Human Rights and Criminal Justice

advertisement
Human Rights
and Criminal
Justice
Major international law
documents
UNIVERSAL DECLARATION
OF HUMAN RIGHTS
ปฏิญญาสากลว่ าด้ วยสิ ทธิมนุษยชน
European Convention of
Human Rights
The United Nations
INTERNATIONAL COVENANT
ON
CIVIL AND POLITICAL RIGHTS
กติการะหว่ างประเทศว่ าด้ วยสิ ทธิพลเมืองและสิ ทธิ
ทางการเมือง
The areas of human rights
within criminal justice system
Procedural and substantial
law
Example of substantial law:
Article 11 ICCPR Prot 4(1) ECHR
No one shall be imprisoned
merely on the ground of inability
to fulfill a contractual obligation.
บุคคลจะถูกจำคุกเพียงเพรำะเหตุวำ่ ไม่สำมำรถปฏิบตั ิกำร
ชำระหนี้ตำมสัญญำมิได้
1. Arrest and detention
Article 9 (Article 9 ICCPR)
No one shall be subjected to
arbitrary arrest, detention or exile.
บุคคลใดจะถูกจับกุม กักขัง หรื อเนรเทศไปต่ำงถิ่นโดย
พลกำรไม่ได้
Article 9(2) ICCPR (Article 5(2)
ECHR): Anyone who is
arrested shall be informed, at
the time of arrest, of the
reasons for his arrest and
shall be promptly informed of
any charges against him.
ในขณะจับกุม บุคคลใดที่ถูกจับกุมจะต้องได้รับ
แจ้งถึงเหตุผลในกำรจับกุม และจะต้องได้รับแจ้ง
ถึงข้อหำที่ถูกจับกุมโดยพลัน
Art. 9(3) ICCPR Art. 5(3) ECHR:
Anyone arrested or detained on a
criminal charge shall be brought
promptly before a judge or other
officer authorized by law to exercise
judicial power and shall be entitled to
trial within a reasonable time or to
release. บุคคลใดที่ถูกจับกุมหรื อควบคุมตัวในข้อ
หำทำงอำญำ จะต้องถูกนำตัวโดยพลันไปยังศำลหรื อ
เจ้ำหน้ำที่อื่นที่มีอำนำจตำมกฎหมำยที่จะจะใช้อำนำจทำง
ตุลำกำร และจะต้องมีสิทธิได้รับกำรพิจำรณำคดีภำยใน
เวลำอันสมควร หรื อได้รับกำรปล่อยตัวไป
It shall not be the general rule
that persons awaiting trial shall
be detained in custody, but
release may be subject to
guarantees to appear for trial
มิให้ถือเป็ นหลักทัว่ ไปว่ำจะต้องควบคุมบุคคลที่รอกำร
พิจำรณำคดี แต่ในกำรปล่อยตัวอำจกำหนดให้มีกำร
ประกันว่ำจะมำปรำกฏตัวในกำรพิจำรณำคดี
Article 9(4) ICCPR Art. 5(4) ECHR
: Anyone who is deprived of his
liberty by arrest or detention shall be
entitled to take proceedings before a
court, in order that that court may
decide without delay on the
lawfulness of his detention and order
his release if the detention is not
lawful.
บุคคลใดที่ถูกลิดรอนเสรี ภำพโดยกำรจับกุม
หรื อกำรควบคุม มีสิทธินำคดีข้ ึนสู่ ศำลเพื่อให้
ตัดสิ นโดยไม่ชกั ช้ำถึงควำมชอบด้วยกฎหมำย
ของกำรควบคุมผูน้ ้ นั และหำกกำรควบคุมไม่
ชอบด้วยกฎหมำยก็ให้ศำลมีคำสัง่ ปล่อยตัวไป
Article 8
(Article 2.3 of ICCPR) Everyone has the
right to an effective remedy by the
competent national tribunals for acts
violating the fundamental rights.
ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับบำบัดอันเป็ นผลจริ งจังจำกศำลที่
มีอำนำจแห่งชำติต่อกำรกระทำอันละเมิดสิ ทธิ หลักมูล
Article 9(5) ICCPR Art. 5(5) ECHR
Anyone who has been the
victim of unlawful arrest or
detention shall have an
enforceable right to
compensation.
บุคคลใดที่ถูกจับกุมหรื อถูกควบคุมโดยไม่ชอบ
ด้วยกฎหมำยมีสิทธิ ได้รับค่ำสิ นไหมทดแทน
Article 10 (1) ICCPR: All persons
deprived of their liberty shall be
treated with humanity and with
respect for the inherent dignity of
the human person.
บุคคลทั้งปวงที่ถูกลิดรอนเสรี ภำพต้องได้รับกำรปฏิบตั ิ
ด้วยควำมมีมนุษยธรรม และควำมเคำรพในศักดิ์ศรี แต่
กำเนิดแห่งควำมเป็ นมนุษย์
Article 10 (2) Accused persons
shall be segregated from
convicted persons and shall be
subject to separate treatment
appropriate to their status as
unconvicted persons
ยกเว้นในสภำพกำรณ์พิเศษ ผูต้ อ้ งหำต้องได้รับกำร
จำแนกออกจำกผูต้ อ้ งโทษ และต้องได้รับกำรปฏิบตั ิที่
แตกต่ำงออกไปให้เหมำะสมกับสถำนะที่ไม่ใช่ผตู ้ อ้ งโทษ
2. Judicial Proceedings
Article 10 (Article 14 ICCPR, Art 6(1)
ECHR)
Everyone is entitled in full equality to a fair
and public hearing by an independent and
impartial tribunal, in the determination of
his rights and obligations and of any
criminal charge against him.
ทุกคนมีสิทธิโดยเสมอภำคเต็มที่ในอันที่จะได้รับกำร
พิจำรณำที่เป็ นธรรมและเปิ ดเผย จำกศำลที่อิสระและ
เที่ยงธรรมในกำรกำหนดสิ ทธิ และหน้ำที่ของตนและกำร
กระทำผิดอำชญำใด ๆ ที่ตนถูกกล่ำวหำ
Article 11.1 (Article 14(2) of
ICCPR, Art 6(2) ECHR)
Everyone charged with a penal
offence has the right to be
presumed innocent
ทุกคนที่ถูกกล่ำวหำว่ำทำผิดทำงอำชญำ มีสิทธิ ที่จะได้รับ
กำรสันนิษฐำนไว้ก่อนว่ำบริ สุทธิ์ จนกว่ำจะพิสูจน์ ได้วำ่ มี
ผิดตำมกฎหมำยในกำรพิจำรณำเปิ ดเผย
Article 11.2 No one shall be held guilty of
any penal offence on account of any act
or omission which did not constitute a
penal offence at the time when it was
committed.
จะถือบุคคลใดๆว่ำมีควำมผิดทำงอำญำเนื่องด้วยกำร
กระทำหรื อละเว้นใด ๆ อันมิได้จดั เป็ นควำมผิดทำง
อำชญำตำมกฎหมำยแห่งชำติหรื อกฎหมำยระหว่ำง
ประเทศในขณะได้กระทำกำรนั้นขึ้นไม่ได้
Article 15 (2) ICCPR and Arti 7 (2)
ECHR add
Nothing … shall prejudice the
trial and punishment of any
person for any act or omission
which, at the time when it was
committed, was criminal
according to the general
principles of law recognized by
the community of nations.
ควำมในข้อนี้ยอ่ มไม่กระทบต่อกำรพิจำรณำคดี และกำร
ลงโทษบุคคลซึ่งได้กระทำกำรหรื องดเว้นกระทำกำรใด
อันเป็ นควำมผิดอำญำตำมหลักกฎหมำยทัว่ ไปอันเป็ นที่
รับรองโดยประชำคมนำนำชำติในขณะที่มีกำรกระทำนั้น
Article 14(7) ICCPR, Prot 7(4)
ECHR : No one shall be liable to
be tried or punished again for an
offence for which he has already
been finally convicted or
acquitted
บุคคลย่อมไม่ถูกพิจำรณำ หรื อลงโทษซ้ ำในควำมผิดซึ่ง
บุคคลนั้นต้องคำพิพำกษำถึงที่สุดให้ลงโทษ หรื อให้
ปล่อยตัวแล้ว
Procedural rights of the accused
according to Article 14 (3) of
ICCPR (compare with Art 6(3) ECHR)
1. To be informed promptly and
in detail in a language which
he understands of the nature
and cause of the charge
against him
สิ ทธิที่จะได้รับแจ้งโดยพลันซึ่งรำยละเอียดเกี่ยวกับ
สภำพและเหตุแห่งควำมผิดที่ถูกกล่ำวหำ ในภำษำ
ซึ่ งบุคคลนั้นเข้ำใจได้
2. To have adequate time and
facilities for the preparation of his
defence and to communicate with
counsel of his own choosing
สิ ทธิที่จะมีเวลำ และได้รับควำมสะดวกเพียงพอแก่กำร
เตรี ยมกำรเพื่อต่อสู ้คดี และติดต่อกับทนำยควำมที่ตน
เลือกได้
3. To be tried without undue
delay (ECHR 5(3))
สิ ทธิ ที่จะได้รับกำรพิจำรณำโดยไม่ชกั ช้ำเกินควำมจำเป็ น
4. To be tried in his presence,
and to defend himself in
person or through legal
assistance of his own
choosing;
สิ ทธิ ที่จะได้รับกำรพิจำรณำต่อหน้ำบุคคลนั้น และ
สิ ทธิ ที่จะต่อสู ้คดีดว้ ยตนเอง หรื อโดยผ่ำนผู้
ช่วยเหลือทำงกฎหมำยที่ตนเลือก
to have legal assistance
assigned to him, and without
payment by him in any such case
if he does not have sufficient
means to pay for it;
ในกรณี ใด ๆ เพื่อประโยชน์แห่งควำมยุติธรรมบุคคลนั้น
มีสิทธิ ที่จะมีผชู ้ ่วยเหลือทำงกฎหมำยซึ่ งมีกำรแต่งตั้งให้
โดยปรำศจำกค่ำตอบแทน ในกรณี ที่บุคคลนั้นไม่สำมำรถ
รับภำระในกำรจ่ำยค่ำตอบแทน
5. To examine, or have examined,
the witnesses against him and to
obtain the attendance and
examination of witnesses on his
behalf under the same conditions
as witnesses against him
สิ ทธิ ที่จะซักถำมพยำนซึ่ งเป็ นปรปั กษ์ต่อตน และขอให้
เรี ยกพยำนฝ่ ำยตนมำซักถำมภำยใต้เงื่อนไขเดียวกับพยำน
ซึ่ งเป็ นปรปั กษ์ต่อตน
6. To have the free assistance of
an interpreter if he cannot
understand or speak the
language used in court
สิ ทธิ ที่จะได้รับควำมช่วยเหลือจำกล่ำมโดยไม่คิดมูลค่ำ
หำกไม่สำมำรถเข้ำใจหรื อพูดภำษำที่ใช้ในศำลได้
7. Not to be compelled to testify
against himself or to confess guilt
(ECHR is silent on this issue)
สิ ทธิ ที่จะไม่ถูกบังคับให้เบิกควำมเป็ นปรปั กษ์ต่อตนเอง
หรื อให้รับสำรภำพผิด
Article 14 ICCPR (Art 6(1)
ECHR): any judgment rendered
in a criminal case or in a suit at
law shall be made public
คำพิพำกษำในคดีอำญำ หรื อคำพิพำกษำหรื อคำวินิจฉัย
ข้อพิพำทในคดีอื่นต้องเปิ ดเผย เว้นแต่จำเป็ นเพื่อ
ประโยชน์ของเด็กและเยำวชน หรื อเป็ นกระบวน
พิจำรณำเกี่ยวด้วยข้อพิพำทของคู่สมรสในเรื่ องกำรเป็ น
ผูป้ กครองเด็ก
Article 14 (5) Prot 7(2) ECHR
Everyone convicted of a crime
shall have the right to his
conviction and sentence being
reviewed by a higher tribunal
according to law.
บุคคลทุกคนที่ตอ้ งคำพิพำกษำลงโทษในควำมผิด
อำญำ ย่อมมีสิทธิ ที่จะให้คณะตุลำกำรระดับเหนือ
ขึ้นไปพิจำรณำทบทวนกำรลงโทษและคำพิพำกษำ
โดยเป็ นไปตำมกฎหมำย
Article 14 (6) ICCPR Prot 7(3)
ECHR
When … a new or newly
discovered fact shows
conclusively that there has been
a miscarriage of justice, the
person who has suffered
punishment as a result of such
conviction shall be compensated
according to law
เมื่อ.... มีขอ้ เท็จจริ งใหม่หรื อมีขอ้ เท็จจริ งที่ได้คน้ พบใหม่
อันแสดงให้เห็นว่ำได้มีกำรดำเนินกระบวนกำรยุติธรรมที่
มิชอบ บุคคลที่ได้รับควำมทุกข์อนั เนื่องมำจำกกำร
ลงโทษตำมผลของคำพิพำกษำลงโทษเช่นว่ำ ต้องได้รับ
กำรชดเชยตำมกฎหมำย
3. Punishment
Article 10 (3) ICCPR: The
penitentiary system shall
comprise treatment of prisoners
the essential aim of which shall
be their reformation and social
rehabilitation.
ระบบรำชทัณฑ์ตอ้ งประกอบด้วยกำรปฏิบตั ิต่อนักโทษ
โดยมีจุดมุ่งหมำยสำคัญที่จะให้นกั โทษกลับตัวและฟื้ นฟู
ทำงสังคม
Article 5
(Article 7 ICCPR, Article 3 ECHR)
No one shall be subjected to
torture or to cruel, inhuman or
degrading treatment or
punishment.
บุคคลใด ๆ จะถูกทรมำร หรื อได้รับผลปฏิบตั ิ หรื อกำร
ลงโทษที่โหดร้ำยผิดมนุษยธรรมหรื อต่ำช้ำไม่ได้
Protocol 6 ECHR prohibits
death penalty
Article 6 (ICCPR) In countries which
have not abolished the death penalty,
sentence of death may be imposed
only for the most serious crimes in
accordance with the law in force at
the time of the commission of the
crime
ในประเทศที่ยงั มิได้ยกเลิกโทษประหำรชีวติ กำรลงโทษ
ประหำรชีวติ อำจกระทำได้เฉพำะคดีอุกฉกรรจ์ที่สุดตำม
กฎหมำยที่ใช้บงั คับในขณะกระทำควำมผิด
Anyone sentenced to death shall
have the right to seek pardon or
commutation of the sentence.
Amnesty, pardon or commutation
of the sentence of death may be
granted in all cases.
บุคคลใดต้องคำพิพำกษำประหำรชีวติ ย่อมมีสิทธิ
ขออภัยโทษหรื อลดหย่อนผ่อนโทษตำมคำ
พิพำกษำ กำรนิรโทษกรรม กำรอภัยโทษ หรื อกำร
ลดหย่อนผ่อนโทษตำมคำพิพำกษำประหำรชีวติ
อำจให้ได้ในทุกกรณี
Juvenile justice
Article 14 (4) ICCPR: In the
case of juvenile persons, the
procedure shall be such as
will take account of their age
and the desirability of
promoting their rehabilitation.
ในกรณี ของบุคคลที่เป็ นเด็กหรื อเยำวชน วิธี
พิจำรณำควำมให้เป็ นไปโดยคำนึงถึงอำยุ และ
ควำมปรำรถนำที่จะส่ งเสริ มกำรแก้ไขฟื้ นฟูควำม
ประพฤติของบุคคลนั้น
Article 10 (3) ICCPR: Juvenile
offenders shall be segregated
from adults and be accorded
treatment appropriate to their age
and legal status.
ผูก้ ระทำผิดที่เป็ นเด็กและเยำวชนต้องได้รับกำรจำแนก
ออกจำกผูก้ ระทำผิดที่เป็ นผูใ้ หญ่ และต้องได้รับกำร
ปฏิบตั ิให้เหมำะสมกับวัยและสถำนะทำงกฎหมำย
Accused juvenile persons shall
be separated from adults and
brought as speedily as
possible for adjudication.
ต้องแยกผูต้ อ้ งหำที่เป็ นเด็กและเยำวชนออกจำก
ผูต้ อ้ งหำที่เป็ นผูใ้ หญ่ และให้นำตัวขึ้นพิจำรณำ
พิพำกษำคดีให้เร็ วที่สุดเท่ำที่จะทำได้
Sentence of death shall not be
imposed for crimes
committed by persons below
eighteen years of age and
shall not be carried out on
pregnant women.
บุคคลอำยุต่ำกว่ำ ๑๘ ปี กระทำควำมผิดจะถูก
พิพำกษำประหำรชีวติ มิได้ และจะดำเนินกำร
ประหำรชีวติ สตรี ขณะมีครรภ์มิได้
CASE OF MOISEYEV v.
RUSSIA
(Application no. 62936/00)
In July, 1998 a South Korean
diplomat was apprehended by
the Russian Federal Security
Service (“the FSB”) while
receiving certain materials from
the applicant who worked in the
Russian Ministry of Foreign
Affairs
The applicant was arrested in
July 1998.
Soon, the applicant was charged
with high treason. He was
accused of having disclosed
classified information to a South
Korean intelligence agent.
In January, March and May 1999,
the applicant attempted to
challenge the orders authorising
his continued detention on
remand.
In August 1999 the bill of
indictment was served on the
applicant.
The applicant was refused
permission to take a copy of the
indictment to his cell because the
document contained classified
information. The applicant could
examine the indictment at the
special department.
In December 1999 the Moscow
City Court found the applicant
guilty as charged, sentenced him
to twelve years’ imprisonment
and ordered confiscation of his
property.
In July 2000 the Russian
Supreme Court quashed the
conviction and remitted the case
to the trial court for a fresh
examination.
In September 2000 the Moscow
City Court began hearing the
applicant’s case second time.
November 2000, the court bench
was changed because the
previous presiding judge had a
long sickness leave.
In July 2001, the bench was
changed twice without giving
reasons.
In August 2001 the Moscow City
Court convicted the applicant of
high treason committed in the
form of espionage.
He was sentenced to four years
and six months’ imprisonment,
with account for the time served
from July 1998, and confiscation
of his property.
In January 2002 the Supreme
Court upheld the conviction.
The applicant alleged inhuman
treatment in detention: the
condition of the cells,
transportation to the prison, (Art.
3), the unreasonable time of
proceedings - Art. 5 (3) (4), the
lack of legal defence - Art. 6
(3b,c), inability to see the family
often – Art. 8.
The frequent changes in the
composition of the court was
considered as a lack of
impartiality and independence.
The court ordered to pay
compensation: almost 30.000
Euro
CASE OF CABALLERO v. THE
UNITED KINGDOM
(Application no. 32819/96)
In 1987 the applicant was
convicted of manslaughter by the
Central Criminal Court, London.
His record sheet read
“manslaughter – heavy drinking
session with female. In bed,
during which he sexually
interferes with her. Struggle
ensues during which she dies”.
On 2 January 1996 the applicant
was arrested by the police on
suspicion of attempted rape of
his next-door neighbour.
refusal of bail was automatic
Section 25 of the Criminal Justice
and Public Order Act 1994 (“the
1994 Act”)
A person who was convicted of
the crimes of murder;
attempted murder;
manslaughter;
rape; or attempted rape,
shall not be granted bail.
The applicant was convicted of
attempted rape and of assault
occasioning actual bodily harm in
October 1996.
four years’ imprisonment for the
assault conviction and to life
imprisonment for the attempted
rape conviction.
He alleged that the automatic
denial of bail prior to his trial
constituted a violation of Article 5
(3)
During the proceedings, the UK
acknowledged that there was
violation of human rights.
Download