ppt - FETP Thailand

ระบาดวิทยา
กับการสอบสวนโรค
สานักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข
ระบาดวิทยาคืออะไร?
การศึกษา
การเกิดโรค
ประชากร
• การกระจาย
การป้องกัน
ควบคุมโรค
บุคคล เวลา สถานที่
• ปัจจัยทีม
่ ผ
ี ลต่อการเกิดโรค
ปัจจัยเสี่ยง ปัจจัยป้องกัน
2
ระบาดวิทยากับการสอบสวนโรค
ประชากร
ประชากรกลุ่มเสี่ยง
บุลคล เวลา สถานที่
(Pop. at risk)
ผู้ป่วย
ปั จจัยเสี่ยง ปั จจัยป้องกัน
การควบคุม ป้องกันโรค
3
นิยามการระบาด

มีผู ้ป่ วยมากกว่าปกติทค
ี่ าดหมายไว ้
 Median


5 ปี ย ้อนหลัง
ื่ มโยง
พบผู ้ป่ วยเป็ น cluster และ มีความเชอ
กันทางระบาดวิทยา
ั โรคอุบต
สงสย
ั ใิ หม่ – อุบต
ั ซ
ิ า้
4
รูปแบบการระบาด (Outbreak patterns)
 มีผ้ ูป่วยเพียงรายเดียว
Individual case
Case series
 ผู้ป่วยเป็ นกลุ่มก้ อน
แหล่ งโรคร่ วม (Common source)
แหล่ งโรคแพร่ กระจาย (Propagated source)
แหล่ งโรคแบบผสม (Mixed source)
5
Common Source Outbreak
Food
Common source
# case
10
9
8
7
6
5
4
3
2
1
0
Date of onset
6
Propagated Source Outbreak
30
# cases
25
1 IP
1 IP
20
15
10
5
0
Date of onset
7
ทาไมต้องออกสอบสวนโรค?

อธิบายลักษณะของการเกิดโรค เช่น จานวน
การกระจาย

ค้นหาปัจจัยเสีย
่ งทีส
่ ามารถป้องกันได้

กาหนดมาตรการในการควบคุมป้องกันโรค
8
Steps of an outbreak investigation
1. Prepare for Field Work : Rapid Response Team
2. Confirm outbreak and diagnosis
3. Define case and start case-finding
4. Descriptive data collection and analysis
5. Develop hypothesis
6. Analytical studies to test hypotheses
7. Special studies (e.g. environmental, lab study)
8. Communicate the conclusion and recommend
control measures
9. Follow-up the control implementations
9
At outbreak begins

ก่ อนออกสอบสวนโรค
เตรี ยมทีม
 ยืนยันการวินิจฉัยโรค
 ยืนยันการระบาด

10
การเตรียมทีม

เตรี ยมทีมและบทบาทหน้ าที่ของสมาชิก


ทีมในสนาม (ออกพืน้ ที่) ได้ แก่ หัวหน้ าทีม นักระบาดวิทยา logistics
ทีมสัมภาษณ์ เก็บสิ่งส่ งตรวจ ฯลฯ
ทีมนอกสนาม (สนับสนุน) ได้ แก่ แพทย์ ที่ปรึกษาทีม ผู้เชี่ยวชาญ
ทีมห้ องปฏิบัตกิ าร ธุรการ ฯลฯ

กาหนด วัตถุประสงค์ ของการออกสอบสวนโรค
เครื่ องมือและความรู้ ท่ จี าเป็ น เช่ น แบบสอบสวนโรค อุปกรณ์
เก็บและนาส่ งสิ่งส่ งตรวจ ยาและเวชภัณฑ์ ต่างๆ

การติดต่ อสื่อสาร

11
1
11
ยืนยันการวินิจฉัยโรค
 การวินิจฉัยแยกโรค (Differential diagnosis)
 การตรวจสอบการวินิจฉัยโรค
 การยืนยันการวินิจฉัยโรค
(Verify diagnosis)
(Confirm diagnosis)
เริ่มต้ นจาก Passive cases
12
ยืนยันการระบาด
 จานวนผู้ป่วยมากกว่ าปกติ
 ผู้ป่วยแต่ ละรายมีความเชื่อมโยงทางระบาดวิทยา
 โรคที่ไม่ เคยพบในพืน
้ ที่มาก่ อน (Emerging disease)
 โรคที่มีความรุ นแรง แพร่ กระจายเร็ ว มีผลกระทบสูง
13
Steps of an outbreak investigation
1. Prepare for Field Work : Rapid Response Team
2. Confirm outbreak and diagnosis
3. Define case and start case-finding
4. Descriptive data collection and analysis
5. Develop hypothesis
6. Analytical studies to test hypotheses
7. Special studies (e.g. environmental, lab study)
8. Communicate the conclusion and recommend
control measures
9. Follow-up the control implementations
14
In the field

ระบาดวิทยาเชิงพรรณนา
นิยามผู้ป่วย (Case definition)
 การค้ นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม (Active case finding)
 การเก็บข้ อมูล และ Line listing
 สถิตเิ ชิงพรรณนา (Descriptive analysis)
 การตัง้ สมมติฐานการระบาด (Generating hypothesis)

15
นิยามผู้ป่วย

เกณฑ์ มาตรฐานในการใช้ ตัดสินว่ าใครเป็ นผู้ป่วย
ที่เรากาลังค้ นหาและทาการสอบสวน
ควรตอบวัตถุประสงค์ ของการสอบสวนโรค

เข้ าใจง่ าย, ชัดเจน, วัดได้ ง่าย

Clinical criteria, ประกอบกับ time, place, person

Sensitivity vs. specificity

16
นิยามผ้ ูป่วย: ตัวอย่ าง
ผู้ท่ อี าศัยหรื อเดินทางเข้ าไปใน หมู่บ้าน “x” และ
มีอาการถ่ ายเหลวมากกว่ า 3 ครั ง้ ใน 1 วัน หรื อ
ถ่ ายเป็ นมูกเลือดอย่ างน้ อย 1 ครั ง้ ระหว่ างวันที่
1 มิถุนายน ถึง 20 กรกฎาคม 2550
17
นิยามผ้ ูป่วย

อาจแบ่ งเป็ นประเภท

ผู้ป่วยสงสัย (Suspected)



ผู้ป่วยน่ าจะเป็ น (Probable)




อาการและอาการแสดงเข้ าได้
ยังไม่ มีผล Lab ยืนยัน
อาการเข้ าได้
ผล Lab เบือ้ งต้ นเข้ าได้
มีความเชื่อมโยงทางระบาด
วิทยากับผู้ป่วยยืนยัน
ผู้ป่วยยืนยัน (Confirmed)

Lab ยืนยันเชือ้ ก่ อโรค
ผู้ท่ อี าศัยหรื อเดินทางเข้ าใน
หมู่บ้าน X
 Suspected
มี
diarrhea…
 Probable
Mucous bloody diarrhea
WBC, RBC in stool exam
 Confirmed
RSC พบ Shigella sonnei
2
18
18
นิยามศัพท์
Carrier
Asymptomatic infection
(ผู้ตดิ เชือ้ ไม่ มีอาการ)
Vector
Vehicle
Reservior
แหล่ งโรค (Source of infection)???
17
19
(Passive cases)
(Active cases)
20
การค้ นหาผ้ ูป่วยเพิ่มเติม


Passive strategies ตรวจสอบข้ อมูลที่มีอยู่แล้ ว

OPD, IPD log book in hospitals, Health center

Laboratory log book
Active strategies

ตัง้ จุดคัดกรองโรคในชุมชน

Door to door
21
การเก็บข้ อมูลผ้ ูป่วย

ข้ อมูลทั่วไป


Age, gender, race, occupation
ข้ อมูลทางคลีนิก

Symptoms, date of onset, lab results, severity of illness

ปั จจัยเสี่ยงและปั จจัยป้องกัน

ผู้สัมผัส
22
Identifying info.
Survey of hepatitis B cases in a male juvenile detention, Saraburi, Thailand, November 1999
Date of interview
Interviewer's name
Patient number
Patient's name-Surname
Age (in years)
Study field
2. Carpanter
5. Music
1. Machanic
4. Barber
Number of domitory (1-5)
3. Electric
6. Agriculture
Clinical symptoms (sick inside the juvenile detention, since 1 Jan 99)
No
Yes
Onset of symptoms
Jaundice
Nausia/Vomiting
Fatigue
This hepatitis cases is laboratory confirmed
Y
Demographic info.
Possible risk factors
Tatooing
Y
Homosexual
Y
Injected drug user Y
N
N
N
N
Risk factors
Clinical info.
23
Line Listing: What and Why?

เป็ นการจัดระเบียบข้ อมูลผู้ป่วย

ทาให้ ข้อมูลดูง่าย ทบทวนความถูกต้ องและแก้ ไขได้ ง่าย

ตาราง

แถว หมายถึง ผู้ป่วยแต่ ละราย

คอลัมน์ หมายถึง ตัวแปรแต่ ละตัวที่สนใจ
24
Line listing of streptococcus meningitis cases after eating raw pork
ID
Sex
Age
Onset Alcohol
25/4/07
26/4/07
1
2
M
M
50 27/4/07
41 26/4/07
Yes
Yes
BF
Raw
Raw
LUN
Raw
Raw
DIN
-
BF LUN
Cook Cook
-
DIN
Cook
-
3
M
43 27/4/07
Yes
Raw
Raw
-
-
-
-
4
M
62 27/4/07
Yes
Raw
Raw
Cook
-
-
-
5
M
71 26/4/07
No
-
Raw
-
-
-
-
6
M
56 26/4/07
Yes
-
Raw
-
-
-
-
7
M
51 31/4/07
Yes
-
Raw
-
-
Cook
-
8
M
50 26/4/07
Yes
Raw
Raw
-
-
-
-
9
F
49 27/4/07
Yes
-
Raw
-
-
-
-
3
การใช้ ข้อมูลจาก Line Listing

หาความถี่ สัดส่ วน ของข้ อมูลทั่วไป


ช่ วยในการบ่ งชีป้ ระชากรกลุ่มเสี่ยง
หาความถี่ สัดส่ วน ของข้ อมูลปั จจัยเสี่ยง

ช่ วยในการบ่ งชีแ้ หล่ งโรค mode of transmission
26
Line listing of streptococcus meningitis cases after eating raw pork
ID
Sex
Age
Onset Alcohol
25/4/07
26/4/07
1
2
M
M
50 27/4/07
41 26/4/07
Yes
Yes
BF
Raw
Raw
LUN
Raw
Raw
DIN
-
BF LUN
Cook Cook
-
DIN
Cook
-
3
M
43 27/4/07
Yes
Raw
Raw
-
-
-
-
4
M
62 27/4/07
Yes
Raw
Raw
Cook
-
-
-
5
M
71 26/4/07
No
-
Raw
-
-
-
-
6
M
56 26/4/07
Yes
-
Raw
-
-
-
-
7
M
51 31/4/07
Yes
-
Raw
-
-
Cook
-
8
M
50 26/4/07
Yes
Raw
Raw
-
-
-
-
9
F
49 27/4/07
Yes
-
Raw
-
-
-
-
27
3
การวิเคราะห์ ข้อมูลเชิงพรรณนา
(Descriptive data analysis)

Time:
 Epidemic

curve
Place:
 spot
map
 area map
 Attack rate by place

Person
 Frequency
 Specific
attack rate
28
Time: Epidemic Curve

แผนภูมิ Histogram



แกนนอน (แกน X) หมายถึง เวลา อาจเป็ นชั่วโมง วัน สัปดาห์ เดือน
ขึน้ กับระยะฟั กตัวของโรค
แกนตัง้ (แกน Y) หมายถึง จานวนผู้ป่วย
การสร้ าง Epi curve



ความกว้ างแต่ ละช่ องของแกนนอน เท่ ากับ 1/3 – 1/8 ของระยะฟั กตัว
เฉลี่ยของโรค
ควรเว้ นช่ วงเวลาก่ อนผู้ป่วยรายแรกและหลังผู้ป่วยรายสุดท้ าย
เล็กน้ อย
ไม่ มีช่องว่ างระหว่ างแท่ ง
29
ประโยชน์ ของ Epi curve
 บอกประเภทของการระบาด
22
30
ประโยชน์ ของ Epi curve

บอก time trend




Onset ของผู้ป่วยรายแรก
Peak ของการระบาด
Onset ของผู้ป่วยรายสุดท้ าย
บอก outliers



ผู้ท่ ไี ม่ ได้ รับเชือ้ ร่ วมกับผู้ป่วยรายอื่นๆ
อาจเป็ นสาเหตุของการระบาด / แหล่ งโรคด้ วยตัวเอง
อาจเป็ น secondary case
31
Epidemic curve: การหาระยะรั บเชือ้
Exposure period = (Onset of the first case – ระยะฟั กตัวที่สัน้ ที่สุดของโรค)
ถึง (Peak of outbreak – ระยะฟั กตัวเฉลี่ยของโรค)
14
Number of cases
12
10
suspect first case
8
active
6
passive
4
2
0
16
21 23
25
28
October
Date of onset
32
จานวนผู
ป้ ่ วยอหิวาตกโรค หมู้ ป
่ 1่ วยอหิ
ตาบลคีรรว
ี าษฎร์
อาเภอพบพระ
ผลการสอบสวนผู
าตกโรคที
่
พ
บพระ
จังหวัดตาก 1-30 กรกฎาคม 2548
จานวนป่ วย
งานศพผู้ป่วยรายแรก
5
ครอบครัวของผู้ป่วยรายแรก
4
3
ผู้ป่วยสงสั ยรายแรก
เสี ยชีวติ
2
งานศพที่
บ้ านนาย ช.
นาย ช.
1
ผู้ป่วยสงสัยรายแรก
ผูป้ ่ วยมา รพ.
ผูป้ ่ วยค้นหา
25 กค 48
24 กค 48
23 กค 48
22 กค 48
21 กค 48
20 กค 48
19 กค 48
18 กค 48
17 กค 48
16 กค 48
15 กค 48
14 กค 48
13 กค 48
12 กค 48
11 กค 48
10 กค 48
9 กค 48
8 กค 48
7 กค 48
6 กค 48
5 กค 48
4 กค 48
3 กค 48
2 กค 48
1 กค 48
0
Place: Map, attack rate by place

Map บอกการกระจายของผู้ป่วยตามพืน้ ที่

Spot map: จานวนผู้ป่วย

Area map: เปรียบเทียบความหนาแน่ น, อัตราป่ วย
34
Measles case distribution by sector, Nupo camp, Tak, Jan – Mar 2007
1
13
10
8
5
Case in week 2
2
6
3
Case in week 6
Case in week 7
4
15
14
12
11
9
Case in week 8
Case in week 9
Case in week 10
7
Case in week 11
Burma
Case in week 12
Case in week 13
8
Epidemic curve by week of onset (N = 27)
7
number of cases
6
5
4
3
2
1
0
w k1
w k2
w k3
w k4
w k5
w k6
w k7
w k8
w k9
w k10 w k11 w k12 w k13 w k14
ผูป
้ ่ วยโรคไข้หว ัดใหญ่แยกตามว ันเริม
่ ป่วยและห้องพ ัก
ในศูนย์พ ักพิงแห่งหนึง่ , พ.ค. – ก.ย 2549
(จานวนผป.ทงหมด
ั้
38 ราย)
โซน5
ห้ องนา้
โซน1
โซน 2
โซน3
10
3/1
2/1
8
6
4
โซน4
2
18 - 24 May
25 - 31 May
1 - 7 Jun
8 - 14 Jun
15 - 21 Jun
22 - 28 Jun
29 Jun - 5 Jul
6 - 12 Jul
13 - 19 Jul
20 - 26 Jul
27 Jul - 2 Aug
3 - 9 Aug
10 - 16 Aug
17 - 23 Aug
24 - 30 Aug
31 Aug - 6 Sep
7 - 13 Sep
14 - 20 Sep
21 - 27 Sep
28 Sep - 4 Oct
5 - 11 Oct
0
ผู้พกั พิง 1 ราย
Weekly interval
จนท. 1 คน
การระบาดชนิดแหล่งโรคแพร่กระจาย
(Propagated source outbreak)
จนท.
พืน้ ที่ท่ ไี ด้ รับผลกระทบ
-12 จาก14 อาเภอ (85.7%)
Thawangpha
NAN
- 52 จาก 99 ตาบล (52.5%) และ 262
จาก 885 หมู่บ้าน(29.6%) ถูกน ้าท่วม
- อาเภอท่ าวังผาและอาเภอเมืองได้ รับ
ผลกระทบจากภาวะนา้ ท่ วมสูงสุด และ
พบว่ ามีอุบัตกิ ารเกิดโรคสูงเช่ นกัน
ี หาย
แสดงผลกระทบความเสย
สู ง
ปานกลาง
น้ อย
จานวนผู้ป่วยโรคไข้ หวัดใหญ่ สายพันธุ์ H1N1 2009
ในระบบเฝ้าระวังของสานักระบาดวิทยา
9 ก.ค. 52
16 ก.ค. 52
จานวนผู้ป่วยสะสม (ราย)
Person: Distribution, Specific AR
Distribution of avian influenza cases, Thailand 2004
Male : Female = 8 : 3

Median age 7 (2 - 58 years old)

8 died (CFR 72.7%) :
- Age <15 years CFR 85.7%
- Age >15 years CFR 50.0%
39
Clinical manifestations of confirmed AI cases
Thailand, Jan – Mar 2004
Fever
Cough
Sputum
Dyspnea
Rhinorrhea
Diarrhea
Vomiting
Wbc<5000
Platelet<106
Pleural effus.
0
10
20
30
40
50
60
70
80
90
100
Percent of cases
Pediatric (N=7)
Adult (N=4)
นิยาม

Incidence
 จานวนผู้ป่วยรายใหม่
 Morbidity
 Attack
/ ประชากรกลุ่มเสี่ยง, ประชากรในพื้นที่
rate: ร้อยละ, ต่อประชากรพันคน, ต่อประชากรแสนคน
rate: ร้อยละ (ประชากรกลุ่มเสี่ยง, ประชากรทีไ
่ ด้รบ
ั
ผลกระทบ) = Risk (อัตราเสี่ยง)
 Specific
attack rate: ร้อยละ ตามกลุ่มประชากรเฉพาะ
41
นิยาม

Death rate อัตราตาย
 จานวนผู้ป่วยตาย
/ ประชากรกลุ่มเสี่ยง, ประชากรใน
พื้นที่
 Mortality
rate: ร้อยละ, ต่อประชากรพันคน, ต่อ
ประชากรแสนคน
 Specific

death rate: ร้อยละ ตามกลุ่มประชากรเฉพาะ
Case Fatality rate อัตราป่วยตาย
 จานวนผู้ป่วยตาย
/ จานวนผู้ป่วยทั้งหมด (ร้อยละ)
31
42
การสรุ ปข้ อมูลจากระบาดวิทยาเชิงพรรณนา
- โรค อะไร ?
- ใคร คือ ประชากรกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรค?
- อะไร คือ พาหะนาโรค และ แหล่ งโรค?
- โรค แพร่ กระจายไปอย่ างไร?
43
4
Cases
25
1200
1000
Person
800
Place
20
Time
15
600
400
10
200
5
0
0-4
0
'5-14 '15-44 '45-64 '64+
1
Age Group
2
3
4
5
6
7
8
9
10
Evaluate information
Risk group?
Source?
Transmission?
Set Hypothesis from all information
44
Steps of an outbreak investigation
1. Prepare for Field Work : Rapid Response Team
2. Confirm outbreak and diagnosis
3. Define case and start case-finding
4. Descriptive data collection and analysis
5. Hypothesis generation
6. Analytical studies to test hypotheses
7. Special studies (e.g. environmental study)
8. Communicate the conclusion and recommend
control measures
9. Follow-up the control implementations
45
Analytical studies to test hypotheses
Develop
hypotheses
- ใคร คือ ประชากรกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรค?
- อะไร คือ พาหะนาโรค และ แหล่ งโรค?
- โรค แพร่ กระจายไปอย่ างไร?
การศึกษาระบาดวิทยาเชิงวิเคราะห์
- study design; case-control, cohort
- sampling control (non-cases)
- data collecting: เก็บข้ อมูลเฉพาะเจาะจงมากขึน้
46
What is a Cohort?
“Cohort” กลุ่มคนที่มีลักษณะบางประการร่ วมกัน
 ประชากรในพืน
้ ที่เกิดโรค (source population)
 Examples of cohorts:

คนงานในโรงงานแห่ งหนึ่ง
 ผู้เข้ าชมเกมฟุตบอลเกมหนึ่ง
 ผู้ท่ ร
ี ่ วมงานเลีย้ งงานเดียวกัน

47
What is a Cohort?
 การศึกษาเชิงวิเคราะห์
เหมาะสาหรั บ close population
 ทดสอบความสัมพันธ์ ระหว่ าง ปั จจัยเสี่ยง (Exposure) กับ
การเกิดโรค (Outcome)
จุดเริ่มต้ นการศึกษา
มีปัจจัย
ไม่ มีปัจจัย
จุดสิน้ สุดการศึกษา
ป่ วย
ไม่ ป่วย
ป่ วย
ไม่ ป่วย
48
Cohort study : การวิเคราะห์ ข้อมูล
เปรียบเทียบความเสี่ยงในการป่ วยของคนที่มีปัจจัยกับคนที่ไม่ มีปัจจัย
มีปัจจัยเสี่ยง
ไม่ มปี ั จจัยเสี่ยง
รวม
ป่ วย
a
c
a+c
ไม่ ป่วย
รวม
b
a+b
d
c+d
b + d a+b+c+d
ความเสี่ยง (risk / AR) ของการป่ วยในกลุ่มมีปัจจัย = a / ( a + b )
ความเสี่ยง (risk / AR) ของการป่ วยในกลุ่มไม่ มีปัจจัย = c / ( c + d )
Risk Ratio (RR) = a / ( a + b )
c/(c+d)
49
Cohort study
shigellosis outbreak: สงสัยว่ าผักดองเป็ น
อาหารที่เป็ นสาเหตุของการป่ วย
Case
Non-case
9
16
Not eat
7
113
RR = 6.2, 95%CI 2.5, 15.1
Ate
Total
25
120
มี
ปั จจัย
Case
Non-case
ไม่ มี
ปั จจัย
Case
Non-case
ผู้ท่ รี ั บประทานผักดองมีความเสี่ยงต่ อการป่ วยเป็ น 6 เท่ าของ
ผู้ท่ ไี ม่ รับประทาน
50
Case-Control Study
 การศึกษาเชิงวิเคราะห์ ท่ ใี ช้ บ่อยที่สุดในการสอบสวนโรค

ทาการศึกษาได้ ง่าย รวดเร็ว ประหยัด

ใช้ เมื่อประชากรที่จะศึกษามีขนาดใหญ่ เก็บข้ อมูลไม่ ได้ ทุกคน

ใช้ เมื่อประชากรที่จะศึกษามีขนาด / ขอบเขตไม่ ชัดเจน

มี case เกิดขึน้ แล้ ว

ต้ องเลือก control มาเปรี ยบเทียบ
51
Case-Control Study
 ทดสอบความสัมพันธ์ ระหว่ าง ปั จจัยเสี่ยง
(Exposure)
กับ การเกิดโรค (Outcome)
 เปรี ยบเทียบการมีปัจจัยเสี่ยงที่มีในอดีตระหว่ าง Case
กับ control
จุดสิน้ สุดการศึกษา
มีปัจจัย
ไม่ มีปัจจัย
มีปัจจัย
ไม่ มีปัจจัย
จุดเริ่มต้ นการศึกษา
ป่ วย
ไม่ ป่วย
52
Case-control Study
เปรียบเทียบการมีปัจจัยในกลุ่มคนป่ วยกับการมีปัจจัยในกลุ่มคนไม่ ป่วย
มีปัจจัย
ไม่ มีปัจจัย
ป่ วย
ไม่ ป่วย
a
c
b
d
อัตราส่ วน (Odds) ของ การมีปัจจัย ต่ อ การไม่ มีปัจจัย ในกลุ่มคนป่ วย = a/c
อัตราส่ วน (Odds) ของ การมีปัจจัย ต่ อ การไม่ มีปัจจัย ในกลุ่มคนไม่ ป่วย = b/d
b
a
=
/
c
d
Odds Ratio (OR) =
ad/bc
53
Case-control study
Botulism outbreak สงสัยว่ าหน่ อไม้ ปี๊บเป็ น
สาเหตุของการเกิดโรค
Case
Control
13
4
Not eat
1
62
OR = 201, 95%CI 18, 5410
Ate
Total
มีปัจจัย
ไม่ มีปัจจัย
มีปัจจัย
ไม่ มีปัจจัย
17
63
Cases
Controls
กลุ่มคนป่ วยมีอัตราส่ วนของการกินหน่ อไม้ ปี๊บต่ อการไม่ กนิ เป็ น 201 เท่ า
เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ ป่วย
ผู้ท่ รี ั บประทานหน่ อไม้ ปี๊บมีความเสี่ยงต่ อการป่ วยเป็ น 201 เท่ า
ของผู้ท่ ไี ม่ รับประทาน
54
Case-Control or Cohort: ทาอะไรดี??
 ขึน
้ กับประชากรในพืน้ ที่เกิดการระบาด

ประชากรในพืน้ ที่เกิดการระบาดมีขอบเขตชัดเจน

สามารถเก็บข้ อมูลได้ ทุกคน หรื อเกือบหมดทุกคน

Use a cohort study

พืน้ ที่ท่ เี กิดการระบาด / กลุ่มประชากรที่เกิดการระบาด ไม่ มี
ขอบเขตชัดเจน

พืน้ ที่ใหญ่ / ประชากรมีจานวนมาก เก็บข้ อมูลได้ ไม่ หมด

Use a case-control study
55
Steps of an outbreak investigation
1. Prepare for Field Work : Rapid Response Team
2. Confirm outbreak and diagnosis
3. Define case and start case-finding
4. Descriptive data collection and analysis
5. Hypothesis generation
6. Analytical studies to test hypotheses
7. Special studies (e.g. environmental study)
8. Communicate the conclusion and recommend
control measures
9. Follow-up the control implementations
56