2 เรือ ่ ง ใน 30 นาที • ประชุม “การให ้บริการตอบคาถามด ้านยาอย่าง เป็ นระบบ” – สภา Rx ; 14-16 Dec 2009 – วินเซอร์สวีทส ์ BKK • เรือ ่ งราวน่าสนใจ จากการประชุม research ที่ มช. เรือ ่ ง “How to Make Oral Presentations” ประเด็นสาคัญจากเรือ ่ งที่ 1 การให ้บริการตอบคาถาม ด ้านยาอย่างเป็ นระบบ เรียนรู ้แหล่งข ้อมูลยา/โรคจาก Net • www.medscape.com – ข ้อมูลยาจาก AHFS drug information เรียนรู ้แหล่งข ้อมูลยา/โรคจาก Net • www.Rxlist.com – ข ้อมูลเอกสารกากับยารับรองโดย USFDA เรียนรู ้แหล่งข ้อมูลยา/โรคจาก Net • http://emc.medicines.org.uk – ข ้อมูลเอกสารกากับยารับรองโดย UK หรือ European government agencies เรียนรู ้แหล่งข ้อมูลยา/โรคจาก Net • http://www2.fda.moph.go.th/consumer/dr ug/dcenter.asp ื่ สามัญจากชอ ื่ การค ้า ชอ ่ื การค ้าทีข – ค ้นชอ ่ น ึ้ ทะเบียน ในไทยมากกว่า MIMs เรียนรู ้การใช ้ google.com • ในการ search ข ้อมูล • www.google.com – Calculator – สอบถามสภาพอากาศ – ดูผลบอล – ดูโปรแกรมหนัง – หาแผนที่ – พจนานุกรม ฯลฯ ื ค ้นข ้อมูล การใช ้ keyword สบ คำถำมกำรวิจ ัย/คำถำมทีอ ่ ยำกรู ้ การเกิดภาวะไขมันกระจายตัวผิดปกติในผู ้ ื้ HIV ทีก ติดเชอ ่ น ิ ยาต ้านไวรัสมีมากน ้อย เพียงใด Keyword ไขมันกระจายตัวผิดปกติ ื้ HIV ยาต ้านไวรัส lipodystrophy ผู ้ติดเชอ antiretroviral ื ค ้น ผลการสบ Keyword ไขมันกระจายตัว ผิดปกติ Lipodystrophy pubmed google - 2,980 3,733 494,000 ื ค ้น ผลการสบ Keyword pubmed google ยาต ้านไวรัส Antiretrovirus 46 9,580 5,300 Antiretroviral 22,325 2,050,000 ื ค ้น ผลการสบ Keyword pubmed google Lipodystrophy + antiretroviral 936 209,000 Lipodystrophy + antiretroviral +prevalence 167 86,000 Lipodystrophy + antiretroviral + prevalence + thai 4 15,300 ื ค ้นข ้อมูลทางการแพทย์ สบ • หรืองานวิจัยผ่าน Free Pubmed • www.google.com • http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed การนาไปใชสู้ ่ รพ.ยะหริง่ • ได ้ทา link ผ่านจากหน ้าจอ www.pharmyaring.com สงิ่ เรียนรู ้อืน ่ ๆ • ข ้อมูลยา/โรค/สุขภาพ ประเภท electronic ที่ สมบูรณ์แบบทีส ่ ด ุ ในตอนนี้ แต่แพงมากคือ ฐานข ้อมูล Micromedex® • ราคา 700,000/yr และอาจขึน ้ เป็ น 900,000ปี นี้ • เรียนรู ้การอ่าน Journal ภาษาอังกฤษ จาก ดร.ผ่าน บาลโพธิ์ สถาบันภาษา จุฬาลงกรณ์ ยาในหญิงมีครรภ์ Preconceptional Care Psychosocial issues Nutrition/ Folic acid Exercise Reproductive awareness Preconceptional Care “REGIMEN-P” Medical Assessment Environmental Toxins Genetic History Immunization Infectious ds IMMUNIZATION • หัดเยอรมัน • อีสก ุ อีใส • Rubella vaccine • Varicella vaccine • Live,attenuated vac. • Live,attenuated vac. • คุม 1-3 mo หลังฉีด • คุม 1 mo หลังฉีด จึงค่อยตัง้ ครรภ์ ี ในหญิงมีครรภ์ การให ้วัคซน • ไข ้หวัดใหญ่ (ตัวตาย) – ให ้ได ้ทุกอายุครรภ์ ี่ งให ้ได ้ – บาง ref ให ้หลีกเลีย ่ ง 1st ไตรมาส แต่ถ ้าเสย ตลอดการอายุครรภ์ • HPV (Human Papilloma Virus Vaccine) ‒ ข ้อมูลจากัด ‒ หากให ้ในชว่ งครรภ์ ไม่มก ี าร intervention ใด ๆ ต ้อง ให ้ ‒ Dose ทีเ่ หลือ จาก 3-dose regimen ควร delay ิ้ สุดตัง้ ครรภ์ จนกว่าสน Medical assessment • โรคประจาตัว ้ • ยา สมุนไพร อาหารเสริม ทีใ่ ชประจ า ี่ งของโรคต่อมารดาและ • ให ้ข ้อมูลเกีย ่ วกับความเสย ี่ ง ทารก การป้ องกันและลดความเสย • ควบคุมโรคให ้สงบก่อนตัง้ ครรภ์ ้ • ใชยาที ป ่ ลอดภัยในการคุมโรค ขนาดตา่ สุดทีใ่ ห ้ผล ้ • หากเป็ นไปได ้ควรใชยาเพี ยงชนิดเดียวในการคุม โรค Folic acid • มารดาขาด folic acid คาดว่าเป็ นสาเหตุหนึง่ ของการเกิด Nural tube defect (NTD) • Nural tube พัฒนาเสร็จภายใน wk 5-6 ของ การตัง้ ครรภ์ (หรือประมาณ wk 3-4 หลัง ปฏิสนธิ) • สตรีวัยเจริญพันธุท ์ ก ุ คน : 0.4-1 mg/day ี่ งสูง เชน ่ DM type1/อ ้วน/มียากันชก ั / • สตรีเสย เคยมี Hx คลอด NTD : 4-5 mg/day Folic acid • ให ้ก่อนตัง้ ครรภ์ 1-3 เดือน • ให ้ Folic acid หลัง 6 wk ไม่มป ี ระโยชน์ในการ ลด NTD แต่อาจมีประโยชน์ด ้านการบารุง • • • • Folic acid (Blackmore) : 0.5 mg/tab Folic acid (GPO) : 5 mg/tab FBC : 0.1 mg/tab Obimin AZ : 1 mg/tab Neural Tube Defects ั หลังปิ ดไม่สนิท • Spina bifida ไขสน • anencephaly ไม่มเี นือ ้ สมอง/มีน ้อย/กะโหลก ศรี ษะไม่ปิด ื่ ความเชอ • ก่อนปี 1941 – มดลูกสามารถป้ องกันอันตรายจาก สวล.ได ้ • N.M. Gregg 1941 – ความคิดเริม ่ เปลีย ่ น • McBride 1961 – Phocomelia จาก Talidomide – ประมาณ 20% ี่ งต่อทารกจากยา ปั จจัยเสย • ชว่ งอายุครรภ์ทไี่ ด ้รับ – 0-2 wk หลังปฏิ หรือครรภ์ 2-4/5 wk แรก : all-ornone – GA 5-10 wk : ต ้องระวังมาก ่ LBW/) – ระยะ Fetal : 8 wk หลังปฏิ : minor (เชน • สภาวะของมารดา (โรค ปจต./ทุพโภชนาการ) • พันธุกรรม สวล. หรือ co-teratogen (ยาหลายตัว) • ชนิด ขนาด และระยะเวลาทีไ่ ด ้รับสาร – Warfarin จับกับเนือ ้ เยือ ่ กระดูกได ้ดี (heparin แทน) ้ – Strep จับกับเสนประสาทหู ได ้ดี Prevention of preeclampsia w/ lowdose aspirin • A systemic review and metaanalysis of the main RCTs • การใช ้ Aspirin low dose มีประโยชน์ป้องกัน Preeclampsia ได ้ โดยเฉพาะรายที่ high risk ่ เคยคลอด preeclampsia มาก่อน เชน Rauno R,et al.Clinics 2005;60(5):407-14 Risk classification systems for drug use during pregnancy • 1978 : SWEDEN – FASS ; A B1 B2 B3 C D • 1979 : US – FDA ; A B C D X • 1989 : Australia – ADEC ; A B1 B2 B3 C D X สรุปอย่างนีต ้ ้องระวัง • X ดีในหลอดทดลอง ดังนัน ้ ดีตอ ่ คน • X ดีในเซลล์ ดังนัน ้ ดีตอ ่ คน • X ดีในหนู ดังนัน ้ ดีตอ ่ คน สรุปอย่างนี้ OK • X มีพษ ิ ในหลอดทดลอง ดังนัน ้ ควรหลีกเลีย ่ งในคน • X มีพษ ิ ในเซลล์ ดังนัน ้ ควรหลีกเลีย ่ งในคน • X มีพษ ิ ในหนู ดังนัน ้ ควรหลีกเลีย ่ งในคน ยาในหญิงให ้นมบุตร Atenolol • ภาวะเขียวคล้า หัวใจเต ้นชา้ BP ตา่ ในทารก • ควรหลีกเลีย ่ งการใช ้ โดยเฉพาะในกรณีทารก คลอดก่อนกาหนด หรือทารก < 1 เดือน Metronidazole ่ ้ านมปานกลาง ไม่มรี ายงานอาการไม่พงึ • ผ่านสูน ่ ้ านมตา่ กว่า ประสงค์ตอ ่ ทารก ขนาดทีผ ่ า่ นสูน ขนาดยาปกติทใี่ ห ้ในเด็ก ่ 2g • สาหรับการให ้ยาในขนาดสูงครัง้ เดียว เชน single dose แนะนาให ้หยุดให ้นมบุตร 12-24 hr โดยในชว่ งทีห ่ ยุดให ้นมให ้บีบน้ านมทิง้ ด ้วย (กระตุ ้นการไหล not กาจัดยาทางน้ านม) Bactrim (Co-trimoxazole) • Trimethoprim+Sulfamethoxazole • หลีกเลีย ่ งกรณีทารกคลอดก่อนกาหนดหรืออายุ น ้อยกว่า 1 เดือน, hyperbilirubinemia, G6PD def. Tetracyclines ้ • หลีกเลีย ่ งการใชระยะยาว (เกิน 1-3 wks) Ciproflox, Norflox, Oflox • ถูกขับออกทางน้ านมน ้อย ้ ้ในสตรีให ้นมบุตร • AAP : Ciproflox, Oflox ใชได , Norflox ไม่แนะนา • WHO : ให ้หลีกเลีย ่ งหากเป็ นไปได ้ (Cipro) สว่ น Oflox ไม่มข ี ้อมูล Aminoglycoside ้ ้ในหญิงให ้นม • Oral bioavailability ตา่ ใชได บุตร (คนท ้องห ้าม strep/kanamycin แต่ถ ้า จาเป็ นควรเลือก gentamicin) ยาแก ้แพ ้ แก ้หวัด • CPM, Atarax – ขับทางน้ านมน ้อย หากจาเป็ น ติดตาม drowsiness, irritability • Cetirizine ้ – มี CNS S/E น ้อย และใชโดยตรงในเด็ กได ้ปลอดภัย ดังนัน ้ น่าจะปลอดภัย ยาแก ้แพ ้ แก ้หวัด • Pseudoephidrine – ใช ้ prn – อาจ safe ึ ษาปั จจุบน – แต่การศก ั พบว่า ใช ้ single 60 mg dose , ลดการหลั่ง/สร ้างน้ านม 24% ้ ั ้ น่าจะ OK แต่ระยะนานควรหลีกเลีย – ใชระยะส น ่ ง ั ้ ควรกระตุ ้นทารกดูดนมให ้มากขึน (กรณีระยะสน ้ เพือ ่ ชว่ ยให ้ได ้น้ านมมาก) GERD, PU • ยาทีป ่ ลอดภัยทัง้ Preg, Lac คือ Alum-Mg • ถ ้าไม่ได ้ผลค่อยใช ้ Ranitidine • Omeprazole ไม่มข ี ้อมูล อาจแนะนาให ้ ้ หลีกเลีย ่ งการใชในระยะยาว (เพราะในทาง ั ว์ทดลอง) ทฤษฎีพบเป็ น carcinogenesis ในสต ประเด็นสาคัญจากเรือ ่ งที่ 2 Research methodology in pharmacy (เมือ ่ นานมาแล ้ว) How to make oral Presentations Assist. Prof. Surarong Chinwong, PhD. Department of Pharmaceutical Care Faculty of Pharmacy. Chiang Mai University 41 Objective • To help with the preparation process of oral presentations and activities 42 Remember ! How you present is as important as what you present 43 Planning you presentation • Write out your talk before hand • Ensures all important ideas are covered • Ensures difficult ideas are explained effectively 44 Planning • What is the background of your audience? • What is the main topic of your presentation? • What are the key messages? • What should your audience learn? • How can you objectives be achieved? 46 Planning • What is the background of your audience? • What is the main topic of your presentation? • What are the key messages? • What should your audience learn? • How can you objectives be achieved? 47 Planning • What is the background of your audience? • What is the main topic of your presentation? • What are the key messages? • What should your audience learn? • How can you objectives be achieved? 48 Planning • What is the background of your audience? • What is the main topic of your presentation? • What are the key messages? • What should your audience learn? • How can you objectives be achieved? 49 Planning • What is the background of your audience? • What is the main topic of your presentation? • What are the key messages? • What should your audience learn? • How can you objectives be achieved? 50 Planning • What is the background of your audience? • What is the main topic of your presentation? • What are the key messages? • What should your audience learn? • How can you objectives be achieved? 51 Topic and context • Title • • • • Concise Focused Controversial, Question, Hypothesis First slide 52 Topic and context • Duration • Duration of presentation • How many slides? • ~ 1 – 2 slides/minute • prepare some extra slides for use in the discussion period • Frame work • Time for question 53 Message • Identify messages • Not more than 3 • Tailor your message to the audience • Concrete, specific, practical and relevant 54 Structure • Brief introduction • Background: clinical/ scientific knowledge • Body • Update : google, pubmed, medscape • Subtopics • Conclusions (& perspectives) • Acknowledgement 55 Conclusion • Summarise the key points of the presentation • Summarise how to implement solutions • Summarise future predictions based on your persuasion strategies 56 Presentation design • PowerPoint • Make it big • Make it clear • Make it simple • Be consistent • Animation 57 Make it big • If it looks too big on the computer, it is the perfect size • Look at it from 2 metres away • Rule 7 X 7 • Use no more than 7 lines of text per slide • Use no more than 7 words per line 58 Make it big • This is Arial 20 • ตัวอักษรอังสนา 20 • This is Arial 28 • ตัวอักษรอังสนา 28 • This is Arial 36 • ตัวอักษรอังสนา 36 • This is Arial 40 • ตัวอักษรอังสนา 40 • This is Arial 44 • ตัวอักษรอังสนา 44 59 Make it clear • Choose an appropriate font, font size and colour • Use contrasting colours • light on dark OR dark on light • Use numbers for lists with sequence • Mixed case is much easier to read • Italics are difficult to read on screen 60 Make it clear • This is light on dark • This is dark on light • Are you having trouble seeing this? • Are you having trouble seeing this? 61 Make it clear • ARE YOU HAVING TROUBLE READING THIS ALL-CAPITALS SENTENCE? • Italics are difficult to read on screen 62 63 Make it simple • This sentence consists of too many fonts, styles. font sizes, colours and 64 Make it simple What is MACTAR? •The MACTAR is a patient-specific measure that was developed for use with patients who have rheumatoid arthritis. Patients are asked to identify the five most important physical and social activities that are adversely affected by their hip disease. Thus, each patient has his or her own set of specific activities that are assessed with the use of a 10-cm VAS. Too detailed 65 Make it simple What is MACTAR? • A patient-specific measure • Use with rheumatoid arthritis patient • Identify the five most important physical and social activities affected by their hip disease • A 10-cm VAS. 66 Drugs affecting lipoprotein metabolism Drug Class Lipid/lipoprotein effects Side effects Contraindications HMG CoA Myopathy Absolute: active or LDL 18%-55% reductase inhibitor HDL 5%-15% Increased liver enzyme chronic liver disease Relative: concomitant TG 7%-30% use of certain drugs Bile acid Gastrointestinal Absolute: LDL 15%-30% sequestrants diseases, constipation, dysbetalipoproteinemia; HDL 3%-5% decreased absorption TG >400mg/dl TG No change or of other drugs Relative: TG>200mg/dl increase Nicotinic acid Flushing, Absolute: chronic liver LDL 5%-25% hyperglycaemia, disease; severe gout HDL 15%-35% hyperuricaemia, upper Relative: diabetes; TG 20%-50% gastrointestinal hyperuricaemia; peptic distress, hepatotoxicity ulcer disease Fibric acid LDL 5%-20% (many Dyspepsia, gallstones, Absolute: severe renal be increased in patient myopathy, unexplained disease, sever hepatic non-CHD deaths in disease with high TG) WHO study HDL 10-25% TG 20%-50% Too much information 67 Adapted from Executive Summary of The Third Report of The National Cholesterol Education Program (NCEP) Expert Panel on Detection, Evaluation, And Treatment of High Blood Cholesterol In Adults (Adult Treatment Panel III). JAMA 2001;285:2486-97. % Change Efficacy of PR niacin add on statin 40 30 20 10 0 -10 -20 -30 -40 -50 PRN = PR niacin LOV = Lovastatin Too detailed TC LDL-C HDL-C TG Lp(a) PRN 1500 PRN 2000 LOV 20 LOV 40 PRN 1500/LOV 20 PRN 2000/LOV 40 68 Insull W Jr et al. Arch Intern Med 2004;164:1121-1127. Efficacy of PR niacin vs. placebo Change from Baseline 30 HDL-C 20 10 0 -10 -20 -30 10% –3% 22% –9% –14% –17% –12% –22% –17% –11% –24% Too detailed –5% –28% -40 -50 15% 26% 30% 29.5% 500 mg –21% LDL-C Lp(a) –30% –26% –35% –44% –39% TG 1000 1500 2000 2500 3000 mg mg mg mg mg 69 Goldberg A et al. Am J Cardiol 2000;85:1100-1105. Percent of subjects achieving HbA1c 7% Percentage of patients achieving HbA1c 7% at week 30 p<0.0001 50 46% p<0.01 40 30 20 32% Simple is better 13% 10 0 Placebo 5mcg DeFronzo RA, et al. Diabetes Care 2005;28:1092-1100. 10mcg 70 Glycaemic control HbA1c (%) 8.5 8 7.5 7 6.5 1.11% reduction Simple is better 6 0 12 26 Treatment (weeks) Exenatide 46% had HbA1c<7% Heine RJ, et al. Ann Intern Med 2005;143:559-569. Glargine 48% had HbA1c<7%71 72 73 Be consistent • Differences draw attention • Differences may imply importance 74 Animation • Animations for complex Differences draw attention relationships Visuals support, not distract • Maintain the audience’s attention and increase their interest • Sounds only if necessary • Not too much 75 Animation • Animations for complex relationships • Visuals support, not distract • Maintain the audience’s attention and increase their interest • Sounds only if necessary • Not too much 76 77 Conclusion Given that changes in HbA1c reflect average glycemia over the prior 3-month period, an approximately 1% reduction in HbA1c over a 28-day period is highly clinically meaningful. 78 Oral Communication • Verbalisation • Don’t read your slides • Flow • Not too fast, not too slow • know your audience • Speak clearly • Speak loud enough to be heard • Don’t speak in a monotone 79 Oral Communication • Verbalisation (cont) • Delivery • Body language and enthusiasm • Laser pointer • Ensure firm movements • Emphasized or pause when key points • Use humour appropriately 80 Oral Communication • Body language • Keep face and body turned to the audience whenever speaking • Establish occasional eye contact • Put a smile in your eyes • Stand straight • Use hands positively to make appropriate / supporting gestures 81 Rehearsal • Practice presentation to colleagues • Clarity of message • Constructive comments • Modifications • Identify questions 82 Finishing touch • First and last parts of your presentation are usually the most remembered 83 Preparation • Anticipate questions and prepare responses • Check required technical format • Always have a back up • Arrive early on the day 84 85 Final advice • Good presentations are the result of lots of practice • Watch for good role models • Practice, practice and practice 86 Planning Topic Conclusion Body Verbal Structure Practice Big Simple Clear 87 90 Bibliography 1. 2. 3. 4. 5. 6. Deerochanawong C. Presentation Skills – Key Steps. AstraZeneca Training & Educational Programme (AZTEP). 3 – 4 March 2007, Regent Cha-am. Thailand. Jones D. Principles of presentation for PowerPoint. Retrieve 28 March, 2007, from http://www.scmo.ca/effectivepresentations_DJones.pdf Making effective oral presentation. Retrieve 28 March, 2007, from http://web.cba.neu.edu/~ewertheim/skills/oral.htm Hinrichs EW and Richter F. Oral Presentations: A practical guide. Retrieve 28 March, 2007, from http://www.sfs.unituebingen.de/~fr/teaching/ws05-06/ihpsg/slides/presentation-guide.ppt D. R. Smith & S. A. Morton. Tips for an effective presentation. Retrieve 28 March, 2007, from http://wwweng.uwyo.edu/classes/meref/Presentation_Tips.pdf Hill MD. Oral Presentation Advice. Retrieve 28 March, 2007, from 91 http://www.cs.wisc.edu/~markhill/conference-talk.html#think