Facilitator: Pawin Puapornpong ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 26 ปี สัญชาติไทย เชื ้อชาติไทย ศาสนาพุทธ อาชีพ ทาสวน ภูมิลาเนา จ.ปทุมธานี สิทธิประกันสุขภาพถ้ วนหน้ า GA 41 wks by U/S, G3 P1 A1 No known U/D CC : ปวดหน่วงท้ อง 4 hrs PTA PI : -4 hrs PTA ผู้ป่วยมีอาการปวดหน่วง ๆ บริ เวณท้ องน้ อย รู้สกึ เหมือนมี อะไรจะไหลออกมา ปวดเหมือนบีบ ๆ เสียด ๆ ปวดครัง้ ละประมาณนับ 1 – 10 ห่าง กันครัง้ ละ 5 – 10 นาที มีน ้าใส ๆ ขาว ๆ ไหลออกมาจากช่องคลอดกะปริดกะปรอย จะเล็ดออกมาเวลาเปลี่ยนท่าทาง ไม่มีคลื่นไส้ อาเจียน ไม่มีจกุ แน่นหน้ าอก ตาพร่ามัว ปวดหัวหรื อมึนหัว ผู้ป่วยคิดว่าปวดท้ องคลอดจึงมาโรงพยาบาล PH : - U/D : GDM A2, Chronic HT - No allergy to food/drug - Med : Actropid 5-5-5 (SC) (start 1/2/56) Hydralazine (25) 1x3 PO PC Methyldopa (250) 1x3 PO PC (BP drugs start 26/4/56) ยาทังหมดขาดไปแล้ ้ ว 2 อาทิตย์ เนื่องจากผู้ป่วยไม่มาโรงพยาบาล OB/Gyn : - GA 41 wk by U/S, LMP 6/9/55 - First ANC : GA 12 wk, First U/S 28/12/55 : normal - 1st ANC @ MSMC, total 7 times - Risk : - Morbid obesity (BMI 43.7) - GDM A2 - Chronic HT - Hx of DFIU and abortion - no vaccination (complete TT course from G1) - Loss of follow up : 1st from 1/2/56 to 26/4/56 2nd from 3/5/56 to 7/7/56 (Admission day) - Admit @ MSMC 2 times for W/U 2/1/56 for 24 hr urine protein 26/4/56 for control BP and 24 hr urine protein - Weight before pregnancy 119 kg, Pregnant 130 kg, Weight gain 11 kg - G1 9 months, NL, DFIU, no ANC, Birth weight 4000 gm, male, Birth place Ayutthaya hospital, รู้ตวั ว่าท้ องเมื่อลูกดิ ้น อายุ ครรภ์ประมาณ 6-7 เดือน เห็นว่านานแล้ วจึงไม่ไปฝากท้ อง เจ็บ ท้ องถี่ และแรงกว่าครัง้ นี ้ มีมกู เลือดออกแต่ ไม่ไปร.พ. ทนอยู่ 1 วัน วันถัด มาไปคลอดออกมาเสียชีวิตแล้ ว แพทย์วินิจฉัยว่ารกเสื่อม G2 1 month, Complete abortion no D&C, @ MSMC - BP at first ANC 116/76 mm Hg 3rd ANC (28/15/55) 140/90 mm Hg then > 140/90 every ANC Supplement : - Folic acid (5 mg) Vitamin B complex Ferrous Fumarate (200 mg) CaCO3 (1g) • Lab : - Hb 12.4, Hct 37%, MCV 79.1, DCIP neg-, Group O, Rh positive - Mom typing A2A, Dad typing EA : no risk for severe Thalassemia - VDRL NR, Anti-HIV NR, HBsAg negative - 50g OGTT (12 wk) 210 - 100g OGTT (13wk) 139, 246, 171, 106 - 24 hr urine protein 113 mg/24 hr (2/1/56) 265 mg/24 hr (3/1/56) 131 mg/24 hr (27/4/56) - AST, ALT, LDH : No elevated - Blood sugar : FBS 123 mg% (1/2/56) 2hr post-prandial 136 mg% (4/1/56) Hb A1C 6.6 % (1/2/56) - U/S at GA 29+4 wk (26/4/56) : Fetal anomaly can’t be evaluated, adequate amniotic fluid, FHS Pos+, FM Pos+ - U/S at GA 14 wk : normal - U/S at GA 17 wk : normal PE : V/S : BT 36.5, BP 200/150, PR 90, RR 20 GA : A thai pregnant female, good consciosness, not pale, no jx HEENT : Anicteric sclerae, not pale conjunctivae CVS : normal s1s2, no murmur RS : clear both lungs, normal equal breath sound Abd : Normoactive BS, Fundal height 45, FHR 150, Longitudinal line, Vertex presentation, no engagement, FM Pos+, UC duration 40”,interval 4’, mild intensity PV : Dilatation 1 cm, Effacement 25%, Station - 3, membrane intact : Nitrazine test Neg-, Cough test NegExt : edema 1+, capillary refill <2sec Neuro : E4M6V5, Good orientation, grossly intact, DTR 2+ 1. GDM A2 2. Chronic hypertension (change to severe preeclampsia superimposed chronic HT due to Ur. Protein 3+ at admission) 3. Hx of DFIU and abortion 4. Morbid obesity BMI 43.7 5. Loss of follow up CBC Hb Hct Red cell count MCV (80.0-95.0) White cell count Neutrophil Lymphocyte (18.0-49.0) Monocyte Eosinophil Basophil Platelets Platelets smear 14 41 5.59 11.50 300 73.3 71.3 3.7 2.0 0.2 g/dl % x10^6/mm3 Fl F(12.0-16.0) F(36.0-47.0) F(3.80-5.40) x10^3/mm3 % 22.8 (4.0-10.0) (40.0-72.0) % % % % x10^3/mm3 adequate (2.0-9.0) (0.0-8.0) (0.0-2.0) (140-450) Coagulogram PT 10.5 Sec PTT BUN/Cr/Electrolyte/Uric BUN 6.6 Creatinine 0.46 Na 136.0 K 3.89 Cl 98.8 HCO322.1 Anion gap 18.99 Uric 3.21 27.2 Sec INR mg/dL mg/dL mmol/L mmol/L mmol/L mmol/L mg/dl 0.9 (6.0-20.0) F(0.50-0.90) (136.0-145.0) (3.50-5.10) (98-107) (22.0-29.0) (8.00-20.00) (3.5 – 7.2) AST, ALT, Uric AST 10 U/L ALT 6 U/L Blood sugar, serum Ketone Glucose 157 mg/dL Serum Ketone Negative F(0-32) F(0-33) Urinalysis Color Transparency Specific gravity pH Leukocytes Nitrite Protein Glucose Ketone Urobilinogen Bilirubin Erythrocytes WBC RBC Epithelial cells yellow slightly cloudy 1.010 7.0 1+ negative 3+ negative negative negative negative 1+ 3-5 /HPF 5-10/HPF 2-3/HPF EFM (20 min) Poor quality, FHR baseline 155 bpm, mild variability, not seen acceleration, no deceleration, UC I:4”, D:40”, mild intensity Interpretation : CAT II - Admit LR NPO Observe UC, FHR EFM 20 mins : poor quality, FHR baseline 155 bpm, mild variability, not seen acceleration, no deceleration, UC I:4”, D:40”, mild intensity Interpretation : CAT II - urine drip stick Protein 3+ - 10% MgSO4 4g iv slowly push in 20 mins then 50% MgSO4 20 mg + 5% DW 1000ml iv drip 75 ml/hr (1.5 g/h) - เตรี ยม 10% Ca gluconate 1g ไว้ ข้างเตียง - Labeterol 20mg iv stat - RI (1:10) iv 1 u/hr, DTX q 1 hr if <80 ลดเหลือ RI 0.5 u/hr + 50% Glucose 20ml iv, pls notify 80-120 ให้ เท่าเดิม 121-160 เพิ่มอีก 0.5 u/hr 161-200 เพิ่มอีก 1 u/hr >200 เพิ่มอีก 2 u/hr + RI 5 u iv - หลังคลอดรก off RI แล้ วให้ iv เดิมต่อ - Emergency C/S due to severe preeclampsia (superimposed Chronic HT) & unfavorable cervix - Prep skin abdomen, perineum - G/M PRC 2U, FFP 4U - Cefazolin 2 g to OR Result : เด็กตัวใหญ่ ระหว่างผ่าคลอดเอาออกไม่ได้ ติดอยูป ่ ระมาณ 5 นาที Apgar 1min 1, 5min, 4T, 10min 6T Fetal death due to pulmonary hemorrhage 14 hrs later ทารกเมื่อคลอดแล้ ว ไม่มีอาการแสดงของการมีชีวิต (ไทย อายุครรภ์ > 28 wk หรื อน ้าหนักทารกตังแต่ ้ 1000 g) ได้ แก่ ไม่มีการหายใจเอง ไม่มีการเต้ นของหัวใจ และไม่มีการเคลื่อนไหว Incidence เชื ้อชาติ , non-hispanic black race , ครรภ์แรก , สตรี ตงครรภ์ ั้ อายุมาก , อ้ วน , จานวนทารกในครรภ์ , medical problem , etc. ทารกในครรภ์ 25-40% :chromosome abnormaly, congenital abnormaly, etc สาเหตุจากรก 25-30% มารดา 5-10% :>35 y , med condition , ปั ญหาการคลอด ไม่ทราบสาเหตุ 15-35% Hx. :เด็กไม่ดิ ้น,น ้าหนักไม่ลด เต้ านมขนาดเล็กลง , มีเลือดหรื อน ้าออกทางช่องคลอด PE. :มดลูกไม่โตขึ ้น,ฟั งไม่ได้ ยินเสียงหัวใจทารก,คลาการเคลื่อนไหวของทารกไม่ได้ ,pv พบ กะโหลกศรี ษะยุบ First trimester ถุงการตังครรภ์ ้ ขนาดใหญ่ แต่ไม่มีตวั อ่อน (empty sac) ลักษณะที่เห็นความผิดปกติของถุงตังครรภ์ ้ CRL ขนาด 5 มม. แต่ไม่เห็นการเต้ นของหัวใจ ช่วงหลังของการตังครรภ์ ้ ไม่เห็นการเคลื่อนไหวของหัวใจ หรื อหลอดเลือดแดงใหญ่ อื่นๆ : ไม่เคลื่อนไหว กะโหลกผิดปกติ น ้าคร่ าน้ อย ตัว/ปอดบวม Spalding’s sign การเห็นแก๊ สในทารก พบฟองอากาศในหัวใจ หลอดเลือดใหญ่ สายสะดือ ตับ ช่องท้ อง angulation จิตใจ Consumptive coagulopathy / DIC lithopedian 1. 2. 3. การทาให้ การตังครรภ์ ้ สิ ้นสุดลง การดูแลหลังคลอด การวางแผนหาสาเหตุ และให้ การดูแลครรภ์ครัง้ ต่อไป การทาให้ การตังครรภ์ ้ สิ ้นสุดลง Conservative : 2 wk Labor induction : oxytocin,prostaglandin,mifepristone หัตถการ:manual vacuum extraction,D/C,Amnioinfusion(hypertonic saline solution/hyperosmolar urea),cesar Condom-balloon technique ควรตรวจสอบการแข็งตัวของเลือด Blood smear Fibinogen level FDP level PT,PTT,TT,bleeding time Compensate ดี Decompensated DIC : heparin , องค์ประกอบของเลือด Hx. PE mother , coup Chromosome detect ถ้ าปกติ กลับได้ ใน 6-24 ชม. ยับยังการหลั ้ ง่ น ้านม F/u 2- 6 wk Hx. low risk ช่วงหลัง 20 wk * 7.8-10.5 : 1000 ช่วงหลัง 37 wk * 1.8: 1000 ทารกโตช้ าในครภ์+อายุครรภ์น้อยกว่า 32 wk *21.8 : 1000 ให้ คาปรึกษาทางพันธุกรรม คัดกรองเบาหวาน ลดน ้าหนักก่อนตังครรภ์ ้ 1,2 trimester(10-14,14-20wk): u/s , chromosome detect , serum marker 3 trimester:u/s , สอนนับลูกดิ ้น+nonstress test ครบกาหนดหรื อก่อน แต่ lung maturity แล้ วคลอดได้ Zygosity : dichorion ปล่อยให้ ตงครรภ์ ั้ ตอ่ ได้ คือ การสิ ้นสุดการตังครรภ์ ้ ก่อนถึงระยะที่ทารกจะสามารถเลี ้ยงรอดได้ ประเทศที่พฒ ั นาแล้ ว : <20wks,<500g,<25cm ประเทศด้ อยพัฒนา(ไทย) : <28wks,<1000g,<35cm ทารก Zygote development Chromosome abnormaly มารดา Infection Chronic disease Endrocrine disease Malnutrition Drug & environment Immunology มดลูก • Abnormal uterus • Uterine mass 1) spontaneous abortion 2) Induced abortion 3) habitual abortion 1.Threatened abortion 2.Inevitable abortion 3.Incomplete abortion 4.Complete abortion 5.Missed abortion 6.Habitual abortion คือ การชักนาให้ เกิดการแท้ ง แท้ งติดต่อกัน 3 ครัง้ ขึ ้นไป หาและรักษาตาม cause Genetic : pre-implantation genetic doagnosis Endocrine : supporting Luteal phase Anatomy : Surgery Infection : doxycycline/erythromycin Autoimmune : hepatin with low dose aspirin subcutaneous จำนวนครั ง้ ที่แท้ งบุตรมำก่ อน ควำมเสี่ยงที่จะเกิดแท้ งบุตร้ำ้ 0 12% 1 24% 2 26% 3 32% ตังแต่ ้ 2ครัง้ ขึ ้นไป 40-45% เคยให้ กาเนิดบุตรปกติมาก่อนอย่างน้ อย 1คน สตรี ที่ไม่เคยให้ กาเนิดบุตร เป็ นความผิดปกติที่มีความคงทนต่อน ้าตาลกลูโคส ซึง่ ตรวจพบครัง้ แรกในระหว่าง ตังครรภ์ ้ ถ้ ามีเบาหวานก่อนการตังครรภ์ ้ หรื อยังเป็ นเบาหวานอยูห่ ลังจากคลอดแล้ วจะไม่ใช่ GDM แต่เป็ น pregestational DM (overt DM) มีภาวะ insulin resistance สูงขึ ้น ทาให้ glucose tolerance เปลี่ยนแปลงไป ความต้ องการ insulin สูงขึ ้น Age of onset Duration Severity Complication การดูแลทางสูติกรรมที่แตกต่างกัน การตรวจวินิจฉัยการเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์น้ ัน มีความผิดปกติของระดับ นา้ ตาลภายหลังการรับประทานอาหาร (เพิม่ สู งขึน้ ตามอายุครรภ์ ) FBS ก็สามารถใช้ได้คือ ถ้ามากกว่า 126 mg/dl หรื อระดับน้ าตาลที่เวลาใดๆในเลือดได้มากกว่า 200 mg/dl = DM ได้เหมือนคนปกติ One-step approach : ทา OGTT เพียงครั้งเดียว ไม่ตอ้ งตรวจคัดกรองก่อน เหมาะใน กลุ่มประชากรที่มีความเสี่ ยงต่อการเป็ นโรคสู ง 2. Two-step approach : 2.1. 50g Glucose challenge test ≥ 140 mg/dl 2.2. OGTT ** มักทาในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ ยงสู ง (Selective screening) ประเมินความเสี่ ยง ตั้งแต่การมา ANC ครั้งแรก 1. GDM risk assessment: Should be ascertained at the first prenatal visit 1. Low Risk: Glucose testing not routinely required - No known DM in first-degree relatives - Age < 25 years - Low risk races ( People that aren’t in these groups : Hispanic, Black, NA, S-E Asian, Pacific Islander or Indigenous Australian) - Weight normal before pregnancy and during pregnancy (BMI < 26kg/m2) - No history of abnormal glucose metabolism - No history of poor obstetrical outcome 2. High Risk: Testing as soon as feasible, using either 1-2 step approach if not found in first visit, might have to perform the test again in 24-28 weeks - Age ≥ 35 years - Ideal weight > normal 20% - Strong family history of type 2 DM - Previous history of GDM - Complication in pregnancy - Glycosuria 3. Average Risk: Glucose testing at 24 to 28 weeks using either 1 or 2 step approach. - Two step approach : 50g oral glucose challenge test (GCT) + Dx by 100g OGTT (for pt GCT ≥140 mg/dl) - One step approach : Dx 100 OGTT ** People who aren’t in low or high risk 100g OGTT (3hr) Patient preparation : - The patient's diet should be unrestricted and contain at least 150 g of carbohydrates for 3 days before the test. - Fasting 10 – 12 hrs - No activities while performing the test - No Food or drink (Allow patient to drink water) Descriptions : - Drink glucose 100g within 5 mins (Check Plasma glucose before and after drinking glucose 100g) every 1 hr x 3 hrs Interpretation : If patient has ≥ II abnormal values Dx : GDM If patient only have I test abnormal, we should perform the test again in a month (1/3 of patients has GDM after repeating the test) 1. Normal ranges (For 100g OGTT) - Fasting plasma glucose level less than 95 mg/dL - 1-hour plasma glucose level less than 180 mg/dL - 2-hour plasma glucose level less than 155 mg/dL - 3-hour plasma glucose level less than 140 mg/dL OGTT 2. 75g OGTT ** One time testing + Can use both pregnant and non pregnant women good for being a screening test, Not suitable for NA people Normal ranges for 75g OGTT ADA Criteria - Fasting plasma glucose level less than 92 mg/dL - 1-hour plasma glucose level less than 180 mg/dL - 2-hour plasma glucose level less than 153 mg/dL WHO Criteria : Normal : Fasting < 140 mg/dl , 2 hr < 200 mg/dl Impaired glucose : Fasting < 140mg/dl , 2 hr ≥ 140 mg/dl Tolerance Diabetes : Fasting ≥ 140 mg/dl , 2 hr ≥ 200 mg/dl *** For diagnosis of non-insulin-dependent diabetes mellitus after pregnancy, the National Diabetes Data Group requires a 1hr value > 200 mg/dl in addition to abnormal fasting and 2 hr values ผลต่ อทารก : 1. การแท้ งบุตรและความพิการแต่ กาเนิด - Overt DM : DMtype1, Poor controlled, HbA1c>12%, FBS > 120 mg/dl พบความ ผิดปกติมากที่สุดใน CVS (VSD Most common), Spine : Caudal regression syndrome ความ ผิดปกติของการสร้างกระดูก Sacrum, Coccyx, and Lower limbs, Neuro (Neural tube defects) ใช้ U/S ในการช่วย DX ได้ 2. ทารกตัวโต (Macrosomia) - Birth BW > 4000g (พบในสตรี ต้งั ครรภ์ที่เป็ นเบาหวาน 20-30% โดยเฉพาะมารดาที่ อ้วน) พบมากไตรมาสที่สาม ช่วงนี้มีการเพิ่มของไขมันช่วงหัวไหล่และลาตัวทาให้คลอดไหล่ได้ ยากขึ้น ทารกตัวโตเกิดจาก : Hyperglycemia, Hyperinsulinemia, Amino acid, Fat and Insulin-like growth factors เพิ่มขึ้น 3. ทารกตายไม่ ทราบสาเหตุ (Unexplained fetal demise) คุมระดับน้ าตาลไม่ดี มักเกิดกับทารก ≥35wk Hyperglycemia ทาให้การ ส่ งผ่าน Oxygen + Metabolites ของทารกผิดปกติ 4. Respiratory distress syndrome (RDS) การควบคุมระดับน้ าตาลและอายุครรรภ์เป็ นปั จจัยสาคัญที่มีผลต่อ RDS 5. Hypoglycemia ตรวจระดับน้ าตาลในเลือดทารกได้ < 35mg/dl (Preterm < 25mg/dl) พบมากใน ทารกที่มีมารดามีระดับน้ าตาลในเลือดสู ง เนื่องจากทารกที่มีมารดาเป็ นเบาหวานจะมี Insulin สู ง Glucagon ที่หลัง่ ออกมามีไม่เพียงพแจึงเกิดภาวะน้ าตาลในเลือดต่า (อาการ: สัน่ เขียว ร้องคราง เสี ยงแหลม เหงื่อแตก อาจจะชักได้ ถ้าเป็ นนานๆ Coma) มารดาต้องคุม ระดับน้ าตาลให้ดี ผลต่ อมารดา : อัตราการตายจากเบาหวานที่เพิม่ ขึ้นในมารดามาจากผลแทรกซ้อนของ Ketoacidosis, Chronic hypertension, or preeclampsia ในมารดาที่เป็ ยเบาหวานและ ควบคุมระดับน้ าตาลได้ดี ทาให้สามารถลดโรคไตวายจากเบาหวานได้ อีกภาวะหนึ่งที่ควร ระวังคือ Diabetic Retinopathy มักขึ้นกับเวลาที่เป็ นเบาหวานมาว่ายาวนานแค่ไหนแล้ว DMtype1>20 yr พบ DR ได้ทุกราย การควบคุมระดับน้ าตาลให้ปกติต้ งั แต่ก่อนและ ระหว่างตั้งครรภ์ช่วยทาให้อนั ตรายจากการตั้งครรภ์ลดลงได้ หลักการในการดูแลรักษาเบาหวานขณะตั้งครรภ์จะขึ้นอยูก่ บั อายุครรภ์ขณะ ตรวจพบ ระดับความรุ นแรงและระดับน้ าตาลในเลือด 1. ควบคุมอาหาร ~30-35kcal/kg especially in 2 and 3 trimester (> 1800kcal/d, <2500kcal/d) C:P:F = 55:20:25 ในคนไม่ต้ งั ครรภ์ปริ มาณไขมันอาจจะสู งกว่านี้ ให้ทานหลายๆมื้อ แต่ม้ือละไม่ มาก ไม่ควรอดอาหารระหว่างมื้อนานกว่า 5-6 ชัว่ โมง เป้ าหมายให้ดูจากน้ าหนักตัวที่เพิ่มขึ้นตาม กาหนดและระดับน้ าตาล (คนอ้วน~7-10kg, คนผอม~16-18kg) **ระวังอย่าคุมเข้มมากเกินไป จะเกิดเป็ น Ketonuria หรื อทารกโตช้าในครรภ์ได้ 2. รู้ การเจาะวัดระดับน้าตาลที่ปลายนิว้ มือด้ วยตนเอง ทาวันละ 3-4 ครั้ง ตอนเช้า ก่อนอาหาร และหลังอาหาร 1-2 ชัว่ โมง และก่อนนอน ให้ ทาเป็ นบันทึกไว้ Fasting (morning) ~ 65-90 mg/dl After meal 1hr ~ 130-140 mg/dl After meal 2hr ~ 110-120 mg/dl ถ้าระดับน้ าตาลหลังอาหารสู ง แต่ Fasting + at 2hr ไม่สูง แนะนาให้ปรับมื้ออาหาร อาจจะลดปริ มาณคาร์โบไฮเดรตและน้ าตาลลง หรื อรับประทานเป็ นมื้อเล็กๆหลายๆมื้อแทน แต่ ในกรณที่ Fasting สู งอาจจะพิจารณาเป็ นการฉี ด insulin วัด HbA1c อาจจะมีประโยชน์ในผุท้ ี่เป็ นเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์มาอยูแ่ ล้ว 3. Exercise : ทาได้แต่ตอ้ งอยูภ่ ายใต้คาแนะนาและการดูแลของแพทย์ 4. การใช้ ยาเม็ดลดระดับนา้ ตาล ไม่แนะนาเนื่องจากยาเม็ดส่ วนใหญ่มีความปลอดภัยต่อทารกในครรภ์นอ้ ยมาก และสามารถผ่านรกได้ เช่น Metformin อาจจะพบเป็ น Growth restriction ทัว่ ไปยังไม่ แนะนาให้ใช้ 5. การฉีด Insulin ในสตรี ที่เป็ นเบาหวานชนิดที่ 2 (มี Endogenous insulin) ฉีดเป็ น Insulin แบบ ผสม (ชนิดออกฤทธิ์ส้ นั -ปานกลาง) วันละ 2 ครั้งมักได้ผลดี ในสตรี ที่เป็ นเบาหวานชนิดที่ 1 อาจให้เป็ น Multiple injection โดยฉีด Short acting ก่อนอาหารสามมื้อ และ Long – intermediate acting ก่อนนอน เพื่อรักษาระดับ น้ าตาลให้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด ควรให้ผปู ้ ่ วยเจาะตรวจน้ าตาลที่ปลายนิ้วอย่างน้อยวันละ 4 ครั้งด้วย - - Antenatal care GDM A1 – ultrasound @ GA34 wk - doppler umbilical flow - cardiotocography GDM A2 – fetal movement count -cardiotocography Perinatal care GDM A1 – normal labor ปกติ GDM A2 – induce ให้ คลอด ตอน GA 38 wk C/S – BW >4500g, poor control DM การดูแลมารดาขณะคลอด - NPO - Regular insulin (short acting) 0.5-2 U/ hr - glucose iv 5-10 g / hr - 8-10 u ผสมกับ 5% DN/2 iv drip rate 100-120 ml/hr - DTX q 1-4 hr การดูแลทารกหลังคลอด - ระวัง RDS - DTX @ 1st hr + premeal 24 hr ถ้ า < 40mg % ถือว่ามีภาวะน ้าตาลต่าควรรักษาทันที การดูแลมารดาหลังคลอด - อนาคตมีโอกาสเป็ นโรคเบาหวาน 50 % - เน้ นความสาคัญการออกกาลังกายและการทานอาหาร - ตรวจ 75 g OGTT 6-8 wkหลังคลอด Preeclampsia / eclampsia Chronic hypertension Chronic hypertension with superimposed preeclampsia Gestational or transient hypertension กลุม่ อาการที่สตรี ตงครรภ์ ั้ มีความดันโลหิตสูง ร่วมกับมีโปรตีนรั่วอย่างมีนยั สาคัญ ประวัติความดันโลหิตสูงก่อนตังครรภ์ ้ ตรวจพบความดันโลหิตสูงขณะตังครรภ์ ้ แต่กอ่ นอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ โดยไม่ได้ เป็ น ผลจาก การตังครรภ์ ้ ไข่ปลาอุกหรื อทารกบวมน ้า ตรวจพบความดันโลหิตสูงกว่าปกติหลังอายุครรภ์ 20สัปดาห์และยังคงอยู่หลัง คลอดไปแล้ ว 12 สัปดาห์ ผู้ป่วยที่มี Chronic hypertension อยูเ่ ดิมแล้ วมี preeclamspsia เกิดขึ ้น BP 140/90 mmHg หรื อสูงกว่า โดยได้ รับวินิจฉัยเป็ นครัง้ แรกหลังอายุ ครรภ์ 20 สัปดาห์ ไม่มี proteinuria BP กลับสูป่ กติภายใน 12 สัปดาห์หลังคลอด การวินิจฉัยจะต้ องรอหลังคลอดแล้ วเท่านัน้ ครรภ์แรก ประวัติครอบครัวของ preeclampsia หรื อ eclampsia ประวัติ preeclampsia หรื อ eclampsia ในครรภ์ก่อน ภาวะอ้ วน โรคทางอายุรกรรม เช่น HT DM โรคไต หรื อโรคหลอดเลือดต่างๆ ความผิดปรกติของ conceptus เช่น ครรภ์แฝด ครรภ์ไข่ปลาอุก ทารกบวมน ้า ในครรภ์ หรื อ ทารกเป็ น trisomy 13 Symptoms of preeclampsia 1. Headache 2. May be symptomless 3. Visual symptoms 4. Epigastric and right abdominal pain Signs of preeclampsia 1. Hypertension 2. Pulmonary edema 3. Eclamsia 4. ตาบอดจากพยาธิสภาพของ preeclampsia ในสมอง [cortical blindness] 5. ภาวะทารกในครรภ์เติบโตช้ า ( intrauterine growth restiction: IUGR) Investigations Maternal Urinalysis by dipstick 24hours urine collection Full blood count(platelets&haematocrit) Renal function(uric acid,s.creatinine,urea) Liver function tests Coagulation profile - Proteinuria ≥ 2 gm/24 hours or ≥ 2+ dipstick - Serum creatinine >1.2 mg/dl - platlets < 100,000 (Thrombocytopenia) - Elevated ALT or AST Fetal Investigations Ultrasonography การตรวจอัลตร้ าซาวน์ใช้ เพื่อประเมินทารกในครรภ์และประเมินว่ามีการเติบโตไม่เหมาะสม (growth restriction) Cardiotocography การวัดการเต้ นของหัวใจทารกและการหดตัวของมดลูก เป็ น nonstress test ที่เป็ นมาตรฐานและเป็ นอันหลักในการติดตามความเป็ นไปของทารกในครรภ์ Umbilical artery Doppler ultrasongraphy ประเมินการ ไหลเวียนของเลือด Renal excretory system Hepatic system Cardiopulmonary system Hematologic and coagulation system Neurological system Fluid and electrolyte Endocrine system Placenta Mild preeclampsia ◦ อายุครรภ์น้อยกว่า 24 สัปดาห์ ◦ อายุครรภ์ระหว่าง 24 – 37 สัปดาห์ ◦ อายุครรภ์มากกว่า 37 สัปดาห์ mild eclampsia ◦ อายุครรภ์น้อยกว่า 24 สัปดาห์ สืบค้ นหาโรคทางอายุรกรรมและการตังครรภ์ ้ ที่ผิดปกติ คานึงถึงสุขภาพมารดาเป็ นสาคัญ mild eclampsia ◦ อายุครรภ์ระหว่าง 24 – 37 สัปดาห์ Supportive treatment เป้าหมายเพื่อควบคุมความดันและรอให้ ปากมดลูกพร้ อมคลอด mild eclampsia อายุครรภ์ระหว่าง 24 – 37 สัปดาห์ ◦ ◦ ◦ ◦ ◦ ◦ ◦ CBC, Coagulation, BUN Cr, Uric acid, Elyte, LFT Ultrasound Nontress test ให้ Corticosteroid ให้ ยานอนหลับ ไม่ต้องให้ ยาลดความดัน ประเมินขนาดรกและปริมาณน ้าคร่ า ตรวจ Ultrasound ทุก 2 สัปดาห์ และนัดมาตรวจติดตามเพื่อวัดความดันโลหิต ตรวจโปรตีนในปั สสาวะ ◦ ◦ ◦ ◦ ◦ Observe อาการของ severe eclampsia ชัง่ น ้าหนัก ให้ มารดาบันทึกจานวนการดิ ้นของทารก นอนพักและทานอาหารที่มีโปรตีนและแคลอรี่ เพียงพอ ให้ ยานอนหลับ ไม่ต้องให้ ยาลดความดัน Severe preeclamsia 37 week 35 – 36 week ในผู้ป่วยที่ไม่ให้ ความร่วมมือในการตรวจติดตาม 34 week หากมีอาการเจ็บครรภ์ น ้าเดิน ทารกเจริญเติบโตช้ า Severe preeclampsia ◦ อายุครรภ์น้อยกว่า 24 สัปดาห์ ◦ อายุครรภ์ระหว่าง 24 – 34 สัปดาห์ ◦ อายุครรภ์มากกว่า 34 สัปดาห์ ◦ ◦ ◦ ◦ ◦ ◦ ◦ ◦ ◦ ให้ MgSO4 ทันที นอนพัก CBC, Coagulation, BUN Cr, Uric acid, Elyte, LFT ให้ ยาลดความดัน ใส่สายสวนปั สสาวะดู Urine output ทุก 4 ชม. Urine 24 ชม. ติด External tococardiographic Ultrasound Corticosteroid ประเมินก่อนว่า Supportive ได้ หรื อไม่ ◦ ผู้ป่วยที่ความดันโลหิตสูงเพียงอย่างเดียว ◦ ผู้ป่วยที่มี Urine Protein 24 hr 5g ◦ ผู้ป่วยที่ไม่มีความผิดปกติของอวัยวะส่วนปลายและไม่มีกลุม่ อาการ HELLP syndrome ◦ ทารกไม่มีภาวะขาด O2 ถ้ าประเมินแล้ ว Supportive ได้ ◦ ◦ ◦ ◦ ◦ หยุดให้ MgSO4 เมื่อให้ ครบ 24 ชัว่ โมง Observe จนกว่าจะคลอด เจาะเลือด Observe urine output Nonstress test แล้ วจะยุติการตังครรภ์ ้ เมื่อไหร่? ◦ ◦ ◦ ◦ ◦ ไม่สามารถควบคุมความดันได้ จากการนอนพัก Placenta abruption Oliguria มีอาการนาว่าจะเกิดการชัด HELLP syndrome ◦ ให้ MgSO4 เมื่อชักนาการคลอดหรื อผ่าตัดและให้ ตอ่ จนครบ 24 ชม.หลังคลอด Chronic hypertention ◦ ตรวจร่างกายอย่างละเอียด หลอดเลือดที่จอตา ปริ มาณโปรตีนในปั สสาวะ 24 ชัว่ โมง Cr clearance EKG จากัดการบริ โภคเกลือไม่เกินวันละ 2 กรัม นัดฝากครรภ์ทกุ สองสัปดาห์ และทุกหนึง่ สัปดาห์หลัง 28 week จนคลอด เมื่อไหร่จะรับไว้ ดแู ลในรพ.? ◦ เกิด Preeclampsia แทรกซ้ อน ◦ acute pyelonephritis ◦ Uric acid สูงขึ ้น 6mg/dl ให้ ยาลดความดันโลหิตในผู้ป่วยที่มี Diastolic Pressure สูงกว่า 100 mmHg มักเลือกใช้ a – methyldopa หลีกเลี่ยงการใช้ ยาขับปั สสาวะ และ ACEI การคลอดใน Chronic hypertension ◦ เมื่ออายุครรภ์ครบกาหนดและปากมดลูกพร้ อม ◦ อาจเกิดการคลอดก่อนกาหนดได้ หากมี Preeclamsia แทรกซ้ อน รกลอกตัวก่อนกาหนด ทารกมีการเจริ ญเติบโตช้ า มีสญ ั ญาณว่าทารกอยูใ่ นภาวะอันตราย First line antihypertensives Hydralazine Labetalol Nifedipine control diastolic blood pressure ให้ อยูใ่ นช่วง 90-100 agent action dose Side effect commen hydralazine Direct vasodilator 5 mg IV q 20 min (Max 20mg) Headache, Flushing palpitatio Drug of emergency labetalol Beta&alpha blocker 20 –80 mg IV q 10 min(Max 300 mg) Nausea Vomiting h.block Avoid in h.Failure b.asthma nifedipine Ca.channel blocker 10 mg PO q 30 min Severe headache For emergency t แบบ Continuous Intravenous infusion Loading 10 % MgSO4 40 - 60 ml (4 – 6 gm) IV ในเวลา 5 – 10 นาที Maintenance IV infusion 1-2 gm/hr 5% D/N 1000 ml + 50% MgSO4 20-40 ml(10 - 20 gm) IV infusion 100 ml/hr (25 drops/min) Blood level ที่ป้องกันการชักคือ 4 – 7 mEq/L หยุดให้ ยา 24 ชัว่ โมงหลังคลอด การให้ แบบ Intermittent Intramuscular injection Loading 10 % MgSO4 40 ml(4 gm) IV 1 gm/min 50% MgSO4 20 ml (10 gm) deep IM (at upper outer quadrant of both buttocks) ข้ างละ10 ml(5 gm) Maintenance 50% MgSO4 10 ml ( 5 gm) IM every 4 hours หยุดให้ ยา 24 ชัว่ โมงหลังคลอด ให้ งดฉีด MgSo4 ใน Dose ต่อไป ถ้ าตรวจพบว่า ไม่มี patellar reflex หายใจช้ าลง ต่ากว่า16 ครัง้ /นาที ปั สสาวะใน 4 ชัว่ โมงที่แล้ ว น้ อยกว่า100 มล. ให้ ตรวจซ ้าทุก 30 นาทีจนมี patellar reflex จึงให้ ยาต่อได้ ถ้ าหากมีการกดการหายใจชัดเจน ใหแก้ ไขโดยการฉีด 10 % Calicum gluconate 10ml IV ในเวลาไม่ต่ากว่า10 นาที