Document

advertisement
ระบบกำจัด
Excretory
System
ของเสีย
 Excretory systems regulate the
chemical composition of body fluids
by removing metabolic wastes and
retaining the proper amounts of
water, salts, and nutrients.
 Components of this system in
vertebrates include the kidneys, liver,
lungs, and skin
 The job of the excretory system is to
remove various produced by the
body.
 The removal is known as excreation.
It is important for the body to
remove these various waste, also
known as toxic, because toxic build
up can lead to servere death.
 About sixty percent of your body
contains water. A portion of the water is
in the tissues and cells.
 The water contains salt. the salt needs to
be kept at the right concentrations. If
there is little salt the body feeds it more,
if there is too much salt the body gets rid
of the salt not needed. This is the task of
the two Kidneys.
 The liver acts as a filter for the blood.
It cleans out toxic waste and acid in
the blood.
 The skin plays a major role in
excreation. It helps the body get rid
of excess water, salts, and waste such
as urea.
 ของเสีย หมายถึง สารที่เกิดจาก
กระบวนการเมตาโบลิซึม ที่เกิดขึ้นภายใน
ร่างกายของสิ่งมีชีวิต ของเสียที่เกิดขึ้น
ได้แก่ น้้า CO 2 และ ยูเรีย นอกจากนี้
สารที่มีประโยชน์แต่มีปริมาณมากเกินไป
ร่างกายก็ก้าจัดออกมาเช่นกัน

เมตาโบลิซึม หมายถึง กระบวนการ
หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีที่เกิดขึ้น
ในร่างกายของสิ่งมีชีวิต
กำรกำจัดของเสียทำงผิวหนัง
 การก้าจัดของเสียออกทางผิวหนัง
 ในรูปของเหงื่อ
 เหงื่อประกอบไปด้วยน้้าเป็นส่วนใหญ่
 เหงื่อจะถูกขับออกจากร่างกายทาง
ผิวหนัง โดยผ่านต่อมเหงื่อซึ่งอยู่ใต้
ผิวหนัง
ั ้ ดังนี้
ผิวหนังแบ่งได ้เป็ น 3 ชน
้ั
 1.1 ผิวหนังชนนอกหรื
อหนังกำพร ้ำ
(epidermis)
ประกอบด ้วยเนือ
้ เยือ
่ บุผวิ และเซลล์ผวิ ที่
้
ตายแล ้ว เรียงซอนกั
นอยูอ
่ ย่าง
หนาแน่น ทนทานและยืดหยุน
่ ได ้ เยือ
่ บุผวิ ซงึ่
อยูใ่ นสุดของหนังกาพร ้า จะประกอบด ้วยเซลล์
บุผวิ ทีย
่ ังมีชวี ต
ิ อยู่ และทาหน ้าทีผ
่ ลิตเซลล์บุ
ผิวใหม่ขน
ึ้ มาแทนที่ เซลล์ทต
ี่ ายไปแล ้วอยู่
เรือ
่ ยๆ ซงึ่ จะกลายเป็ นขีไ้ คล ตลอดจนอายุขย
ั
ั ้ บนหลุด
ของมนุษย์แต่ละคน จะมีเซลล์ผวิ ชน
ออกมารวมกันได ้ ประมาณ 15 กิโลกรัม


้ั
1.2 ผิวหนังชนในหรื
อหนัง
แท้ (dermis)
ประกอบด ้วยเนือ
้ เยือ
่ หลายชนิด เป็ น
ั ้ ทีท
ชน
่ าให ้ผิวของเราเต่งตึง เพราะถูกสร ้าง
้
ขึน
้ ด ้วยเสนใยที
ย
่ ด
ื หยุน
่ ชว่ ยให ้ผิวหนัง
ั ้ ผิวหนังแท ้จะมี
ขยายหรือหดตัวได ้ ชน
ต่อมไขมัน ต่อมเหงือ
่ ขุมขนปลาย
ประสาท และหลอดเลือด

้ั
1.3 ผิวหนังชนไขมั
น (hypodermis)
อยูใ่ ต ้หนังแท ้ เป็ นแหล่งสะสมพลังงาน
ชว่ ยให ้ร่างกายอบอุน
่ ชว่ ยคุ ้มกันการ
ื่ มต่อผิวหนังเข ้ากับ
กระแทก และเชอ
กระดูกและกล ้ามเนือ
้
 ต่อมเหงือ
่ มี 2 ชนิด คือ
1. ต่อมเหงื่อขนำดเล็ก มีอยูท
่ ั่ว
ผิวหนังในร่างกาย ยกเว ้นท่าริมฝี ปากและ
ื พันธุ์ ต่อมเหงือ
อวัยวะสบ
่ ขนาดเล็กมีการ
ขับเหงือ
่ ออกมาตลอดเวลา เหงือ
่ ทีอ
่ อก
จากต่อมขนาดเล็กนีป
้ ระกอบด ้วยน้ าร ้อย
ละ 99 สารอืน
่ ๆ ร ้อยละ 1 ได ้แก่ เกลือ
โซเดียม และยูเรีย
2. ต่อมเหงื่อขนำดใหญ่ จะอยูท
่ ี่
่ ง
บริเวณ รักแร ้ รอบหัวนม รอบสะดือ ชอ
หูสว่ นนอก อวัยวะเพศบางสว่ น ต่อมนีม
้ ี
ี
 เหงือ
่ นอกจากจะทาหน ้าทีก
่ าจัดของเสย
ออกจากร่างกายในรูปของเหงือ
่ แล ้ว
 ยังระบายความร ้อนให ้แก่รา่ งกายเพือ
่ ขับ
่ ายนอก โดยปกติความร ้อนที่
เหงือ
่ ออกสูภ
ี ไปทางผิวหนังจะมีปริมาณ 87.4 %
เสย
กำรกำจัดของเสียออกทำงลำไส้ใหญ่
อุจจำระ
Colon Health Risks
กำรกำจัดของเสียทำงปอด
CO2 และน้้าซึ่งเกิดจาก การเผา
ผลาญอาหารภายในเซลล์จะถูกส่งเข้าสู่
เลือด
จากนั้นหัวใจจะสูบเลือดที่มีก๊าซ CO2
ไปไว้ที่ปอด
จากนั้นปอดจะท้าการกรองก๊าซ CO2
เก็บไว้ แล้วขับออกจากร่างกายโดยการ
หายใจออก
การก้าจัดของเสียทางไต
 จากระบบการหมุนเวียนโลหิต
 เลือดทั้งหมดในร่างกายจะต้องหมุนเวียน
ผ่านไต
 โดยน้าสารทั้งที่ยังมีประโยชน์และสารที่ไม่
มีประโยชน์แล้วมาที่ไต
 ของเสียจะถูกไตก้าจัดออกมาในรูป
ปัสสาวะ
 The urinary system is made-up of the kidneys,
ureters, bladder, and urethra. The nephron, an
evolutionary modification of the nephridium, is
the kidney's functional unit.
 Waste is filtered from the blood and collected as
urine in each kidney. Urine leaves the kidneys
by ureters, and collects in the bladder. The
bladder can distend to store urine that
eventually leaves through the urethra.
 The nephron consists of a cup-shaped capsule
containing capillaries and the glomerulus, and a
long renal tube. Blood flows into the kidney
through the renal artery, which branches into
capillaries associated with the glomerulus.
Arterial pressure causes water and solutes from
the blood to filter into the capsule. Fluid flows
through the proximal tubule, which include
the loop of Henle, and then into the distal tubule.
The distal tubule empties into a collecting duct.
Fluids and solutes are returned to the capillaries
that surround the nephron tubule.
 The nephron has three functions:
 Glomerular filtration of water and solutes from the
blood.
 Tubular reabsorption of water and conserved
molecules back into the blood.
 Tubular secretion of ions and other waste products
from surrounding capillaries into the distal tubule.
 Components of The Nephron
1. Glomerulus: mechanically filters blood
2. Bowman's Capsule: mechanically filters blood
3. Proximal Convoluted Tubule: Reabsorbs 75% of
the water, salts, glucose, and amino acids
4. Loop of Henle: Countercurrent exchange, which
maintains the concentration gradient
5. Distal Convoluted Tubule: Tubular secretion of
H ions, potassium, and certain drugs.
 Nephrons filter 125 ml of body fluid
per minute; filtering the entire body
fluid component 16 times each day.
In a 24 hour period nephrons
produce 180 liters of filtrate, of
which 178.5 liters are reabsorbed.
The remaining 1.5 liters forms urine.
่
 หน้ำทีของไต
ี ซงึ่ เกิดจากเม

1. ขับถ่ายของเสย
ึ ของร่างกาย เชน
่ ยูเรีย (urea)
แทบอลิซม
จากโปรตีน กรดยูรก
ิ จากกรดิวคลีอก
ิ ครีเอ
ทินน
ี (creatinine) จากครีเอทีน (creatine)
ในกล ้ามเนือ
้

2. เกิดสารบางอย่างทีเ่ ป็ นประโยชน์
่ กลูโคส โดยการดูดกลับ
ต่อร่างกาย เชน
ในขณะอดอาหารไตสามารถสงั เคราะห์
กลูโคสจากกรดอะมิโนหรือสารอืน
่ ได ้ชว่ ย
่ ระแสเลือดได ้มากถึง
สร ้างน้ าตาลเข ้าสูก
3. ควบคุมสมดุลน้ า และอิเล็กโทรไลต์
ของร่างกายให ้อยูใ่ นลักษณะทีพ
่ อเหมาะ
โดยการดูดน้ ากลับทีท
่ อ
่ หน่วยไตทาให ้น้ า
ปั สสาวะเข ้มข ้นขึน
้ ควบคุมการขับถ่าย
่ Na+
ไอออนต่างๆออกทางน้ าปั สสาวะ เชน
, K+ เป็ นต ้นให ้อยูใ่ นสภาวะทีเ่ หมาะสม
 4. ควบคุมความเป็ นกรดเบสของ
ของเหลวในร่างกายโดยการขับไฮโดรเจน
่ อ
ไอออน (H+) เข ้าสูท
่ หน่วยไตและดูด
ไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน กลับเข ้าสู่
เลือด


5. สร ้างสารบางชนิดทีเ่ ป็ นประโยชน์ตอ
่
่ ฮอร์โมนอิรโี ทรเจนีน
ร่างกาย เชน
(erthrogenin) ซงึ่ รวมตัวกับโปรตีนโกลบู
ลินเป็ นฮอร์โมนอิรโี ทรพอยอิตน
ิ
(erythropoietin) กระตุ ้นไขกระดูกให ้สร ้าง
เม็ดเลือดแดง นอกจากนีไ
้ ตยังสร ้าง
ฮอร์โมนเรนิน (renin) ซงึ่ มีผลในการกระตุ ้น
การหลัง่ ฮอร์โมนแอลโดสเตอโรน
(aldosterone) ของต่อมหมวกไตสว่ นนอก
เพือ
่ ควบคุมการดูดกลับของโซเดียม
ไอออนทีท
่ อ
่ หน่วยไตด ้วย
 สรุปไตของคนท้าหน้าที่ดังนี้
 1. ท้าหน้าทีใ
่ นการขับถ่ายของเสียซึง่
เกิดจากกระบวนการเมแทบอลิซม
ึ
 2. เก็บสารบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อ
ร่างกาย
 3. ความคุมสมดุลน้้าและแร่ธาตุให้เป็น
ปกติ
 4. ควบคุมความเป็นกรด-เบสของ
ของเหลว
ไตหมู
ภาพตัดขวางของไต
ไต (kidney)
โครงสร ้างไต ประกอบด ้วยเนือ
้ เยือ
่ 2
ั้
ชน
ั ้ นอก เรียกว่า คอร์ด
ไตชน
เทกซ ์ (cortex)
ั ้ ในเรียกว่า เมดัลลา
ไตชน
(medulla)
ภายในไตประกอบด ้วย หน่วยไต
(nephron) มีลก
ั ษณะเป็ นท่อขดอยู่
• ไต ประกอบด้วยส่วนสำค ัญ 3 ส่วน คือ
• 1. สว่ น Cortex เป็ นสว่ นนอกสุด มี
ลักษณะเป็ นจุดเล็ก ๆ เนือ
้ ไตสว่ นนีจ
้ ะ
ี ดงประกอบเป็ นด ้านนอกของไต
เป็ นสแ
สว่ นนีจ
้ ะอยูล
่ ก
ึ ลงมาถึงสว่ นกลางทีฐ
่ าน
ของ Pyramids เรียกว่า Cortical arches
และจะแทรกลึกเข ้าไประหว่าง
Pyramids เรียกว่า Renal Columns
้
• 2. ส่วน Medulla เป็ นเนื อไตส่
วนกลางมีสจี าง
ลักษณะเป็ นเส ้นรูปกรวย
(
Pyramid ) ภายในไตข ้างหนึ่ งๆ จะมี Renal
pyramid ประมาณ 6 -12 อัน ใน Pyramid จะมี
ลักษณะเป็ นท่อเล็กๆ จานวนมากเป็ นกลุม
่
่
เรียกว่า Renal tubules เริมจากผิ
วนอกทางด ้าน
ทางด ้านฐานของ Pyramid แล ้วมารวมเป็ นปลาย
่
ปลายแหลมด ้านปลายของ Pyramid ทีปลาย
้ ยกว่า Renal papillar
แหลมนี เรี
้
เนื อไตส่
วนใหญ่ประกอบด ้วย Renal tubules
้ างหนาแน่ น เรียกว่า Uriniferous
เหล่านี อย่
่ นท่อนาเล็
้ ก ๆ มีหน้าทีน
่ านา้
tubules ซึงเป็
้
• 2. ส่วน Medulla เป็ นเนื อไตส่
วนกลางมีสจี าง
ลักษณะเป็ นเส ้นรูปกรวย
(
Pyramid ) ภายในไตข ้างหนึ่ งๆ จะมี Renal
pyramid ประมาณ 6 -12 อัน ใน Pyramid จะมี
ลักษณะเป็ นท่อเล็กๆ จานวนมากเป็ นกลุม
่
่
เรียกว่า Renal tubules เริมจากผิ
วนอกทางด ้าน
ทางด ้านฐานของ Pyramid แล ้วมารวมเป็ นปลาย
่
ปลายแหลมด ้านปลายของ Pyramid ทีปลาย
้ ยกว่า Renal papillar
แหลมนี เรี
้
เนื อไตส่
วนใหญ่ประกอบด ้วย Renal tubules
้ างหนาแน่ น เรียกว่า Uriniferous
เหล่านี อย่
่ นท่อนาเล็
้ ก ๆ มีหน้าทีน
่ านา้
tubules ซึงเป็
• 3. สว่ น Pelvis เป็ นสว่ นในสุดเรียกว่า
กรวยไต เป็ นทีร่ ับน้ าปั สสาวะจากสว่ น
่ ลอดไต ( Ureters )
Papillar เทลงสูห
 ไตมีลักษณะคล ้ายถั่ว
 มีขนาดประมาณ 10 กว ้าง 6
เซนติเมตร และหนาประมาณ 3
เซนติเมตร
ี ดงแกมน้ าตาลมีเยือ
 มีสแ
่ หุ ้มบางๆ
้
 ไตมี 2 ข ้างซายและขวา
บริเวณ
่ งท ้อง ใกล ้กระดูก
ด ้านหลังของชอ
ั หลังบริเวณเอว
สน
 บริเวณสว่ นทีเ่ ว ้า เป็ นกรวยไต มี
 หน่ วยไต (Nephron)
 แต่ละหน่วยเป็ นท่อ มีปลายข ้างหนึง่ เป็ น
ั้
กระเปาะที่ ประกอบด ้วยเยือ
่ บาง ๆ สองชน
์ คปซูล (Bowman’s
คือ โบวแมนสแ
Capsule)
์ คปซูล จะมีกลุม
 ภายในโบวแมนสแ
่ เสน้
เลือดฝอย เรียกว่า โกลเมอรูลส
ั
(Glomerulus)
ั ้ คอร์เทกซ ์
 โบวแมนส ์ แคปซูล อยูใ่ นชน
ั ้ ของเมดุลลา
ท่อสว่ นใหญ่จะอยูใ่ นชน
ท่อทีต
่ ด
ิ ต่อกับโบวแมนส ์ แคปซูล
 ทาหน ้าทีด
่ ด
ู น้ าและสารทีร่ า่ งกาย
กลับคืน
 การกรองจะเกิดขึน
้ ทีโ่ กลเมอรูลัส โดย
้ อดฝอยทาหน ้าทีเ่ ป็ นเยือ
ผนังเสนเลื
่
กรองการลาเลียงน้ าหรือสารอาหาร
ต่าง ๆ เข ้าออกจากเซลล์
 วันหนึง่ ๆ เลือดทีห
่ มุนเวียนในร่างกายต ้องผ่าน
มายังไต ประมาณในแต่ละนาทีจะมีเลือดมายัง
ไตที่ 1200 มิลลิลต
ิ ร หรือวันละ 180 ลิตร
ี มาในรูปของน้ าปั สสาวะ แล ้ว
 ไตจะขับของเสย
สง่ ต่อไปยังกระเพาะปั สสาวะ มีความจุ
ประมาณ 500 ลูกบาศก์เซนติเมตร ร่างกายจะ
ึ ปวดปั สสาวะเมือ
่ ระเพาะ
รู ้สก
่ น้ าปั สสาวะไหลสูก
ปั สสาวะประมาณ 250 ลูกบาศก์ซนติเมตร
 ใน 1 วัน คนเราจะขับปั สสาวะออกมา
ประมาณ 1 – 1.5 ลิตร
 ฮอร์โมนจากต่อมใต ้สมองสว่ นหลัง ถูก
สงั เคราะห์มาจากNeurosecretory Cell ที่
อยูใ่ น Hypothalamus
 สาหรับฮอร์โมนทีห
่ ลัง่ ออกมา จะมีด ้วยกัน
2 ชนิด คือ Vasopressin และ Oxytocin
 Antidiuretic Hormone (ADH) คือตัว
เดียวกันกับ Vasopressin
 สาหรับฮอร์โมนนี้ หลักๆ เลย มีหน ้าที่
ควบคุมหน่วยไต เกีย
่ วกับการดูดน้ ากลับที่
บริเวณท่อของหน่วยไต
 บริเวณ Glomerulus ที่ ADH ทางาน
้ อดแดง จะถูก
 ตามปกติ เลือดทีน
่ ามาจากเสนเลื
อัดเข ้ามายัง Glomerulus ซงึ่ จะผ่าน Bowman's
Capsule โดยของเหลวจากเลือด จาพวก น้ า
น้ าตาล เกลือแร่ ทีเ่ ป็ นสว่ นเกิน จะผ่านตาข่าย
่ อ
กรอง เข ้าสูท
่ หน่วยไต จากนัน
้ จึงผ่านท่อไต
รวม ผ่านท่อปั สสาวะ ออกมาเป็ นปั สสาวะ
นั่นเอง

่ ไปวิง่
 ในกรณีทน
ี่ ้ าในร่างกายมีน ้อยเกินไป เชน
ี เหงือ
มาเหนือ
่ ยๆ เสย
่ มาก ไม่ได ้ดืม
่ น้ า ร่างกาย
จะมีกลไกทันทีโดย ADH จะถูกปล่อยออกมา
เยอะกว่าปกติ เพือ
่ สงั่ การให ้หน่วยไต ทำกำร
้ โดยแทนทีจ
ดู ดน้ ำกลับให้มำกขึน
่ ะปล่อยให ้
น้ าไหลผ่านท่อหน่วยไตเพือ
่ ไปยังท่อไตรวม
อย่างสบายๆ ก็จะเริม
่ มีการดูดกลับเข ้ามายังเสน้
เลือดดา แล ้วสง่ กลับขึน
้ ไปอีกที เพือ
่ เป็ นการลด
ี น้ า ซงึ่ อันตรายกับร่างกาย
การสูญเสย
 การดูดกลับของสารทีไ
่ ตเกิดขึน
้ โดย
ั 2 กระบวนการ คือ
อาศย
- ACTIVE TRANSPORT เป็ น
การดูดกลับของสารทีม
่ ค
ี วามจาเป็ นต่อ
่ กลูโคส วิตามิน กรดอะมิ
ร่างกาย เชน
โน ฮอร์โมน และอิออนต่างๆ

- OSMOSIS เป็ นการดูดกลับ
ของน้ า
• ไตก ับกำรร ักษำสมดุลของน้ ำ
ี น้ ามาก
•
ในสภาพทีร่ า่ งกายสูญเสย
เกินไปหรือร่างกายขาดน้ าจะมีผลทาให ้น้ า
ในเลือดน ้อยหรือแรงดันออสโมติกของ
เลือดสูง(เลือดมีความเข ้มข ้นสูง) เลือดทีม
่ ี
แรงดันออสโมติกสูงนีเ้ มือ
่ ผ่านเข ้าไปทีไ่ ฮ
โปทาลามัส จะไปกระตุ ้นต่อมใต ้สมอง
สว่ นท ้ายให ้หลัง่ ฮอร์โมน ADH หรือ
ฮอร์โมนแอนติไดยูเรติก(antidiuretic
่ ระแสเลือด แล ้วไป
hormone) เข ้าสูก
่ ระแส
ของหน่วยไตให ้ดูดน้ ากลับคืนเข ้าสูก
 ในทางตรงข ้าม
 ถ ้าเลือดมีปริมาณน้ ามากหรือแรงดัน
ออสโมติกของเลือดตา่ (เลือดมีความ
เข ้มข ้นตา่ ) จะไปยับยัง้ การหลัง่ ฮอร์โมน
ADH ออกมา ท่อของหน่วยไตและท่อรวม
จะดูดน้ ากลับคืนน ้อยลงหากมีการอักเสบ
เกิดขึน
้ ทีห
่ น่วยไตก็จะทาให ้การกรองเลือด
ิ ธิภาพ สง่ ผลให ้มีโปรตีน และ
ไร ้ประสท
เม็ดเลือดแดง รั่วออกมาในปั สสาวะ
้ อดแดง
 โดยทัว
่ ไปไตมี2ข ้างโดยแต่ละข ้างจะมีเสนเลื
(เลีย
้ งไต)และดา(เอาเลือดออกมาโดยกรองออกมาจาก
ไตแล ้ว) เลือดจากหัวใจ 25% จะเข ้ามาเลีย
้ งไต (กรอง
ี )
ของเสย
 ต่อมหมวกไต สร ้างฮอร์โมนเกีย
่ วกับการ
ควบคุมน้ าและความดันโลหิต
้ อดแดงจะเข ้าไปในไต และ
 โดยเสนเลื
้ อดแดงแตกเป็ นหน่วยไตข ้างละ
เสนเลื
1,000,000 หน่วย อัตราการกรองน้ าของ
ไตอัตรา 100-120 c.c. / นาที หรือ 6 ลิตร
/ชวั่ โมง ในร่างกายมีเลือด 4-4.5
่ น
 น้ าในร่างกายมี 60% ของน้ าหนักตัว สว
ทีเ่ หลือเป็ นกระดูก (เซลล์ในร่างกาย)
 อัตราการกรองของไตทัง้ 2 ข ้าง คือ
ี
100-120 cc./นาที แต่เมือ
่ หน่วยไตเสย
ไปไม่สามารถกรองได ้ ก็จะทาให ้เกิดไต
ี ไป 1% / ปี ไป
วายได ้ โดยไตจะเสย
ื่ ม
เรือ
่ ยๆ (โดยเมือ
่ อายุ 35 ปี ไตจะเริม
่ เสอ
ลง)
การปลูกถ่ายไต
กำรล้ำงไตทำงหน้ำท้อง ( Peritoneal
dialysis )
้ ัง
 ไตวำยเรือร
ภาวะไตวายเรือ
้ รังเป็ นกลุม
่ อาการทีเ่ กิดจากการ
ี หน ้าทีข
้
สูญเสย
่ องไตอย่างชาๆและถาวร
 www.rmutphysics.com/CHARUD/OLDNEWS/85/organ
25.jpg
 www.thaigoodview.com/.../images/bodytai.jpg
 enwei.co.th/images/p_1d.gif
 kvhs.nbed.nb.ca/.../nephron_structure.jpg
 http://www.emc.maricopa.edu/faculty/farabee/biobk/
biobookexcret.html
 http://www.wikidoc.org/index.php/Excretory_system
 http://nenfe.nfe.go.th/elearning/courses/51/page1_1_
2_2_1.htm
 http://blog.eduzones.com/araya/32997
Download