Verb Forms and Tenses verb forms and tenses รูปของกริ ยา (Verb Form) เราทราบมาแล้ วว่า คากริ ยาในภาษาอังกฤษคาหนึง่ อาจเปลี่ยนรูปไปได้ หลายรูป แต่ ละรูปเรี ยกว่า verb Form เช่น verb to be มีรูป (form) ถึง 8รูป คือ Is am Are was Were be Being been รูปกริ ยาทัง้ 8 รูปนี ้มีที่มาจาก be เขาจึงเรี ยกว่า verb to be คาว่า “ be” เรี ยกว่าเป็ นรูป infinitve ( อินพีนิทิฟว์) รูป infinitve นี ้ เป็ นรูปซึง่ เขียนเป็ นหลักในพจนานุกรม เขาจึง เรี ยกชื่อมันอีกอย่างหนึง่ ว่า Dictionary Form ( รูปพจนานุกรม) คากริยาทุกคามีรูป infinitve ประจาตัวมันทังสิ ้ ้น รูป infinitve โดยปกติเขาจะใช้ to นาหน้ า เช่น to be to have, to walk, to run , to go , etc ในการเรี ยนภาษาอังกฤษ จะต้ องรู้รูป infinitve ของกริยาเสมอ เช่น เมื่อเห็นกริยา walks , goes , has ก็จะต้ องรู้วา่ รูป infinitve ของมันคือ to walk, to go, to have เป็ นต้ น Tense คืออะไร • นอกจากคากริ ยาจะเปลี่ยนรูปไปตามประธานแล้ ว ยังต้ องเปลี่ยนรูปไป ตามเวลาอีกด้ วย รูปของกริ ยาซึง่ เปลี่ยนไปตามเวลาเรี ยกว่า tenseคือรูป ของคากริ ยาซึง่ เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาที่กระทาอาการของกริ ยานัน้ Tense ของกริ ยาในภาษาอังกฤษ แบ่งออกเป็ น 3 พวกใหญ่ๆคือ 1. Present Tense (ปั จจุบนั ) 2. Past Tense (อดีต) 3. Future Tense (อนาคต) ใน tense เดียวกัน คากริ ยาหนึง่ ๆอาจมีได้ หลายรูป เช่น to be มีรูปใน Present (ปั จจุบนั ) ได้ 3รูป คือ is , am , are และมีรูปใน Past (อดีต) ได้ 2รูป คือ was , were , เป็ นต้ น Tense ทังสายดั ้ งกล่าวยังแยกออกเป็ น tense ย่อยๆ ได้ อีก4 อย่าง (รวม tense ย่อยๆทังหมด ้ 12 อย่าง)คือ Present Present Simple Tense Present continuous Tense Present Perfect Tense Present Perfect continuous Tense Past Past Simple Tense Past continuous Tense Past Perfect Tense Past Perfect continuous Tense Future Future Simple Tense Future continuous Tense Future Perfect Tense Future Perfect continuous Tense ในชันนี ้ ้ เราจะศึกษารูปกริยาใน tense เพียง9 อย่าง เว้ น Perfect continuous Tense ของ Present , Past และ Future Past Simple Tense (1) รูปกริ ยา (Verb Forms) รูปกริ ยาที่ใช้ tense นี ้ คือกริ ยาที่มีรูปเป็ น past (ช่องที่ 2) Present Past walk call enjoy play pass want need walk call enjoy play pass want need Present Past Listen Listened (ลิสเซ่น - ด) พัง Kill Killed (คิล- ด ) ฆ่า Move Moved (มู้ฟว-ด) เคลื่อน Rub Rubbed (รับ-ด) ถู- ขยี ้ Show Showed (โช-ด) แสดง – ชี ้ให้ ดู หมายเหตุ การออกเสียง d นี ้ รวมทังค ้ าลงท้ ายด้ วย s แต่ออกเสียงอย่าง z ด้ วย เช่น Use - used (ยูซ-ด) ใช้ Refuse - refused (ริฟิวซ-ด ) ปฏิเสธ Close - closed (โคล้ ซ-ด) ปิ ด การเติม ed ที่คากริยา 1. กริ ยาลงท้ ายด้ วย e อยูแ่ ล้ วคงเติมเฉพาะ d Present arrive close dance die dive injure lie live like Past arrived closed danced died dived injured lied lived liked มาถึง ปิ ด เต้ นรา ตาย ดาน ้า ทาให้ บาดเจ็บ โกหก อยู,่ อาศัย ชอบ ยกเว้ น ถ้ าหน้ า y เป็ นสระ (คือหน้ า y เป็ น a, e, I , o , u ) เติม ed ได้ ทนั ที (โดยไม่ต้องเปลี่ยน y เป็ น i ) Present Past play enjoy stay obey convey delay played enjoyed stayed obeyed conveyed delayed เล่น ชื่นชอบ พัก , หยุดอยู่ เชื่อฟั ง ส่งต่อ ชักช้ า Past simple tense รูปที่สาคัญของกริยา (principal verb form ) กริยาคาหนึง่ ๆ มีรูปสาคัญอยู่ 3 รูป ได้ แก่ 1. lnfinitive from 2. Past from 3. past participle from รูปกริยาทัง้ 3 รูปนี ้ มักจะเขียนเรี ยงกันไว้ เป็ น 3ช่อง จึงนิยม เรี ยกกันว่า กริยา 3 ช่อง และแทนที่จะเรี ยกชื่อของมัน เรามักนิยม เรี ยกตามความสะดวก กริยาช่องที่ 1 กริยาช่องที่ 2 และกริยาช่องที่ 3 ตามลาดับ • โดยปกติกริยาช่องที่ 2 และช่องที่ 3 มีรูปเหมือนกัน คือ เกิดจากการ เติม ed เช่น • present past past participle cross crossed crossed fill filled filled want wanted wanted กริยาซึง่ เติม ed เมื่อเป็ นช่องที่ 2 และช่องที่ 3 นี ้ เรี ยกว่า กริยาปกติ Regular Verd เพราะมีกฎเกณฑ์แน่นอน มีกริยาประมาณ 300 คา ซึง่ ไม่เป็ นไปตามกฎดังกล่าว (คือไม่เติม ed เมื่อเป็ นช่องที่ 2 และ 3 ) แต่มนั จะเปลี่ยนรูปโดยไม่มีกฎเกณฑ์ แน่นอน เขาจึงเรี ยกกริยาพวกนี ้ว่า กริยาอปกติ ( lrregular verb อ่านว่า อิเร็กกิวล่าร์ เวิบ) กล่าวสันๆ ้ กริยาปรกติ คือ กริยาซึง่ เติม ed เมื่อเป็ นช่อง 2 และ3 กริยาอปรกติ คือ กริยาซึง่ มีรูปพิเศษเมื่อเป็ นช่อง 2และ3 กริยาเหล่านี ้ จาเป็ นจะต้ องจดจาให้ ได้ เพื่อความสะดวกในการท่องจา และเรี ยงคากริยาเหล่านี ้ไว้ เป็ นหมูๆ่ โดยยึดเสียงที่คล้ ายคลึงกันเป็ นหลัก present past past paeticiple fall fell fallen ตก,ล้ ม ride rode ridden ทาแตก fly flew flown บิน go went gone ไป Exercise 3b จงเปลี่ยนรูปกริ ยาให้ เป็ น past from และใช้ คาซึง่ วงเล็บไว้ ท้ายประโยค ตามตัวอย่าง ตัวอย่าง : I see him (yesterday.) ตอบ : I saw him yesterday. 1. we begin our lesson at eight o, clock. (yesterday) 2. He buys a book . (yesterday) 3. they come back home. (Last night) 4. they go to hua-hin. (last month) 5. He opens it . (last month) ประโยชน์ปฏิเสธ (negative form ) ประโยคที่มีกริยาเป็ นรูปอดีต (past form) ทาให้ เป็ นประโยค ปฏิเสธได้ โดยใช้ did not เติมเข้ าข้ างหน้ ากริยารูป infintive ซึง่ อาจตังเป็ ้ นหลักเพื่อสะดวกในการจดจา 1. เปลี่ยนกริยาเป็ นช่องที่ 1 2.เติม did not เข้ าข้ างหน้ า เช่น บอกเล่า : she met him ปฏิเสธ : she did not meet him บอกเล่า : He taught English last year ปฏิเสธ : He did not taught English last year ประโยคคาถาม ( interrogative form) จะเห็นว่าประโยคบอกเล่า past tense ทาให้ เป็ นประโยคคาถามได้ ดังนี ้ 1. เปลี่ยนกริยาเป็ นช่องที่ 1 2. ใช้ did นาหน้ าประโยค 3. ใส่เครื่ องหมาย (?) ท้ ายประโยค Tag – Question เราทราบมาแล้ วว่า ในประโยค present tense ที่มีกริยาธรรมดา ใช้ do หรื อ don't (does หรื อ doesn't) ในส่วน tag เช่น He loves her , doesn't he ? They like you don't they ? • • • • • • • การใช้ present simple tense 1. tense นี ้ ใช้ กบั การกระทาอยูเ่ ป็ นประจาในปั จจุบนั เช่น He goes to school every day. เขาไปโรงเรี ยนทุกวัน He always gets up early. เขาตื่นนอนแต่เช้ าเสมอ He often works hard. เขาทางานหนักอยูบ่ อ่ ยๆ He lives with his father. เขาอาศัยอยูก่ บั บิดา 2. ใช้ present simple tense กับเหตุการณ์ที่เป็ นความจริ งตาม ธรรมชาติ ซึง่ เป็ นจริ งเช่นนันตลอดมา ้ และจะเป็ นจริ งเช่นนันอี ้ กต่อไป เช่น • The earth moves round the sun. โลกหมุนรอบดวง อาทิตย์ • The sun rises in the east. ดวงอาทิตย์ขึ ้นทางทิศตะวันออก • A dog has four legs. สุนขั มี 4 ขา จะเห็นว่า การใช้ กริยาช่อง 2 (past) มักจะมีข้อความที่แสดงความเป็ น อดีตกากับอยูด่ ้ วย เช่น yesterday เมื่อวานนี ้ Last night เมื่อคืนนี ้ Last week สัปดาห์ที่แล้ ว Last month เดือนที่แล้ ว Last year ปี กลายนี ้, ปี ที่แล้ ว Two years ago สองปี มาแล้ ว A week ago เมื่อหนึง่ สัปดาห์มานี ้ กริยา 3 ช่อง (Regular and irregular Verbs) หลักการ ใช้ TENSES Verb (กริยา ) 3ช่อง มีวิธีใช้ แตกต่างกันในแต่ละช่องตามกาล ซึง่ แต่ ละช่องมีดงั นี ้ คือ ช่องที่ 1 เรี ยกว่า Present Tense หรื อ Infinitive verb ช่องที่ 2 เรี ยกว่า Past Form หรื อ Preterite ช่องที่ 3 เรี ยกว่า Past Participle Regular verb (ปกติกริ ยา) ช่องที่ 1 ช่องที่ 2 ช่องที่ 3 ความหมาย answer answered answered ตอบ ask asked asked ถาม Cook cooked cooked ปรุงอาหาร Open opened opened เปิ ด Irregular verb (อปกติกริ ยา) คือ กริ ยาที่ไม่เป็ นไปตามกฎเกณฑ์ เป็ นกริ ยาที่เปลี่ยนเสียงหรื อเปลี่ยนสระ ภายในเมื่อเป็ นรูปที่สอง และที่สาม (กริ ยาช่องที่ 2 และช่องที่ 3) ช่องที่ 1 ช่องที่ 2 ช่องที่ 3 ความหมาย Arise arose arisen ขึ ้น Beat beat beaten ตี,ชนะ Become became become กลายเป็ น presented to Teather Maneerut Nanowong Presented by Miss Junpen Taoboonruang No 13 Miss Nattaya Arunaramsri No 22 class 5/2 Thanks you