ . 5.การเฝ้ าระวังโรคและประเมินผล ตัวชี้วดั • ร้ อยละ 75 ของจานวนจังหวัดมีระบบข้ อมูลการเฝ้าระวังโรคไม่ ติดต่ อและการบาดเจ็บ (Behavioral Risk Factors Surveillance System : BRFSS) • ร้ อยละ 50 ของจังหวัดและร้ อยละ 100 ของเขตได้ นาข้ อมูลการ เฝ้าระวังโรคไม่ ตดิ ต่ อและการบาดเจ็บไปใช้ ในการวางแผนงาน • อัตราการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในคนไทย อายุ 15-24 ปี ไม่ เกินร้ อยละ 53.53 5.การเฝ้ าระวังโรคและประเมินผล ตัวชี้วดั • อัตราการสูบบุหรี่ในคนไทย อายุ 15 ปี ขึน้ ไปที่สูบบุหรี่เป็ น ประจาไม่ เกินร้ อยละ 37.71 • อัตราการตายจากอุบัตเิ หตุจราจรทางบกลดลงจากปี 2547 เท่ ากับหรือมากกว่ า 0.5 ต่ อประชากรแสนคน มาตรฐานการคัดกรอง ความดันโลหิต • กระบวนการวัด •การแจ้ งค่ าและความหมาย •การแนะนาที่เหมาะสม กระบวนการวัดเพือ่ คัดกรอง 1. ผู้วดั เจ้ าหน้ าทีส่ าธารณสุ ข 2. เครื่องวัด ชนิดปรอท สอบเทียบค่ าเป็ นระยะ ชนิด ดิจิทอล มีcuff พันรอบแขน ขนาดเหมาะสม 3. วิธีวดั ให้ นั่งพัก อย่างน้ อย 5 นาที วัด 2 ครั้ง ห่ างกัน 3 - 5 นาที การแจ้ งค่ าและความหมายและการปฏิบัตทิ เี่ หมาะสม กับระดับความดัน และโอกาสเสี่ ยง • กลุ่ม 1 Systolic > 130-139 mmhg และ D iastolic > 80- 89 mmhg ความหมาย : เสี่ ยง HT ในสิ บปี และเริ่มเสี่ ยงต่ อหัวใจและอัมพาต โดยเฉพาะ หากมีปัจจัยเสี่ ยงอืน่ ร่ วมด้ วย แนะนา : ลดเค็ม เพิม่ กินผัก ออกกาลังกาย ลดนา้ หนักในกรณีนา้ หนักเกิน การแจ้ งค่ าและความหมายและการปฏิบัตทิ เี่ หมาะสม กับระดับความดัน และโอกาสเสี่ ยง • กลุ่ม 2 Systolic > 140 mmhg และ Diastolic > 90 mmhg ความหมาย : สงสั ยว่ าเป็ นโรคความดันโลหิตสู ง แนะนา : ล่งต่ อรับการวินิจฉัยจากแพทย์ การแจ้ งค่ าและความหมายและการปฏิบัตทิ เี่ หมาะสม กับระดับความดัน และโอกาสเสี่ ยง • กลุ่ม 3 Systolic > 180 mmhg และ D iastolic > 110 mmhg ความหมาย : ถือว่ าเป็ นความดันโลหิตสู งที่อนั ตราย แนะนา : ตรวจวัดซ้าอีกครั้ง ถ้ าระดับความดันยังสู งอยู่ให้ สูงอยู่ให้ ส่งต่ อทันที่ เพือ่ วินิจฉัยและรักษา การแจ้ งค่ าและความหมายและการปฏิบัตทิ เี่ หมาะสม กับระดับความดัน และโอกาสเสี่ ยง • กลุ่ม 4 Systolic น้ อยกว่ า 130 mmhg และ D iastolic > 110 mmhg ความหมาย : ถือว่ ายังไม่ เป็ นโรคและโอาสเสี่ ยงน้ อย แนะนา : ระมัดระวังนา้ หนักเกิน มาตรการหลักในการควบคุมป้ องกันภาวะเบาหวาน • มาตรการควบคุมความเสี่ ยงต่ อการเกิดภาวะเบาหวาน เป้ าหมาย : ประชากรทัว่ ไป ประชากรกลุ่มเสี่ ยงสู ง วิธีการ : สร้ างวิถีสุขภาพ (ออกกาลังกาย อาหาร อ้วน) เสริมทักษะการปรับเปลีย่ นวิถีชีวติ • มาตรการลดความชุกเบาหวานทีค่ วบคุมไม่ ได้ การคัดกรอง และ ควบคุมระดับนา้ ตาลของผู้มภี าวะเบาหวาน ปกติ • มาตรการลดการเกิดและควบคุมความรุนแรงของภาวะแทรกซ้ อน – ประเมินและควบคุมปัจจัยเสี่ ยง (HT SMOKING HCL) – เฝ้ าระวังป้องกันโรคแทรกซ้ อน ( ตา ไต ตีน) มาตรฐานการคัดกรองเบาหวาน • เครื่องมือและการวัด •การแจ้ งค่ าและความหมาย •การแนะนาที่เหมาะสม 1.เครื่องมือและการวัดคัดกรองเบาหวาน 1. เครื่องวัดและวิธีวดั ได้ มาตรฐานตามแนวเวชปฏิบัติฯ เพือ่ คัดกรอง Verbal screening Blood screening VERBAL SCREENING 1. ท่ านอายุ 40 ปี ใช่ หรือไม่ 2. มีบิดามารดาหรือพีน่ ้ องคนหนึ่งคนใดเป็ นเบาหวานหรือไม่ 3. มีภาวะอ้วน โดยมีค่าดัชนีมวลกาย > 25 หรือไม่ 4. มีภาวะความดันโลหิตสู งหรือไม่ 5. มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (ไตรกลีเซอไรด์ ) มากกว่ า 250 มก/ดล เอชดีแอล โคเลสเตอรอล น้ อยกว่ า 35 มก/ดล หรือไม่ 6.มีประวัตเิ ป็ นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือมีประวัติคลอดบุตรทีน่ า้ หนักตัวแรกคลอด มากกว่ า 4 กิโลกรัม หรือไม่ 7.มีประวัติ FP G = 110-125 มก/ดล หรือ OGT พบระดับนา้ ตาล > 140 มก/ดล BLOOD SCREENING เจาะเลือดจากข้ อพับแขน หรือ Capillary blood เครื่องมือตรวจเลือดที่ปลายนิว้ ด้ วย การปฏิ บ ต ั ท ิ เ ่ ี หมาะสมกั บ โอกาสเสี ่ ย ง การแจ้ งค่ าและความหมายและการปฏิบัตทิ เี่ หมาะสมกับ ต่ อภาวะเบาหวาน ระดั บนา้ ตาลในเลือด • กลุ่ม 1 ถ้ าพบระดับนา้ ตาล น้ อยกว่ า 110 มล/ดล ความหมาย : ถือว่ าเอกาสเสี่ ยงมีน้อย แนะนา : ให้ นัดตรวจซ้าอีก 2 ปี ข้ างหน้ า แนะนาให้ ป้องกันภาวะเสี่ ยง การมีนา้ หนักเกิน ลดการกินอาหารหวาน การเพิม่ การกินผัก ผลไม้ และการออกกาลังกาย ไม่ น้อยกว่ า 150 นาที ต่ อ สั ปดาห์ การแจ้ งค่ าและความหมายและการปฏิบัตทิ เี่ หมาะสมกับ ระดับนา้ ตาลในเลือด • กลุ่ม 2 ถ้ าพบระดับนา้ ตาล > 110 มล/ดล และน้ อยกว่ า 126 มล/ดล ความหมาย : ถือว่ าโอกาสเสี่ ยงต่ อการเป็ นโรค แนะนา : 1. ส่ งต่ อเพือ่ การวินิจฉัย 2. หากไม่ พบว่ ามีภาวะเบาหวาน สนับสนุนให้ ป้องกันภาวะเสี่ ยง การมี นา้ หนักเกิน ลดการกินอาหารหวาน การเพิม่ การกินผัก ผลไม้ และการออกกาลัง กาย ไม่ น้อยกว่ า 150 นาที ต่ อ สั ปดาห์ อย่างเข้ มข้ นเพือ่ ลดความเสี่ ยง การแจ้ งค่ าและความหมายและการปฏิบัตทิ เี่ หมาะสมกับ ระดับนา้ ตาลในเลือด • กลุ่ม 3 ถ้ าพบระดับนา้ ตาล > 126 มล/ดล ความหมาย : ถือว่ าโอกาสเสี่ ยงต่ อการเป็ นโรค แนะนา : 1. ส่ งต่ อเพือ่ การวินิจฉัย 2. หากไม่ พบว่ ามีภาวะเบาหวาน สนับสนุนให้ ป้องกันภาวะเสี่ ยง การ มีนา้ หนักเกิน ลดการกินอาหารหวาน การเพิม่ การกินผัก ผลไม้ และการออก กาลังกาย ไม่ น้อยกว่ า 150 นาที ต่ อ สั ปดาห์ อย่างเข้ มข้ นเพือ่ ลดความเสี่ ยง