ความรู้เบื้องต้นในการวิจยั ชุมชน ภาสกร นันทพานิช pnuntapanich@hotmail.com คาถามจากลูกค้า • • • • ทาไมต้องวิจยั ชุมชน ? วิจยั ชุมชนคืออะไร ? วิจยั ชุมชนทาอย่างไร ? ทาวิจยั ชุมชนแล้วได้อะไร ? ทำไมต้ องวิจยั ชุมชน ? • พันธกิจ และบทบำทของมหำวิทยำลัย • Opportunity มหำวิทยำลัยอยู่ในพืน้ ทีช่ ุมชน มีควำมใกล้ ชิดกกับชุมชน พัฒนำศักยภำพทำงวิชำกำรของ มหำวิทยำลัย (มหำวิทยำลัยแตกต่ ำงกับมหำวิทยำลัยหลัก) อยู่ในกระแส พัฒนำทรัพยำกรบุคคลของมหำวิทยำลัย บูรณำกำรงำนวิจัยกำรกำรทำงำน (ใช้ กำรวิจัยชุมชน เป็ นเครื่องมือ) เพือ่ ให้ บรรลุเป้ำหมำย ฯลฯ • Benefit ไดก้ ลูกค้ ำ, ผู้รับบริกำรตรงตำมควำมต้ องกำร สำมำรถให้ บริกำรหรือดกำเนินงำนไดก้ ตรงตำมควำม ต้ องกำรของชุมชน รู้ข้อมูลของพืน้ ทีช่ ุมชน (ควำมรู้ทไี่ ดก้ จำก กระบวนกำรวิจัยชุมชน) ผลงำนทำงวิชำกำร ตำแหน่ งทำงวิชำกำร ฯลฯ กำรวิจัยชุมชนเป็ นเครื่องมือที่จะ นำไปสู่ กำรบรรลุพนั ธกิจ และ บทบำทของมหำวิทยำลัย วิจยั ชุมชนคืออะไร กระบวนทัศน์ กำรวิจัยทำงสั งคมศำสตร์ กระบวนทัศน์ กำรวิจยั ทำงสั งคมศำสตร์ ไดก้ มีกำรปรับเปลี่ยนมำโดกย ลำดกับ กล่ ำวโดกยสรุ ปไดก้ ว่ำ กระบวนทัศน์ กำรวิจยั ทำงสั งคมศำสตร์ มีสำม กระบวนทัศน์ ไดก้ แก่ 1. สั งคมศำสตร์ เชิงปฏิฐำน (positivist social science) 2. สั งคมศำสตร์ เชิงตีควำม (interpretivist social science) 3.สั งคมศำสตร์ เชิงวิพำกษ์ (critical social science) กำรวิจัยตำมสำขำต่ ำงๆ กำรวิพำกษ์ หลักสู ตร กำรวิจัยเชิงปฏิบัติกำร กำรวิจัย กำรวิจัย (research traditions) (curriculum critique) (action research) เชิงทดกลอง เชิงบรรยำย (experimen (non-experiment) เช่ น เชิงชำติพนั ธุ์ วรรณนำ t) กำรวิจัย กำรวิจัย เชิงประวัตศิ ำสตร์ เชิงปฏิบัติกำร เพือ่ สิ ทธิสตรี แบบมีส่วนร่ วม (feminist (PAR) research) กำรวิจัยเชิงปริมำณ (quantitative research) กำรวิจัยเชิงคุณภำพ (qualitative research) สั งคมศำสตร์ เชิงปฏิฐำน สั งคมศำสตร์ เชิงตีควำม (Positivist Social) (Interpretivist Social) กำรวิจัยเชิงวิพำกษ์ (critical research) สั งคมศำสตร์ เชิงวิพำกษ์ (Critical Social Science) กำรแสวงหำควำมรู้ - ควำมจริง กระบวนทัศน์กระแสหลัก (dominant paradigm) Paradigm shift กำรเปลีย่ นแปลงกระบวนทัศน์ กำรวิจยั กระบวนทัศน์ทางเลือก (alternative paradigms) • สังคมศาสตร์เชิงปฏิฐาน (positivist social science) • สังคมศำสตร์ เชิงตีควำม (interpretivist social science) • สั งคมศำสตร์ เชิงวิพำกษ์ (critical social science) กระบวนทัศน์ของการวิจยั Paradigm shift Conventional method Quantitative research Alternative method • Qualitative research • Action research • Survey research • Experimental research ควำมแตกต่ ำงระหว่ ำงกำรวิจัยและกำรพัฒนำ • กำรพัฒนำ คือ กระบวนกำร (ยุทธวิธี) ในใช้ ควำมรู้ เพือ่ ก่ อให้ เกิดกกำรเปลีย่ นแปลงไปในทำงทีดก่ ขี นึ้ • มุมองของควำมหมำยในกำรพัฒนำ 3 แนวทำง 1. ควำมก้ ำวหน้ ำ 2. กำรเจริญโต 3. วิธีกำรในกำรทำงำนพัฒนำ • กำรวิจัย หมำยถึง กระบวนกำรในกำรสร้ ำงและ ใช้ ควำมรู้ • กำรวิจัยชุมชน หมำยถึง กระบวนกำรสร้ ำงและใช้ ควำมรู้โดกยกำรมีส่วนร่ วมของประชำชนในชุมชนเพือ่ แก้ ปัญหำหรือส่ งเสริมศักยภำพของชุมชนและ ก่ อให้ เกิดกกำรเปลีย่ นแปลงทีดก่ ขี นึ้ ในชุมชนท้ องถิ่น งำนวิจัยชุมชน: งำนวิจัยเพือ่ กำรพัฒนำชุมชน ฐำนคิดก: เมื่อ ปัญหำเกิดกขึน้ ในชุมชนชนบท คำตอบในกำรแก้ ปัญหำก็ควรจะอยู่ทชี่ ุมชนชนบท เพรำะ ชุมชนชนบทมีทุน ทุน ทรัพยำกร สิ่ งแวดกล้ อม ทุน ควำมรู้ ภูมิปัญญำ ทุน กลุ่ม / องค์ กร / เครือข่ ำย ทุน วัฒนธรรม ประเพณี ฮีต 12 คลอง 14 ทุน ทีเ่ ป็ นตัวเงิน ฯลฯ หลักกำรพืน้ ฐำน (Basic Principle) ของกำรวิจัยชุมชน • กำรมีส่วนร่ วม (Participation) ต้ องสร้ ำงกำรมีส่วนร่ วมขึน้ ให้ ไดก้ • มีกำรสร้ ำงกระบวนกำรเรียนรู้ (Learning Process) Action Learning มีกำร Share, หำ, ดกูดกซับ, ทดกลองใช้ , สรุปผล, ปรับปรุง ฯลฯ • Bottom-up Approach • Holistic Approach • Community Empowerment • Area Base Research • Social Movement • มีควำมเชื่อว่ ำทุกคนมีศักยภำพ และ มีควำมสำมำรถที่จะเรียนรู้ ไดก้ • Sustain concept, Self reliance ลักษณะของกำรวิจยั ชุมชน • เป็ นวิธีวทิ ยำกำรวิจัย (มีข้นั ตอนและกระบวนวิจัย) • เน้ นกระบวนกำรทีส่ ำมำรถสร้ ำงควำมรู้ ทที่ ำให้ คนในชุมชน เก่ งขึน้ มั่นใจขึน้ และเกิดกกลไกกำรจัดกกำร Empowering) • โจทย์ วจิ ัย มำจำกชุมชน • มีลกั ษณะเป็ นสหวิทยำกำร (Interdisciplinary) บูรณำกำร ควำมรู้ (Knowledge Integration) ลักษณะของกำรวิจยั ชุมชน (ต่ อ) • คนในชุมชน อำสำมำเป็ นนักวิจัยร่ วมสร้ ำงควำมรู้ • มีกำรสร้ ำงกระบวนกำรเรียนรู้ และกำรมีส่วนร่ วมของ คนในชุมชน • มีปฏิบัตกิ ำร ของกำรสร้ ำงควำมรู้ และ ใช้ ควำมรู้ • เน้ นกำรใช้ ประโยชน์ จำกงำนวิจัยเพือ่ กำรพัฒนำ (แก้ ปัญหำ หรือส่ งเสริมศักยภำพของชุมชน) กำรวิจัยทีม่ ี วิชำกำรเป็ นฐำน กำรวิจัยทีม่ ีปัญหำ (แก่นของ เป็ นฐำน งำนวิจัย) (แก้ ป ั ญ หำ,งำน วิชำกำรข้ อมูล กำรวิจัยทีม่ ี เฉพำะพืน้ ที่ ปัญหำเฉพำะพืน้ ที่ พืน้ ทีเ่ ป็ นฐำน พัฒนำ) (วิถีชำวบ้ ำน) วิธีกำรแก้ปัญหำเฉพำะพืน้ ที่ สหสำขำวิชำ (เทคโนโลยี, สั งคมศำสตร์ , มนุษยศำสตร์ ) กระบวนกำรมีส่วนร่ วมของผู้ทเี่ กีย่ วข้ องหรือมีส่วนไดก้ เสี ย กำรวิจัยชุ มชน กำรขับเคลือ่ นสั งคม (ชุ มชน) ไปในทิศทำงทีค่ วรจะเป็ น วิชำกำร ข้ อมูล เฉพำะพืน้ ที่ กระบวนกำร เรียนรู้ทเี่ กิดก ขึน้ ในพืน้ ที่ เป้ำหมำยของ กำรพัฒนำ วิชำกำร พืน้ ที่ ปัญหำ/ศักยภำพ เฉพำะพืน้ ที่ วิธีกำรแก้ ปัญหำ/ ส่ งเสริมศักยภำพ เฉพำะพืน้ ที่ กระบวนกำรมีส่วนร่ วมของผู้ทเี่ กีย่ วข้ องหรือมีส่วนไดก้ เสี ย สหสำขำวิชำ (เทคโนโลยี, สั งคมศำสตร์ , มนุษยศำสตร์ ) กำรวิจัยชุ มชน ภำสกร (2553) ลักษณะของกำรวิจัยชุมชนเปรียบเทียบกับงำนวิจัยแบบ Conventional research งำนวิจัยแบบเดกิม งำนวิจัยชุมชน • สร้ ำงควำมรู้ใหม่ โดกย นักวิชำกำร • เน้ นผลกำรวิจัย • สร้ ำงควำมรู้ใหม่ สร้ ำงโดกยคนในชนเป็ น หลัก (นักวิชำกำรเป็ น Facilitators) •เน้ นกระบวนกำรเรียนรู้และกำรมีส่วน ร่ วมของผู้มีส่วนไดก้ เสี ย •มีข้อเสนอแนะที่แก้ปัญหำไดก้ •ใช้ ฐำน “ทุน” ของชุ มชน •ต้ องนำควำมรู้ไปแก้ปัญหำไดก้ จริง งำนวิจยั ชุมชนเป็ นงำนวิจยั ทีม่ ปี ระโยชน์ ต่อ ชุมชนจริงหรือ ? งำนวิจยั ชุมชนสร้ ำงควำมรู้ จำก: • กำรวิเครำะห์ ปัญหำ และหรือศักยภำพของชุมชน • เจ้ ำของปัญหำและผู้เกีย่ วข้ อง อำสำ/ สมัครใจจะ ทดกลองทำวิจัย เพือ่ แก้ ปัญหำ หรือส่ งเสริมศักยภำพ • กำรเก็บข้ อมูลโดกย วิเครำะห์ ไดก้ ว่ำ จะเก็บประเดก็น อะไร จำกใคร เก็บอย่ ำงไร • กำรวิเครำะห์ แยกแยะข้ อมูลไดก้ • กำรใช้ ข้อมูลประกอบกำรตัดกสิ นใจแก้ ปัญหำหรือ พัฒนำ งำนวิจัยชุมชน: เสริมสร้ ำงควำมเข้ มแข็งให้ คนใน ชุมชนเก่ งขึน้ มั่นใจมำกขึน้ • เกิดกทักษะกำรเก็บข้ อมูล กำรวิเครำะห์ ข้อมูล กำร ใช้ ข้อมูลประกอบกำรตัดกสิ นใจแก้ ปัญหำ • เกิดกควำมรู้ ใหม่ • ปรับวิธีคดกิ กระบวนทัศน์ งำนวิจยั ชุมชน: สร้ ำงกลไกกำรจัดกกำรกับปัญหำ • เกิดก คน / กลุ่มคน ทีม่ ีจิตอำสำ • เกิดกปฏิบัตกิ ำร ของกำรใช้ ควำมรู้ ใหม่ วิจยั ชุมชน what is it? - กำรทำงำนวิจัยในชุมชน × - กำรทำวิจัยเพือ่ ชุ มชน √ วิจยั ชุมชนทาอย่างไร องค์ประกอบหลักของการวิจยั ชุมชน • นักวิจยั ที่เป็ นนักวิชาการ (อาจารย์วิทยาลัยชุมชน) Researcher as Facilitator • นักวิจยั ที่เป็ นชาวบ้านในชุมชน (Core team) Actors • พื้นที่ (ชุมชน) และบริ บทของพื้นที่ • ปัญหา และศักยภาพของชุมชน (โจทย์ คาถาม และประเด็นการวิจยั ชุมชน) • กระบวนการ และวิธีการวิจยั สมรรถนะของนักวิจัยชุมชนทีค่ วรจะมี • Core competency • Technical competency Competency = Knowledge + Skill ภำสกร (2552) Capability of finding the potential of community Positive attitude toward community Systemic thinking Analytical thinking Capability of using techniques and tools for data collection Skills of data analysis and synthesis Thinking and attitude Initial desirable characteristics of Community researcher Capability in Data management Skills of facilitators Capability in field operation To To be beable abletotodifferentiate differentiate between betweenresearch researchand and development development Knowledge and Knowledge & understanding understanding of of CR CR philosophy philosophy Capability in community research methodology Knowledge and practical skills for using techniques and tools in CR Understanding of processes and methods in CR Knowledge in type of research Show the initial desirable characteristics of community researcher Nuntapanich (2010) Show the necessary competency (NC) of community researchers Set of competency Necessary competency (NC) 1. Core competencies (CC) 1.1 Knowledge and understanding of CR philosophy (CC1) 1.2 Positive attitude toward community (CC2) 1.3 Systemic thinking competency (CC3) 1.4 Analytical thinking competency (CC4) 1.5 Skills of data analysis and synthesis (CC5) 1.6 Capability of differentiating between research and Development (CC6) 2. Technical competencies (TC) 2.1 Knowledge in type of research (TC1) 2.2 Capability of finding the potential of community(TC2) 2.3 Understanding of processes and methods in CR (TC3) 2.4 Skills of facilitators (TC4) 2.5 Knowledge for using techniques and tools in CR (TC5) 2.6 Knowledge and practical skills for using techniques and tools for data collection in CR(TC6) Nuntapanich (2010) รู ปแบบของกำรวิจยั ชุมชน • วิจัยเป็ นฐำนกำรของกำรพัฒนำ (R&D) เช่ น FSR/E, PTD (Participatory Technology Development) • กำรพัฒนำเป็ นฐำนของกำรวิจัย (D&R) เช่ น Participatory evaluation • Participatory action research (PAR) • กำรพัฒนำชุมชนโดกยใช้ กระบวนกำรวิจัยเป็ นฐำน - ใช้ กำรวิจัยเป็ นเครื่องมือของกำรพัฒนำชุมชน • กำรใช้ กำรพัฒนำเป็ นฐำนของกำรวิจัย - เริ่มต้ นจำกกำรพัฒนำ แต่ ในกระบวนกำรพัฒนำมีกำร สร้ ำงควำมรู้ มีกำรจัดกเก็บข้ อมูล และนำข้ อมูลมำประกอบ กำรตัดกสิ นใจ หรือแก้ ปัญหำ - กำรประเมิน ดกำเนินกำรพัฒนำ และมีกำรประเมิน โดกยใช้ กระบวนกำรวิจัย เช่ น กำรประเมินแบบมีส่วนร่ วม (participatory evaluation) หรือกำรประเมินแบบเสริม พลัง (empowerment evaluation) Participatory Action Research Research Action Participation research + action + participation กำรมีส่วนร่ วมของประชำชนในกำรพัฒนำชุมชน หมำยถึง กำรที่ประชำชนในชุ มชนมีควำมเป็ นอิสระในกำร ...... ร่ วมแรง ร่ วมใจ ร่ วมทรัพย์ ร่ วมควำมคิดก ร่ วมวำงแผน และตัดกสิ นใจ ร่ วมปฏิบัติ ร่ วมประเมินผล ร่ วมรับผลที่เกิดกขึน้ ในกำรดกำเนินงำนของกลุ่ม ทั้งนี้ เพื่อแก้ ปัญหำที่เกิดกขึ้นหรื อส่ งเสริ มศั กยภำพ ของชุ มชน เพื่ อ ตอบสนองตอบควำมต้ อ งกำรของชุ ม ชนอั น เป็ นกลไกในกำร พัฒนำชุ มชน ระดับของการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชน 1.การรับรูข้ ่าวสารของสมาชิก 2. การปรึกษาหารือร่วมกัน 3.การประชุมรับฟังความเห็น 4.ร่วมลงทุน (ร่วมทรัพย์) 5.การร่วมวางแผน 6. การร่วมตัดสินใจ 7 . การทางานร่วมกัน 8. การร่วมประเมินผลการดาเนิน 9. การร่วมรับผลทีเ่ กิดขึ้ น กระบวนกำรในกำรวิจัยชุมชน • ระยะก่ อนกำรวิจัย 1. กำรคัดกเลือกชุมชน 2. กำรศึกษำข้ อมูลเบือ้ งต้ นของชุมชน (ศึกษำ ข้ อมูลมือ2) 3. กำรเข้ ำชุมชนเพือ่ สร้ ำงสั มพันธภำพกับชุมชน (Building-up rapport) 4. Rapid assessment ของบริบททั่วไป และ บริบทเฉพำะเบือ้ งต้ น • ระยะของกำรทำกำรวิจัย 1. กำรศึกษำบริบทของชุมชน Context Analysis 1.1 กำรศึกษำบริบททัว่ ไป (General context) 1.2 กำรศึกษำบริบทเฉพำะ (Specific context) 2. กำรวิเครำะห์ ปัญหำ /ศักยภำพของชุมชน (Identify Problem, Need and Potential of Community) (ไดก้ Research question) 3. หำ Core team 4. วำงแผนในกำรดกำเนินงำนวิจัยแบบมีส่วนร่ วม (Participatory planning) 5. กำรส่ งเสริมควำมรู้ (Training, Technology Transfer, กำรศึกษำดกูงำน) 6. ปฏิบัติตำมแผน (Implementation) ในลักษณะของ Action Learning 7. กำรติดกตำมและประเมินผลแบบมีส่วนร่ วม (Participatory monitoring and evaluation) 8. กำรสรุปบทเรียนจำกำรดกำเนินงำน (Lesson Learn) 9. ขยำยผลสู่ ชุมชนข้ ำงเคียง (Scaling up) Research Methodology • Participatory Action Research Qualitative + Quantitative PRA, RRA Community Selection Building-up rapport Community studies Context analysis Core team searching Identify Problem, Need and Potential of Community Research design and action Planning Research Question Increase Knowledge Participation Evaluation Implementation ภำสกร (2553) กรณี ตวั อย่าง • การศึกษาบริ บทของชุมชน ข้อมูลกายภาพ, ชีวภาพ, เศรษฐกิจ และสังคมของชุมชน ผลการศึกษาชุมชน พบว่า ดินของชุมชนมีความอุดมสมบูรณ์ต่า, อินทรี ยวัตถุนอ้ ย, ประชาชนในชุมชนทุกครัวเรื อนทาการเกษตร ชุมชนมีการปลูกข้าว และปลูกพริ กหลังการปลูกข้าว มีการเลี้ยงโคกระบือ จากการเก็บข้อมูลรายจ่ายของ ชุมชนพบว่าร้อยละ 60 ของรายจ่ายทั้งหมดเป็ นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับปุ๋ ยเคมี และสารกาจัด ศัตรู พืช ประชาชนในชุมชนมีรายรับเฉลี่ย 35,000 บาท มีรายจ่ายเฉลี่ย 32,000 บาท มีรายได้เฉลี่ย 3,000 บาท Research Question • จะมีแนวทางในการลดรายจ่ายของประชาชนในชุมชนนี้อย่างไร • ถ้าจะลดรายจ่ายโดยการลดการใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมีทางเกษตรจะเป็ นไปได้หรื อไม่ 1. ทัศนคติของเกษตรกรในชุมชนที่มีต่อปุ๋ ยอินทรี ย ์ และปุ๋ ยเคมีรวมทั้งสารสกัดชีวภาพเป็ น อย่างไร 2. เกษตรกรในชุมชนมีความรู้ในเรื่ องของปุ๋ ยอินทรี ยแ์ ละสารสกัดชีวภาพมากน้อยแค่ไหน 3. เกษตรกรในชุมชนสามารถทาปุ๋ ยอินทรี ยแ์ ละสารสกัดทางชีวภาพได้หรื อไม่ 4. มีวตั ถุดิบในพื้นที่ที่จะนามาใช้ในการทาปุ๋ ยอินทรี ยห์ รื อสารสกัดชีวภาพหรื อไม่ ถ้าเกษตรกรจะทาปุ๋ ยอินทรี ยใ์ ช้เองวัตถุดิบที่มีอยูใ่ นพื้นที่พอหรื อไม่ 5. ปริ มาณของปุ๋ ยอินทรี ยห์ รื อสารสกัดชีวภาพที่ตอ้ งผลิตให้เพียงพอต่อการใช้เพื่อลดรายจ่าย ควรจะเป็ นเท่าไหร่ 6. ประสิ ทธิภาพของปุ๋ ยอินทรี ย ์ และสารสกัดชีวภาพที่ผลิตได้เป็ นอย่างไร 7. รายจ่าย และรายรับจากการใช้ปุ๋ยอินทรี ย ์ และสารสกัดชีวภาพทดแทนปุ๋ ยเคมีในการผลิต ทางการเกษตรเป็ นอย่างไร Technique and Tools Research Process Context Analysis Technique RRA, PRA, AIC, FSC, Survey, Group discussion, Participatory workshop, Key informant interview Tools - Mind mapping - Map - Card technique (Meta plan) - Time line - Secondary data analysis - Questionnaire - Semi-structure interview schedules Technique and Tools (Continue) Research Process Identify problem, need and potential Technique Tools AIC, FSC, PRA, - Mind mapping Group discussion, -Card technique Participatory (Meta plan) workshop - Time line - Matrix - SWOT Analysis - Map - ect Technique and Tools (Continue) Research Process Planning Technique AIC, FSC, Group discussion, Participatory workshop Tools - Mind mapping - Card technique (Meta plan) - Time line - Matrix - SWOT Analysis -ect Technique and Tools (Continue) Research Process Increase Knowledge Technique Knowledge Management, Participatory Training or Workshop, Site Visit, Learning Forum from Best Practices, Brain Storming Tools - Mind mapping - Card technique (Meta plan) - Story telling - Knowledge Café - Knowledge sharing Technique and Tools (Continue) Research Process Implementation (Action Learning in Action) Technique PTD (Participatory Technology Development), Experiment, Group setting Tools - People participation - Facilitators แนวคิดและทฤษฎีที่เกีย่ วข้องกับการวิจยั ชุมชน นักวิจยั ชุมชนจาเป็ นต้องมีความเข้าใจแนวคิด/ทฤษฎีทีเ่ กีย่ วข้อง เพือ่ ใช้ในการ • ทาความเข้าใจปรากฏการณ์ทีเ่ กิดขึ้ นและเป็ นไปในชุมชน • ใช้ในการตีความหมายข้อมูลและผลทีไ่ ด้จากการวิจยั • เป็ นกรอบแนวคิดทางเลือกในการปฏิบตั ิตามแผนในกระบวนการวิจัย กรอบแนวคิดกหรือทฤษฎีทสี่ ำคัญ • โลกาภิวตั น์ 1. WTO, FTA, 2. Washington consensus 3. เศรษฐกิจสร้างสรรค์ 4. Post kyoto Protocol 5. CDM, Carbon credit 6. Global warming 7. Green economy (ฉลากสินค้า, carbon footprint, Food mile) 8. Cooperate Social responsibility (CSR) 9. MDG (Millennium development Goal) 10. Low carbon society ฯลฯ • ท้ องถิ่นนิยม 1. Sustain concept 2. Sustainable development 3. กำรพึง่ พำตนเอง (Self reliance) 4. Networking 5. เศรษฐกิจพอเพียง 6. เศรษฐกิจไร้ เงินตรำ 7. ควำมมัน่ คง (ไม่ มันคง) ทำงดก้ ำนอำหำร 8. ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ 1.ทฤษฎีโครงสร้ ำงหน้ ำที่ 2. ทฤษฎีมนุษย์ นิเวศวิทยำ ฯลฯ