Palliative Care - คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

advertisement
รูแ
้ ละเข้าใจ Palliative Care
รศ. พญ. ร ัตนา พ ันธ์พานิช
บรรยายในทีป
่ ระชุมวิชาการ ฝ่ ายการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชฯ
ี งใหม่
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชย
25 กรกฎาคม 2557
ประเด็นนาเสนอ
1.
2.
3.
4.
5.
6.
หลักคิด และการปฏิบตั ิ Palliative care
การสื่ อสารกับผูป้ ่ วยและครอบครัว
การประเมินอาการ และความทุกข์ของผูป้ ่ วย
ความเข้าใจเกี่ยวกับ “จิตวิญญาณ”
ความต่อเนื่องของการดูแลผูป้ ่ วย
การช่วยเหลือให้ผปู ้ ่ วย “ตายดี”
มิติการดูแลผูป้ ่ วยตามระยะการดาเนินโรค
Old concept
การรักษาที่ตวั โรค
New concept
การดูแลแบบประคับประคอง
http://topicsinmediasection2.pbworks.com/w/page/22366439/Health
WHO Definition of Palliative Care
• an approach that improves the quality of life
of patients and their families facing the
problem associated with life-threatening
illness, through the prevention and relief of
suffering by means of early identification and
impeccable assessment and treatment of pain
and other problems, physical, psychosocial
and spiritual.
http://www.who.int/cancer/palliative/definition/en/
Potential Palliative Care Interventions
Generally,
not Palliative
Palliative
Support
• Emotional
• Spiritual
• Psychosocial
Variable
CPR
Ventilation
Transfusions
Infections
Control of
• Pain
• Dyspnea
• Nausea
• Vomiting
Hypercalcemia
Highly
burdensome
Interventions
Tube Feeding
Dialysis
Palliative care: Overview and Concepts, Mike Harlos
หล ักคิดสาค ัญในการทางาน Palliative Care
1.
ชวี ต
ิ คือองค์รวม ประกอบด ้วยร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ
2.
“การเกิด” และ “การตาย” เป็ นธรรมดาของทุกชวี ต
ิ
3.
เป้ าหมายคือคุณภาพชวี ต
ิ ของผู ้ป่ วย และการไม่ทก
ุ ข์ทรมาน
4.
ิ ธิทม
“การตายดี” เป็ นสท
ี่ นุษย์ทก
ุ คนพึงได ้รับ ต ้องไม่เร่งหรือ
ยือ
้ เมือ
่ ถึงเวลา
5.
การดูแลทีม
่ ผ
ี ู ้ป่ วยและครอบครัวเป็ นศูนย์กลาง
Palliative care outcomes
Improve quality of care
• งานวิจยั ระบุวา่ การบูรณาการ Palliative care ทาให้เกิดผลด้าน
บวกต่อผลลัพธ์ของการดูแลผูป้ ่ วยมะเร็ งระยะสุ ดท้าย ได้แก่ การ
เพิ่มขึ้นของจานวน hospice referral การลด ICU admission and
death การมา ER การทา CPR, Aggressive investigation และ
การใช้เคมีบาบัดในระยะสุ ดท้าย ซึ่งเป็ นผลจากการวางแผนการ
ดูแลล่วงหน้า และการกาหนดเป้ าหมายไว้ชดั เจน
Palliative care outcomes
Reduced healthcare costs
• ผูป้ ่ วยมะเร็ งระยะสุ ดท้าย มีอาการแทรกซ้อน อาการรบกวน และ
มักมาโรงพยาบาลแบบฉุกเฉิ นของ บางครั้งถูก admit เข้า ICU
ทาให้สิ้นเปลืองทรัพยาการมาก ทาให้ค่าใช้จ่ายสูงสุดในเดือน
สุ ดท้ายของชีวติ (รายงานวิจัยในต่ างประเทศพบว่ าสู งถึง 40%
ของค่ าใช้ จ่ายทั้งหมดในปี สุดท้ าย)
• การบูรณาการ Palliative care ในโรงพยาบาล จึงไม่เพียงแต่ทา
ให้คุณภาพของการดูแลผูป้ ่ วยดีข้ ึน แต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้วย
Effective Communication with
patients and families
• ในมุมมองของผู้ป่วย ถ้ าถามว่าอะไรสาคัญที่สดุ ในระบบบริ การ
คาตอบคือ “วิธีการทีผ่ ้ ูให้ บริการปฏิบัตติ ่ อเขา” นัน่ เอง การ
สื่อสารที่ดี จึงเป็ นหัวใจของการดูแลที่ผ้ ปู ่ วยเป็ นศูนย์กลาง
การสื่ อสารทีด่ เี ป็ นหัวใจของการดูแลแบบ Palliative
ผู้ป่วยทีเ่ ข้ าใจและประทับใจในตัวผู้ให้ บริการมีแนวโน้ มทีจ่ ะ
ยอมรับความเจ็บป่ วย เข้ าใจและร่ วมมือในการรักษา และการ
ปรับเปลีย่ นพฤติกรรมได้ ดกี ว่ า
Breaking bad news can be stressful?
มีผเู ้ ปรี ยบเทียบ การบอกข่าวร้ายว่าเหมือนการ “ตอกไข่”“breaking an egg” ซึ่งต้องการทักษะและความชานาญ
มิฉะนั้นก็จะเลอะเทอะหรื อยุง่ เหยิงไปหมด แต่หากเห็นว่าเป็ นการยากที่
จะบอกแล้วละเลยไม่ปฏิบตั ิ ก็จะมีผลเสี ยต่อผูป้ ่ วยและญาติ และต่อตัว
แพทย์เองได้อย่างมากเช่นกัน
6 ขนตอนของการบอกข่
ั้
าวร้าย
1. เริ่มต้ นให้ พร้ อม
2. สืบค้ นว่ าผู้ป่วยรู้อะไรบ้ างแล้ ว
3. สืบค้ นว่ าผู้ป่วยอยากรู้อะไรอีก
4. ให้ ข้อมูล แลกเปลี่ยนข้ อมูล
5. รับรู้ และเข้ าใจความรู้สึกของผู้ป่วย
6. วางแผนนัดหมาย ติดตามต่ อเนื่อง
Robert Buckman's Six Step Protocol
DABDA “Five stages of coping"
On Death and Dying, Dr. Elisabeth Kubler-Ross
Denial
• ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ "No way, not me."
Anger
• ยอมรับความจริงได ้แล ้ว เลยโกรธ "Why me?"
Bargain
• หายหรือโกรธน ้อยลงแล ้ว จึงต่อรอง
Depression
ึ เศร ้า
• เมือ
่ ต่อรองไม่เป็ นผล ทาให ้ซม
Acceptance
• ยอมรับ (ถ ้ามาถึงระยะนีไ้ ด ้ก่อนตาย ถือว่าดี
มาก)
ปฏิกิริยาอาจพบบางอย่าง หรื อไม่เรี ยงลาดับก็ได้
การรับมือกับปฏิกริ ิยาของผู้ป่วย
ปฏิเสธ
โกรธ
ต่อรอง
ึ เศร ้า
ซม
ยอมรับ
• ให ้ข ้อมูลโรค การดาเนินโรค และแนวทางการรักษา
ึ ของผู ้ป่ วย
• แสดงตนว่ารับรู ้และเข ้าใจความรู ้สก
• บอกผู ้ป่ วยว่าจะดูแลเขาอย่างดีทส
ี่ ด
ุ
• เข ้าใจ เห็นใจ ไม่ถอ
ื สาอารมณ์โกรธของผู ้ป่ วย
• ให ้ความมั่นใจว่าเขาจะได ้รับการดูแลอย่างดีทส
ี่ ด
ุ
• ให ้ผู ้ป่ วยมีสว่ นร่วมในการวางแผนการรักษา
• ประเมินความรุนแรง เพือ
่ ให ้การรักษาทีเ่ หมาะสม
ื่ หลักคิด คาสอนทีผ
• นาความเชอ
่ ู ้ป่ วยศรัทธามาเป็ น
เครือ
่ งยึดเหนีย
่ วจิตใจ และเสริมพลังการรักษา
พยาธิวทิ ยาของการเกิดอาการในผู้ป่วยมะเร็ ง
Obstruction
Compression
Effusion
Infections
Bleeding
Inflammation
Etc.
โรคร่ วมอืน่ ๆ
• อาการทางกาย
• ความทุกข์ ทางใจ
• วิกฤติทางจิตวิญญาน
• คุณภาพชีวติ ลดลง
• ผลกระทบต่ อครอบครัว
•ถูกบอกข่าวร้าย
•กลัวโรคลุกลาม
•เป็นห่วงภาพลักษณ์
•ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
•หมดเงินค่ารักษา
Physical Symptoms
• อาการทางกายสามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า ต้องประเมินคัดกรอง
เป็ นรู ทีน เพื่อจัดการได้ทนั ที
• อาการที่พบบ่อย ได้แก่ อ่อนเพลีย ปวด หายใจลาบาก คลื่นไส้
อาเจียน เบื่ออาหาร น้ าหนักลด เพ้อ
• อาการต่างๆ มักเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน ต้องประเมินทุกมิติไป
พร้อมกัน
Factors affecting patients' perception of pain.
O'Neill B , Fallon M BMJ 1997;315:801-804
WHO's three step ladder
to use of analgesic drugs.
• ผูป้ ่ วยบางคนปวดมากกว่า 1 ตาแหน่ง ประเมินแต่ละแห่งแยกกัน
• ใส่ ใจผลกระทบของอาการปวด และวางแผนการดูแลร่ วมกับผูป้ ่ วยและญาติ
Palliative Performance Scale
Palliative care Outcome Scale (POS)
PATIENT QUESTIONNAIRE (version 2)
ช่ วง 3 วันที่ผ่านมา
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
คุณมีอาการปวดไหม
คุณมีอาการรบกวนที่ทาให้รู้สึกไม่สบายไหม เช่น คลื่นไส้ ไอ ท้องผูก
คุณวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่ วยของตัวเองหรื อวิธีการรักษาหรื อไม่
คุณมีคนในครอบครัวหรื อเพื่อนๆ ที่ห่วงกังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่ วยของคุณไหม
คุณและครอบครัวได้รับการบอกหรื อให้ขอ้ มูลมากน้อยแค่ไหน
คุณได้พดู คุยถึงความรู้สึกของคุณกับคนในครอบครัวหรื อเพื่อนๆ ไหม
คุณรู้สึกซึมเศร้าไหม
คุณรู้สึกดีกบั ตัวคุณเองไหม
คุณรู้สึกบ่อยแค่ไหนว่ามีแต่เรื่ องทาให้เสี ยเวลา กับการนัดหมายที่เกี่ยวกับโรงพยาบาล เช่น การ
รอคอยเปล การรอผลตรวจซ้ า เป็ นต้น
คุณมีเรื่ องอะไรที่กระทบกับตัวคุณหรื อไม่ ทั้งเรื่ องการเงิน เรื่ องส่ วนตัวอื่นๆ
POS scoring
Assessment no:
Date:
Setting:
1. Pain
2. Other symptoms
3. Anxiety
4. Family anxiety
5. Information
6. Support
7. Depressed
8. Self worth
9. Wasted time
10. Personal affairs
Total score:
Main problems
Completed by: patient only;
patient and relative/ friend;
patient and staff
Psychological symptoms
• Emotional distress เป็ นผลจากความกลัวและความกังวลเกี่ยวกับ
ความไม่แน่นอนของการดาเนินโรค การเปลี่ยนแปลงรู ปลักษณ์ของ
ตน การปฏิบตั ิกิจประจาวันได้ลดลง ขาดงาน ขาดรายได้ ขาดความ
เชื่อมัน่ ในตนเอง บทบาทในครอบครัวเปลี่ยนแปลง ไม่สามารถทา
กิจกรรมที่ชอบ
คัดกรองสุ ขภาพจิตเป็ นรูทนี การดูแล รับฟัง ให้ คาปรึกษา แนะนา
ปรับเปลีย่ นพฤติกรรม ออกกาลังกาย และปรึกษาจิตแพทย์ ในรายที่
รุนแรง
Spirituality in palliative care
Healing beyond technology
The spiritual part of our lives heavily influences the physical and psychological
physical
Spiritual
Psychological
Look after problems in the
spiritual dimension: Spiritual
practices and spiritual healing
remedies
ความเป็ นมนุษย์คอ
ื คุณสมบัตท
ิ เี่ กิดจากการบูรณาการ
ของชวี ต
ิ ด ้านร่างกายและจิตวิญญาณ
องค์ รวมของชีวติ
• มิติทางกาย
• มิติทางจิตวิญญาณ
Life is Holistic
เมื่อมองไม่ เห็นองค์ รวมของชีวติ ก็มิอาจเข้ าใจชีวติ ทีเ่ ป็ นองค์ รวมได้
มิตด
ิ ้านจิตวิญญาณสูญหายไปจากระบบคิดของการแพทย์สมัยใหม่?
Spirituality แสดงออกใน 3 มิติ
 การรับรู้ (Cognitive aspects)
การรับรู ้ความหมายของชีวิต ความเชื่อ และคุณค่าของการมีชีวติ อยู่
 ประสบการณ์ และอารมณ์ (Experiential &emotional aspects)
อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ความหวัง ความสงบ ความสามารถในการให้และรับ
ความรัก ความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับโลกภายใน กับธรรมชาติ กับสิ่ งแวดล้อม
ภายนอก และสิ่ งที่เหนือธรรมชาติ
 พฤติกรรมทีแ่ สดงออก (Behavioral aspects)
การแสดงออกภายนอกที่มองเห็นได้ สอดคล้องกับความเชื่อและสภาวะภายใน
ของตัวเอง
Spirituality vs Religion
• Spirituality จิตวิญญานมีความหมายกว้ างๆ ครอบคลุมทัง้
มุมมองทางศาสนา และที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา
• Religion ศาสนาเป็ นวิธีที่ช่วยมนุษย์ตอบคาถามที่เกี่ยวกับจิต
วิญญาน จึงมีการกาหนดความเชื่อ คาสอนเฉพาะ และสิง่ ที่ต้องปิิบตั ิ
คนส่ วนใหญ่คน้ หาจิตวิญญานของตนผ่านทางศาสนา
หรื อผ่านความสัมพันธ์กบั สิ่ งที่มีอานาจเหนือโลก
บางคนค้นพบจิตวิญญานของตนผ่านการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
งานศิลป ดนตรี ค่านิยม และสัจธรรม
Spiritual suffering/ crisis
• ภาวะวิกฤติทางจิตวิญญาณ
เกิดขึ้นเมื่อบุคคลนั้นไม่สามารถหาหลักที่พ่งึ พิงได้ในการ
ให้ความหมายของชีวติ ความหวัง ความรัก ความสงบ
ภายใน หรื อเมื่อมีความขัดแย้งระหว่างความเชื่อกับสิ่ งที่
กาลังเกิดขึ้นในชีวติ
Trajectory of dying: Steady decline
Health Status
ี ชวี ต
การดาเนินโรคทีผ
่ ู ้ป่ วยเสย
ิ ใน
่
เวลาอันรวดเร็ว ตัวอย่างเชน
มะเร็งชนิดรุนแรง
Decline
Spiritual crisis
Death
Time
http://depts.washington.edu/pallcare/training/ppt.shtml
Spirituality and Medicine
Gowri Anandarjah, Ellen Hight, Spiritual and medical practice: Using the HOPE Questions
as a practical tools for spiritual assessment. Am Fam Physician 2001;63:81-88
Patient surveys
ื่ ว่าสุขภาวะทางจิตวิญญาณมีความสาคัญต่อสุขภาพกาย
• 95% เชอ
• 73% คิดว่าเขาควรมีโอกาสพูดคุยแลกเปลีย
่ นกับแพทย์ในประเด็นทีเ่ กีย
่ วกับ
จิตวิญญาณ/ศาสนา
Physician surveys
ื่ ว่าสุขภาวะทางจิตวิญญาณมีความสาคัญต่อสุขภาพกาย
• 96% เชอ
• อุปสรรคสาคัญในการพูดคุยประเด็นทีเ่ กีย
่ วกับจิตวิญญาณคือ การไม่มเี วลา
(71%) ไม่เคยเรียนและฝึ กปฏิบต
ั ิ (59%) ไม่งา่ ยทีจ
่ ะรู ้ว่าคนไข ้คนไหนอยาก
ให ้คุยเรือ
่ งแบบนีด
้ ้วย (56%)
• Plato said, “The greatest mistake in the treatment of diseases
is that there are physicians for the body and physicians for the
soul, although the two cannot be separated.”
• พลาโตกล่าวว่า “ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สดุ ของมนุษย์ในการ
รักษาโรคคือการที่มีแพทย์ฝ่ายกายและแพทย์ฝ่ายวิญญาน
แยกกัน ทังๆ
้ ที่ทงสองส่
ั้
วนนี ้ไม่สามารถแยกจากกันได้
Spiritual assessment
• Informal assessment
– ประเมินได้ ทกุ เวลาเมื่อโอกาสอานวย การฟั งเป็ นเครื่ องมือสาคัญ
– คนไข้ มกั แสดงออกโดยการเล่าเรื่ องซึง่ แฝงไปด้ วยข้ อมูลด้ านจิตวิญญาณ เช่น
ความหมายของชีวิตตนเอง ความหวัง-ความสิ ้นหวัง ความกลัว
– ทาให้ เราเข้ าใจได้ วา่ ความเข้ มแข็งทางจิตวิญญาณของผู้ป่วยเป็ นอย่างไร มี
spiritual suffering หรื อไม่
• Formal assessment
– การประเมินโดยใช้ ข้อคาถาม ร่วมไปกับการประเมินด้ านอื่นในระบบ routine
เพื่อให้ ได้ ข้อมูลด้ านความเชื่อและการปิิบตั ิ และประเมินว่าสิ่งนันจะมี
้
บทบาทหรื อโอกาสในการเยียวยาผู้ป่วยหรื อไม่
The HOPE Questions
for a Formal Spiritual Assessment in a Medical Interview
H: Source of hope, meaning, comfort,
strength, peace, love, and connection
O: Organized religion
P: Personal spirituality and practices
E: Effects on medical care and end-of-life
issues
Gowri Anandarjah, Ellen Hight, Spiritual and medical practice: Using the HOPE Questions
as a practical tools for spiritual assessment. Am Fam Physician 2001;63:81-88
การประเมินด ้านจิตวิญญาน
การดูแลด ้านจิตวิญญาน
 มองให ้เห็น และตอบสนอง
 มีความกรุณา
 อยูก
่ บ
ั ปั จจุบน
ั ขณะ
 ฟั งอย่างตัง้ ใจ
 สนับสนุนความหวัง (ทีไ่ ม่เกินจริง)
 ไม่จาเป็ นต ้องพูดคุยเรือ
่ งพระเจ ้าหรือศาสนา
ปั จจัยความสาเร็จของการดูแลด ้านจิตวิญญาณ
• ความเข้ าใจจิตวิญญาณของตนเองของผู้ประเมิน
– เข้ าใจอย่างลึกซึ ้งในความเชื่อด้ านจิตวิญญาณของตนเอง
– ต้ องไม่ตดั สิน และอยู่บนฐานของการมีผ้ ปู ่ วยเป็ นศูนย์กลาง
• สัมพันธภาพระหว่ างผู้ให้ การรักษากับผู้ป่วย
– ความไว้ วางใจทาให้ เปิ ดใจพูดคุย
• เวลา และวิธีการที่เหมาะสม
– วางตัวเป็ นธรรมชาติ เรี ยงลาดับประเด็นสนทนา (กาย -จิต -สังคม -จิตวิญญาณ วิธีการ
รักษา- การช่วยเหลือ- การสนับสนุน- ทางเลือก- เสริ ม)
การสนทนาเชิงลึก จาเป็ นต้องอาศัยผูม้ ีทกั ษะในการแปรความหมายของคาพูดและภาษากาย
Continuity of Care: สมดุลระหว่ าง Diseasefocused และ Comfort-focused
http://www.cancernetwork.com
CONCEPTS OF CONTINUITY
การดูแลต่ อเนื่องเป็ นผลรวมของ 3 ประการ
1) ความต่ อเนื่องของข้ อมูล (Informational continuity)
การส่ งต่อข้อมูลผูป้ ่ วยระหว่างผูใ้ ห้บริ การในทีม ระหว่างหอผูป้ ่ วย
ระหว่างโรงพยาบาล เพื่อสามารถนาไปใช้ได้ทนั เวลา
2) ความต่ อเนื่องของความสั มพันธ์ (Relational continuity)
ผูป้ ่ วยและทีมผูใ้ ห้บริ การมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง
3) ความต่ อเนื่องของการจัดการ (Management continuity)
การจัดบริ การที่หลากหลาย และเข้าถึงง่าย และการประสานงานระหว่างผู้
ให้บริ การและผูเ้ กี่ยวข้อง
Denis Pereira Gray, et al. Towards a theory of continuity of care. J R Soc Med 2003:160-166
การดูแลต่ อเนื่องตลอดระยะการดาเนินโรค
http://www.cancernetwork.com
สรี รวิทยาในระยะเผชิญความตาย
ความอ่ อนเพลีย (weakness / fatigue)
ไม่จาเป็ นต้องรักษา เพราะจะเกิดผลเสี ยมากกว่าผลดี การช่วยขยับและบริ หารข้อ
หมัน่ พลิกตัว และบีบนวดสัมผัสเบาๆ ก็เพียงพอ
ความเบื่ออาหาร
ความเบื่ออาหารเป็ นผลดีมากกว่าผลเสี ย ทาให้มีสารคีโตนในร่ างกายเพิ่มขึ้น
สารคีโตนทาให้ความเจ็บปวดบรรเทาลง
ดืม่ นา้ น้ อยลง
ภาวะขาดน้ ากระตุน้ ให้มีการหลัง่ สารเอนดอร์ฟิน ทาให้รู้สึกสบาย
End of Life สุมาลี นิมมานนิตย์
สรี รวิทยาในระยะเผชิญความตาย
การเปลีย่ นแปลงของระบบไหลเวียนเลือด
ช็อก ชีพจรเต้นเร็ ว มี peripheral และ central cyanosis ปัสสาวะลดลง
การหายใจลาบาก หายใจมีเสี ยงดัง
ญาติตื่นตระหนก กลัวผูป้ ่ วยทรมาน ความจริ ง ผูใ้ กล้ตายมิได้รู้สึกเช่นนั้น
การเปลีย่ นแปลงทางระบบประสาท
Usual roadรู ้สึกง่วง และนอนหลับตลอดเวลา รู ้สึกตัวน้อยลงเป็ นลาดับ จนหมด
สติและตายในที่สุด
Difficult road กระวนกระวาย อาจเพ้อ กระตุก ชัก และในที่สุดไม่รู้สึกตัวและ
เสี ยชีวิต
End of Life สุมาลี นิมมานนิตย์
วางแผน “การตายดี” อย่ างไร
“พรุ่งนี้ ข้าจะเผชิญความตาย
จะเดินไปสู่ความตาย และไม่กินอะไรอีก”
“......นั่นเป็ นเรื่องที่น่าตกใจ แต่ในแง่หนึ่งเพราะเรามีประเพณีเช่นนั้น นี่เป็ น
วิถที างซึ่งผู้มีศรัทธาเคร่งศาสนาและมีใจใฝ่ ธรรมละโลก เป็ นมรรคาที่พวกเขา
เลือกจะตาย ด้ วยเหตุน้ ีแม่จึงถูกมองว่าเป็ นคนกล้ าหาญยิ่ง”
สาธิส กุมาร
สาธิส กุมาร เรื่ องราวชีวติ อย่างย่อ ใน จอห์น เลน สู่วยั ชราอย่างมีศิลปะ แรงบรรดาลใจเพื่อชีวติ ที่
งามอุดม. 2555
End of Life Care
More aggressive medical care was associated with worse
patient quality of life and depression among caregivers.
Wright AA: JAMA2008; 300:1165-1673
ความพอดีของการใช้เทคโนโลยีอยู่ตรงไหน?
ในระยะสุดท้ ายของผู้ป่วย ยิ่งเรา
รักษาแบบ aggressive มากเท่าไร
คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยก็ย่งิ แย่ และ
ญาติกย็ ่งิ ทุกข์ใจมากเท่านั้น
ระยะเผชิญความตาย
จะดูแลผู้ป่วยให้ “ตายดี” ได้ อย่ างไร
 ลดหรื อหยุดยา และวิธีการตรวจ/การรักษาที่ไม่จาเป็ น
 รักษาอาการปวด และอาการรบกวนที่ทาให้ผปู้ ่ วยทุกข์ทรมาน
 สื่ อสารบอกผูป้ ่ วยและครอบครัวด้วยวิธีที่เหมาะสม
 ประเมินและตอบสนองความต้องการด้านจิตวิญญาน
 วางแผนการดูแลขณะเผชิญความตายของผูป้ ่ วย ร่ วมกับ
ครอบครัว
Addressing spiritual needs
•
Truly listening/active listening, “Being there”
• Accompanying, not guiding
1)
2)
3)
4)
5)
6)
รู้ตัวและมีสติรับรู้ส่งิ ที่จะเกิดขึ้น
ไม่เจ็บปวด ไม่ทุกข์ทรมาน
ได้ รับการดูแลด้ านจิตใจ จิตวิญญาน
มีความเป็ นส่วนตัว เลือกได้ ว่าจะตายที่ใด
มีคนรักอยู่ใกล้ มีเวลากล่าวคาอาลา
พร้ อมไปเมื่อเวลามาถึง ไม่ย้ อื ชีวิต
รัตนา พันธ์พานิช
LIVING WILL
กฎหมายพระราชบัญญัตสิ ุ ขภาพแห่ งชาติ ปี พ.ศ. 2550 “พินัยกรรมชีวติ ”
"บุคคลมีสิทธิทาหนังสื อแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริ การสาธารณสุขที่เป็ นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้าย
ของชีวิตตน หรื อเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่ วยได้...เมื่อผูป้ ระกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขได้ปฏิบตั ิตามเจตนาของ
บุคคลตามวรรคหนึ่งแล้ว มิให้ถือว่าการกระทานั้นเป็ นความผิดและให้พน้ จากความรับผิดทั้งปวง”
ความตาย....ประตสู ่ ูสภาวะใหม่
• “........การตายอย่างสงบ เป็ นสิ ทธิมนุษยชนที่สาคัญโดยแท้ อาจ
สาคัญยิง่ กว่าสิ ทธิในการลงคะแนนเสี ยงหรื อสิ ทธิที่จะได้ความ
ยุติธรรมเสี ยอีก....... ทุกศาสนาสอนว่า การตายอย่างสงบเป็ นสิ ทธิที่
มีผลอย่างมากต่อความปกติสุข และอนาคตทางจิตวิญญาณของผู ้
ใกล้ตาย ไม่มีสิ่งประเสริ ฐใดๆ ที่คุณสามารถจะให้ได้
นอกเหนือจากการช่วยให้บุคคลได้ตายดี”
Sogyal Rimpoche
Head, Hands and Heart of Palliative Care
เรายังมีสิ่งที่จะ
ทาให้ ผ้ ูป่วยได้
เสมอ แม้ เขาจะ
ตายในอีกไม่ ช้า
Palliative care: สรุปสงิ่ ทีไ่ ด ้เรียนรู ้
• เข้าใจหลักคิดชีวติ คือองค์รวม การเกิดและการตายเป็ นธรรมดา
ของทุกชีวิต
• ช่วยเหลือผูป้ ่ วยให้มีชีวติ ที่ดีที่สุดจนถึงวันที่ตอ้ งตาย
• ต้องไม่เร่ ง หรื อยื้อการตายของผูป้ ่ วยเมื่อเวลานั้นมาถึง
• รักษาอาการปวดและอาการทุกข์ทรมานของผูป้ ่ วยเป็ นสาคัญ
• ผสมผสานการดูแลด้านจิตใจ จิตวิญญาณในการดูแลผูป้ ่ วย
• เริ่ มต้นทันทีควบคู่ไปกับการดูแลที่เน้นการรักษาที่ตวั โรค
• ใช้หวั ใจมากกว่าสมองในการทางาน
Download