Uploaded by Rafff 9127

เทคนิควางแผนภาษีส่วนบุคคล

advertisement
เทคนิควางแผนภาษีสว
่ นบุคคล
การวางแผนภาษีสว
่ นบุคคล เป็นการวางแผนภาษีของบุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะ
มีอาชีพกินเงินเดือน เจ้าของกิจการหรือมีอาชีพอิสระ โดยบุคคลที่มีรายได้ มี
หน้าที่ต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายกาหนด ดังนั้นการรู้จักวางแผนที่เหมาะสมจ
ะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับเราได้
รายได้อะไรบ้างทีต
่ อ
้ งเสียภาษี
รายได้ที่ต้องเสียภาษีของบุคคลธรรมดา ตามกฎหมายเรียกว่า
"เงินได้พึงประเมิน" หมายถึง เงินได้ของบุคคลใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1
มกราคม ถึง 31 ธันวาคม ของปีใดๆ ซึ่งได้แก่
1. เงิน
2. ทรัพย์สินซึ่งอาจคิดคานวณได้เป็นเงิน ที่ได้รับจริง
3. ประโยชน์ซึ่งอาจคิดคานวณได้เป็นเงิน
4. เงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้
5. เครดิตภาษีตามที่กฎหมายกาหนด
กลยุทธ์ในการวางแผนภาษีบค
ุ คลธรรมดา
โครงสร้างของการคิดภาษีบุคคลธรรมดา คือ
ภาษีที่ต้องชาระ = เงินได้สท
ุ ธิ X อัตราภาษี
ขณะที่เงินได้สุทธิคิดมาจาก
เงินได้สุทธิ = เงินได้พงึ ประเมิน - ค่าใช้จา่ ย - ค่าลดหย่อน เงินบริจาค
ดังนัน
้ กลยุทธ์ในการวางแผนภาษีสว
่ นบุคคลคือ
1. ลด
ยอดเงินได้ให้ต่าลง
2. เพิ่ม ค่าใช้จ่ายให้สูงขึ้น
3. เพิ่ม ค่าลดหย่อนให้สูงขึ้น
4. เพิ่ม ยอดเงินบริจาคให้สูงขึ้น
..........อ่านต่อหน้า 2..........
รายละเอียดของแต่ละขั้นตอนมีดังนี้
1. การลดยอดเงินได้ให้ต่าลง ทาได้โดย
1.1 แยกรายได้ที่ได้สิทธิยกเว้นภาษีออกไป
มีรายได้บางอย่างที่กม.ยกเว้นภาษีให้ เช่น ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาห
นะ บานาญตกทอด หรือ
เงินส่วนแบ่งกาไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคล การแยกรายได้ส่วน
นี้ออก ช่วยให้ประหยัดภาษีได้มาก
( ดูรายละเอียดเพิ่มเติม )
1.2 แยกรายได้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายและเป็นประเภทภาษีสุดท้าย
( final tax ) ออก
เพราะผู้มีเงินได้สามารถเลือกได้ว่า จะนาไปรวมคานวนภาษีหรือ
ไม่ก็ได้ ดังนั้นควรพิจารณาก่อนว่ามันจะคุ้มค่าหรือไม่ ที่จะนารายได้ดังกล่าวเ
ข้าไปรวมคานวณ เช่นดอกเบี้ย เงินปันผล
หรือเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งทางการค้าหรือหา
กาไร
1.3 แยกรายได้จากต่างประเทศออก
กรณีมีเงินได้จากต่างประเทศ พิจารณาดูว่าสามารถวางแผนเพื่อ
ลดหย่อนภาษี หรือขอยกเว้นภาษีทั้งจานวนได้หรือไม่ โดยดูว่าประเทศต้นทา
งที่เป็นแหล่งเงินได้ มีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทยหรือไม่
ถ้ามีก็ไม่ต้องเสียให้ซ้าซ้อน ถ้าไม่มีก็ให้ใช้วิธีพักเงินรายได้ไว้ในต่างประเทศ
รอให้ข้ามปีภาษีก่อน (รอให้เลยวันที่ 31
ธันวาคม ) แล้วจึงนาเงินได้จานวนนี้กลับเข้ามา ก็จะทาให้ได้สิทธิยกเว้นภาษี
ทั้งจานวน
1.4 เพิ่มหน่วยภาษีออกไป
เนื่องจากอัตราภาษีบุคคลธรรมดาเป็นอัตราก้าวหน้า ดังนั้นถ้าเรา
สามารถแตกฐานภาษีออกไปมากเท่าไร ฐานภาษีของแต่ละคนก็ยิ่งต่าลงเท่านั้
น วิธีที่นิยมคือ การจัดตั้งคณะบุคคลขึ้นเป็นหน่วยภาษีใหม่
เพื่อกระจายรายได้ออกไป และยังสามารถหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนได้เหมื
อนคนธรรมดาอีกด้วย
1.5 การเลื่อนระยะเวลารับรู้รายได้ออกไป
ถ้าหากปีนี้ ฐานรายได้ของเราค่อนข้างสูง และเราสามารถต่อรอ
งให้คู่ค้าของเรา หรือนายจ้างผู้จ่ายเงิน เลื่อนการจ่ายเงินออกไปเป็นต้นปีหน้
า เพื่อให้รายได้ใหม่ไปตกปีหน้าซึ่งเราคาดการณ์ว่า ฐานรายได้จะต่ากว่า เป็
นการเกลี่ยรายได้ออกไป ทาให้ไม่ต้องแบกรับฐานภาษีที่สูงเกินไปในปีใดปีห
นึ่ง
1.6 การเปลี่ยนเงินได้เป็นสวัสดิการ ( fringe benefits )
หากเรารับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนทั้งหมด เราก็ต้องเสียภาษีแบ
บเต็มที่ แต่ถ้าเราเปลี่ยนรายได้บางส่วนเป็นสวัสดิการ
เช่น รถประจาตาแหน่ง ค่าน้ามันรถ เบี้ยเลี้ยง ซึ่งรายการเหล่านี้ได้สิทธิยกเ
ว้นภาษี
เพราะถือเป็นสวัสดิการ หรือถือเป็นค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานของบริษัทได้
1.7 เลือกลงทุนในหลักทรัพย์ หรือออมเงินประเภทที่ได้รับการย
กเว้นภาษีจากรัฐบาล ผลตอบแทนที่ได้จะได้ไม่ต้องนามารวมคานวณภาษี
2. เพิ่มค่าใช้จ่าย ทาได้โดย
2.1 เลือกอาชีพที่หักค่าใช้จ่ายได้สูงสุด
เนื่องจาก กรมสรรพากรแบ่งรายได้ของบุคคลธรรมดาออกเป็น 8
ประเภท แต่ละประเภทสามารถหักค่าใช้จ่ายได้แตกต่างกัน ดังนั้นการรู้จักจัด
สรรให้เงินได้ของเราไปอยู่ในกลุ่มอาชีพที่หักค่าใช้จ่ายได้มากกว่า
ย่อมช่วยประหยัดภาษีได้มาก ( ดูรายละเอียดแต่ละอาชีพ )
2.2 แยกรายได้ให้มาจากหลากหลายอาชีพ เพื่อเพิ่มสิทธิหักค่าใ
ช้จ่าย
เนื่องจาก การเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนจะหักค่าใช้จ่ายสูงสุดได้ 4
0% ของเงินได้
แต่ไม่เกิน 60,000 บาท แต่ถ้าเราสามารถทาให้รายได้มาจากหลายลักษณะ
อาชีพ เช่น ค่าที่ปรึกษาในฐานะ
ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ ค่าลิขสิทธิ์ หรือค่ารับเหมา จะช่วยทาให้หักค่าใช้จ่า
ยจากแต่ละหมวดได้มากขึ้น
2.3 เครดิตภาษีเงินปันผล
โดยต้องดูว่า อัตราภาษีของบริษัทที่จ่ายปันผลให้เรานั้นสูงกว่าห
รือต่ากว่าฐานภาษีของเรา
เพราะถ้าบริษัทนั้นได้รับสิทธิยกเว้นภาษี หรือใช้อัตราภาษีที่ต่าอยู่แล้ว อาจ
ทาให้เราต้องเสียภาษีเพิ่มได้ถ้านามารวมคานวณภาษี
3. เพิ่มค่าลดหย่อน ทาได้โดย
3.1 พยายามใช้สิทธิค่าลดหย่อนตามที่กฎหมายกาหนดให้ได้มาก
ที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นค่าลดหย่อนบุตร ค่าเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย การทาประกั
นชีวิต หรือการซื้อกองทุนต่างๆที่กม.ให้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ( ดูรายละเอียด
เพิ่มเติม )
3.2 การเครดิตภาษีล่วงหน้า
สาหรับค่าลดหย่อนต่างๆที่เราจะใช้สิทธิลดหย่อนตามข้อ 3.1 นั้น
หากเราไม่ต้องการมาทาเรื่อง
ขอภาษีคืนภายหลัง ก็ให้ทาเรื่องเครดิตภาษีไว้ล่วงหน้า โดยวิธีแสดงหลักฐาน
ให้ฝ่ายบุคคลหรือฝ่ายบัญชีทราบว่า เราได้มีค่าใช้จ่ายใดบ้างที่กฎหมายอนุญ
าตให้นามาลดหย่อนภาษีได้ ฝ่ายบุคคลก็จะนารายการเหล่านั้นไปรวมคานวณ
ทาให้ยอดหักภาษี ณ
ที่จ่ายลดลง และแสดงตัวเลขใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น
4. เพิม
่ ยอดเงินบริจาค ทาได้โดย
4.1 เงินที่ได้บริจาคให้วัด โบสถ์ หรือมัสยิด
สามารถขอใบอนุโมทนาบัตรมาลดหย่อนภาษีได้ นอกจากนี้ยังมีอ
งค์กรการกุศล ตามที่
กรมสรรพากรประกาศ หากเราได้เข้าไปช่วยเหลือบริจาคเงิน ก็สามารถนาใบ
เสร็จมาลดหย่อนภาษีได้ แต่รวมกันไม่เกิน 10%
ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้ว
4.2 เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา
เงินที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษา
มีสิทธิหักลดหย่อนได้ 2 เท่าของจานวนเงินที่ได้จ่ายไปจริง แต่ไม่เกินร้อยละ
10 ของเงินคงเหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว
หากเราทาได้ครบถ้วนทุกข้อ เชื่อว่าการวางแผนภาษีของเราจะช่
วยแบ่งเบาภาระให้เราได้เป็นอันมาก และสามารถนาเงินส่วนที่ประหยัดได้ไปส
ร้างความมั่งคั่ง ทาให้เราบรรลุเป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Download