การดู แลทารกแรกเกิดหลัง คลอด ้ และการเลียงลู กด้วยนมแม่ ผศ.พญ.ชมพู นุท บุญโสภา กุมารแพทย ์ทารกแรกเกิด อาจารย ์ คณะแพทยศาสตร ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร Outlines • การดู แลทารกแรกเกิดหลังคลอด ่ • การเปลียนแปลงทางกายวิ ภาคและสรีรวิทยา • การตรวจร่างกายทารก • การดู แลทารกประจาวัน ่ • ปั ญหาสุขภาพทีพบในทารกแรกเกิ ด ้ • การเลียงลู กด้วยนมแม่ ้ • ประโยชน์ของการเลียงลู กด้วยนมแม่ ่ ้ านม • กายวิภาคศาสตร ์สรีรวิทยาของการสร ้างและการหลังน • กลไกการดู ดนมแม่ • การจัดท่าให้นม การดู แลทารกแรกเกิดหลังคลอด • ลักษณะทารกทางสรีรวิทยาและกายวิภาค • การตรวจร่างกายทารก • การพยาบาลทารกแรกเกิดทันที • การดูแลทารกประจาว ัน ่ • ปั ญหาสุขภาพทีพบในทารกแรกเกิ ด After birth ่ การเปลียนแปลงทางสรี รวิทยา • ระบบหายใจ • ระบบหัวใจและการไหลเวียน เลือด • ระบบโลหิต • ระบบควบคุมอุณหภู ม ิ • ระบบผิวหนัง • ระบบประสาท • ระบบทางเดินอาหาร • ระบบขับถ่ายปั สสาวะ • ระบบภู มค ิ ม ุ ้ กัน • ระบบต่อมไร ้ท่อ • ระบบอวัยวะสืบพันธุ ์ ระบบหายใจ ่ • ทารกจะเริมหายใจภายใน 30 วินาทีแรกคลอด ้ั • อ ัตราการหายใจ 40-60 ครง/นาที • ลักษณะการหายใจปกติ คือ ปี กจมู กไม่บาน ไม่มเี สียง grunting หน้าอกไม่บุ๋ม และไม่มป ี ลายมือปลายเท้าเขียว Normal of vital signs • Temperature : • Axillary or Rectal temperature ปกติอยู ่ในช่วง 36.5 37.5 ๐C • Pulses : ้ั • HR ปกติจะอยู ่ในช่วง 120-160 ครง/นาที • จังหวะหัวใจต้องปกติ (regular rhythm) • PMI at 3-4 intercostal space slightly to left midclavicular line ภาพการหายใจอกบุ๋ม subcostal retraction intercostal Grunting [Internet]. 2017 [cited 2017 Jan 4]. Available from: https://youtu.be/6xQ5VmLfAMg ระบบการไหลเวียนโลหิต ระบบการไหลเวียนโลหิต ่ • มีการเปลียนจากระบบไหลเวี ยนของทารกในครรภ ์ (fetal circulation) มาเป็ นระบบ ไหลเวียนของทารกแรกเกิด ทาให้มก ี ารปิ ดของ bypasses ทัง้ 3 โครงสร ้าง คือ • ductus arteriosus • foramen ovale • ductus venosus การไหลเวียนโลหิต : ทารกในครรภ ์ (fetal circulation) ระบบโลหิต • ปริมาณเลือดในร่างกาย 80-90 ml/kg • ปริมาณเม็ดเลือด : ้ั (90 วัน), แรกเกิด Hct 45-65% ต่อมาจะค่อยๆ • RBC : มีอายุสน ลดลง จนถึงอายุหลัง 2 เดือน ค่า Hct จึงจะอยู่ในเกณฑ ์เทียบเท่ากับ ผูใ้ หญ่ ่ • WBC : 15,000-25,000 cells/mm3 จะลดลงเท่าผูใ้ หญ่เมืออายุ 13-14 ปี ่ าผูใ้ หญ่ • Platelet : 150,000-250,000 cells/mm3 จะค่อยๆเพิมเท่ ่ เมืออายุ 3 เดือน ่ เต็มทีเพราะต ่ • Coagulation factors ทาหน้าทีไม่ ้องอาศัย ระบบการควบคุมอุณหภู มข ิ องร่างกาย ่ ่ • ช่วงอุณหภู มข ิ องสิงแวดล้ อมทีเหมาะสม คือ • 26-27๐C ในทารกครบกาหนด ้ บอายุครรภ ์แรกเกิด) • 31-34๐C ในทารกก่อนกาหนด (ขึนกั • สร ้างความร ้อนโดยอาศ ัย brown fat โดยการใช้พลังงานและ ออกซิเจน • สู ญเสียความร ้อนได้ง่ายจาก ้ ผิ ่ วหนังกว ้างเมือเที ่ ยบกับนาหนั ้ • พืนที กตัว • ผิวหนังบาง • เส ้นเลือดอยูใ่ กล ้ผิวหนังมาก • ไขมันสะสมใต ้ผิวหนังมีนอ้ ย Heat loss ในทารกเกิดจาก 1. Conduction (การนา) ตัวทารกสัมผัสก ับวัตถุทเย็ ี่ นกว่า เช่น ่ ผ้าอ้อมทีแฉะ 2. Convection (การพา) ่ ลมพัดผ่าน อยู ่ในทีมี 3. Evaporation (การระเหย) ่ ยก จากตัวทีเปี 4. Radiation (การแผ่ร ังสี) ่ จากตัวทารกเองให้ก ับสิงแวดล้ อม ระบบผิวหนัง ่ • ผิวหนังจะยึดติดกันอย่างหลวมๆ ทาให ้เกิดผดผืนได ้ง่าย • ผมและขนอ่อน (lanugo) ตามหลังและไหล่ 2-3 เดือนจะหลุดร่วง มี ้ ผมขึนมาแทน ่ ดตัวมาตังแต่ ้ แรกเกิด) • ต่อมไขมันหลัง่ vernix caseosa (ไขสีขาวทีติ • ต่อมเหงือ่ 2-3 วันไปแล ้ว ช่วยควบคุมความร ้อนในร่างกาย ระบบประสาท ่ • สมองชน้ั cortex ยังเจริญไม่เต็มที่ พฤติกรรมทีแสดงออกจะถู ก ควบคุมด ้วยสมองส่วนล่างและไขสันหลัง ทาให ้เกิดปฏิก ิรยิ าสะท ้อน กลับ เรียกว่า “Reflex” • การร ับสัมผัสจะมีมากใน 30-45 นาทีแรก • การร ับรส จะชอบรสหวาน • การได ้ยินเสียง ร ับเสียงดังถึง 90 dB • มองเห็น ในระยะ 7-12 นิ ว้ ่ จะจากลินน ่ านมมารดาได ้ • กลิน ้ใน 2-3 วันแรก ระบบทางเดินอาหาร • Stomach : มีความจุ 6 ml/kg และขยายได ้ 90 ml ภายใน 2-3 วัน แรก • Cardiac sphincter : คลายตัว ่ วยสังเคราะห ์ Vit K • Intestines : ยังไม่มี normal flora ทีช่ ่ ออายุ ่ ้ อยจากตับ • Enzymes : salivary glands หลังเมื 3 เดือน นาย่ ่ างานเมือ ่ อ่อน จะเริมท อายุ 3-6 เดือน • Hepatic : ยังทางานไม่สมบูรณ์ ส่งผลต่อระดับ blood glucose, conjugation of bilirubin, Before phototherapy Phototherapy Hyperbilirubinemia ่ • Physiologic jaundice : จะพบหลัง 24 ชัวโมงหลั งเกิด ่ • Pathologic jaundice : จะพบภายใน 24 ชัวโมงแรกหลั งเกิด • Breast milk-associated jaundice : • Breast feeding jaundice : เกิดจาก inadequate intake ได ้ร ับนม แม่ไม่เพียงพอ จะพบในช่วง 3 วัน ถึง 2 สัปดาห ์หลังเกิด ้ • Breast milk jaundice : จะพบว่ามีตวั เหลือง ตังแต่ 1-2 สัปดาห ์หลัง ่ นช่วงทีทารกได ่ ้ เกิด จนถึงอายุ 2 เดือน ซึงเป็ ้ร ับนมแม่เพียงพอและนานมแม่ ่ าเกิดจากสาร betaไหลดีแล ้ว สาเหตุยงั ไม่ทราบแน่ ชดั แต่เชือว่ ้ ่ glucuronidase ในนานมมารดา ขัดขวางการ conjugation หรือเพิม การดูดซึม bilirubin จากลาไส ้ ระบบขับถ่ายปั สสาวะ • Glomerulus มีขนาดเล็ก ทาให ้อัตราการกรองต่า ้ ทาให ้นาตาลและโปรตี ้ • Proximal tubules สัน นไม่ถก ู ดูดกลับ ้ และ ADH • Loops of Henle, Distal & collecting tubules สัน (antidiuretic hormone) มีนอ้ ย ทาให ้ปัสสาวะไม่มค ี วามเข ้มข ้น • Uric acid crystal ทาให ้ปัสสาวะมีสช ี มพูหรือสีแดงอิฐ • ความต้องการน้ าในทารกครบกาหนด ้ั น • 2 วันแรก 65 ml/kg ปัสสาวะ 2-6 ครง/วั ้ั น • หลัง 2 วันไปแล ้ว ต ้องการนา้ 100-150 ml/kg ปัสสาวะ 6-25 ครง/วั ภู มค ิ ม ุ ้ กัน • ภู มค ิ ม ุ ้ กันจะได้จากแม่ผ่านรก หลังคลอดจะลดลง ทาให้เกิด physiological hypogammaglobulinemia ในช่วง 3-5 วัน • ภู มค ิ ม ุ ้ กันจะมี 3 ตัวหลัก คือ ้ ไตรมาสแรกและมากทีสุ ่ ดใน • IgG ได ้จากมารดาผ่านทางรก ตังแต่ ไตรมาสที่ 3 • IgM ทารกเป็ นผูส้ ร ้างเอง ้ • IgA จะพบในนานมมารดา ช่วยป้ องกันการติดเชือ้ GI & URI ระบบต่อมไร ้ท่อ • ทารกได ้ร ับ hormone จากมารดาผ่านทางรก โดยเฉพาะ steroid hormone • แรกเกิดต่อมไร ้ท่อทางานได ้สมบูรณ์ ระบบสืบพันธุ ์ • ในทารกแรกเกิด ระบบสืบพันธุ ์จะได ้ร ับอิทธิพลจาก hormone เพศ ่ จากมารดา ในทารกเพศหญิง อาจมี pseudomenstruation ซึงจะ มีลก ั ษณะคล ้ายประจาเดือนออกมาได ้ Assessment of the normal newborn Assessment of the normal newborn • Apgar score : for respiratory problems • Assessing for anomalies : body examination • Assessment of Gestational age Apgar score Normal of measurements • Weight : 2,500-4,000 g (weight loss up to 10% in early days) • ทารกครบกาหนดน้ าหนักตัวน้อย (low birth weight) คือ น้อย กว่า 2,500 กร ัม • Length : 48-53 cm • Head circumference : 35 (+ 2 cm) • Chest circumference : 30.5-33 cm (2-3 cm less than head circumference) การวัดขนาดต่างๆในทารกแรกเกิด Normal of Posture • Flexed extremities, resist extension, return quickly to flexed state • Hands usually clenched • Movement symmetric • Slight tremors on crying • Normal of cry • ร ้องเสียงดัง Normal of Skin • Color : pink or tan (according to race with acrocyanosis) • Vernix caseosa • Small amounts of lanugo over shoulders, forehead, upper back • Skin turgor : good with quick recoil Abnormal Skin • Skin color : • Central cyanosis (เขียว) ่ • Plethora (แดงกา) • Pale (ซีด) • Jaundice (เหลือง) Normal head • 1/4 of the body size • Molding : - shape of the head at long second stage of labor - resolves within a few days to a week Fontanelles Anterior fontanel (กระหม่อมหน้า) : • diamond shape 4-5 cm • soft & flat, may bulge slightly with crying ่ ่ • ปิ ดเมืออายุ 18 เดือน (1 ปี ครึง) Posterior fontanel (กระหม่อมหลัง) : • triangle shape ่ ่ • ปิ ดเมืออายุ 6 สัปดาห ์ (1 เดือนครึง) Abnormal of head Normal of Ears • อยู ่ในระดับมุมหางตา • ใบหู รูปทรงดี • Response to loud noises • Alert to high pitched voice Normal of Face ่ ่ ้อง • ใบหน้า : ค่อนข ้างกลม เคลือนไหวเท่ ากันทัง้ 2 ข ้างเมือร • Eyes : • มีลก ู ตา, symmetric, pupils react to light, alert to interesting sights • อาจมี subconjunctival hemorrhage หรือการบวมของเปลือกตาได ้ เนื่ องจากแรงดันขณะเบ่งคลอด ้ • Nose : แบน แคบและเล็ก มีชอ่ งกันระหว่ างจมูกและเพดาน ภาพความผิดปกติของใบหน้า Facial paralysis ภาพเด็ก Down syndrome Normal of mouth • ปากปิ ดสนิ ท มุมปากทัง้ 2 ข้างอยู ่ในระด ับเดียวกัน ้ สีชมพู • ริมฝี ปาก เหงือก ลิน ้ ่ • ลินขนาดปกติ และเคลือนไหวได้ ดี ่ • ริมฝี ปากและเพดานเชือมติ ดกัน • ไม่มฟ ี ั น เพดานปากเรียบ • ไม่มก ี ารหักของขากรรไกร • สามารถดูดนมได้ไม่มก ี ารสาลัก Normal variation of mouth ้ (Natal tooth) มีฟันขึน ตุม ่ ขาวในปาก (Ebstein’s pearl) Abnormal of mouth Cleft lip cleft palate Tongue tie Abnormal of neck Torticollis or wry neck คอเอียง สาเหตุทพ ี่ บบ่อยเกิดจาก ั ้ กว่าปกติ ความยาวของกล ้ามเนือ ้ sternocleidomastoid สน หรือเกิดจากการคลอดท่า breech ทีม ่ ก ี ารดึงรัง้ บริเวณคอ Web neck พบได ้ใน Turner syndrome Torticollis Web neck Abdomen ความผิดปกติของผนังหน้าท้อง : ่ งท ้องเลือ Omphalocele การมีอวัยวะภายในชอ ่ นผ่านฐานของ ่ งท ้อง โดยมี membrane ทีเ่ ป็ น สะดือมาอยูน ่ อกชอ peritoneum หุ ้มและมี umbilical cord ติดอยูท ่ ย ี่ อดของ membrane Abdomen ความผิดปกติของผนังหน้าท้อง : ่ งท ้อง ยกเว ้นตับ Gastroschisis เป็ นภาวะทีอ ่ วัยวะภายในชอ ่ งท ้อง โดยไม่ม ี membrane หุ ้ม และม ้าม ออกมาอยูน ่ อกชอ ตาแหน่งผนังหน ้าท ้องทีผ ่ ด ิ ปกติจะอยูข ่ ้างสะดือ และสาย สะดือยังติดอยูท ่ ผ ี่ นังหน ้าท ้องในตาแหน่งปกติ ลักษณะของอวัยวะเพศชายและหญิง ตามอายุครรภ์ Primitive reflex Placing reflex Rooting reflex การดู แลทารกประจาวัน การดู แลทารกประจาวัน • การดูแลผิวหนังและการ อาบน้ า • การดูแลสะดือ • การดูแลเล็บ • เสือ้ • อาหาร • การอุม ้ เด็กทารก • การอุม ้ ทารกเรอ • การจัดท่านอนทารก • การสารอก • การถ่ายอุจจาระ • การถ่ายปั สสาวะ • วัคซีน ความต้องการของเด็กทารก ด้านร่างกาย • อากาศ การพักผ่อน ความสะอาดร่างกาย อว ัยวะเพศ • การอาบน้ าลู ก การดู แลสะดือและการทาความสะอาดสะดือ • การดู แลทารกประจาวน ั ้ า • การใส่เสือผ้ • การดู แลให้ลูกร ับว ัคซีน • อาหาร และน้ า การอาบน้ าลู ก ประโยชน์ ่ ักษาความสะอาดของร่างกาย 1. เพือร ่ 2. เพือกระตุ น ้ การไหลเวียนเลือด ่ 3. เพือความสุ ขสบายแก่ลูก ่ องก ันการติดเชือ้ 4. เพือป้ ่ งเกตอาการผิดปกติทอาจเกิ ้ 5. เพือสั ี่ ดขึน ่ งเสริมความผู กพันระหว่างแม่กบ 6. เพือส่ ั ลู ก ่ 7. เพือการกระตุ น ้ พัฒนาการของลู ก ่ ้ าลู ก การเลือกสถานทีอาบน 1. ไม่ควรมีลมโกรก มิดชิด ไม่มด ื ทึบ 2. อากาศถ่ายเทสะดวก ่ แสงสว่างเพียงพอ 3. ควรเป็ นทีมี การเตรียมอุปกรณ์ทใช้ ี่ ในการอาบน้ า 1. เบาะสาหร ับรองอาบน้ าลู ก 2. อ่างอาบน้ าลู ก : ควรเป็ นอ่างพลาสติกหรืออ่างเคลือบ ้ 3. ผ้าห่อตวั ลู ก : ขนาดใหญ่ ประมาณ 40 x 60 นิ ว ้ 4. ผ้าเช็ดตัว : ขนาดใหญ่ ประมาณ 30 x 54 นิ ว 5. ผ้าอ้อม : ควรเป็ นผ้าฝ้าย ้ ก : ควรเป็ นแบบผ่าหลัง 6. เสือลู ่ บขอบเรียบร ้อย 7. ถุงมือ ถุงเท้า ชนิ ดทีเย็ 8. สาลีสาหร ับเช็ดก้นหรือเช็ดหน้า 9. สาลีสาหร ับเช็ดตา การเตรียมอุปกรณ์ทใช้ ี่ ในการอาบน้ า 10. ไม้พน ั สาลี ชุบแอลกอฮอล ์ 70% สาหร ับเช็ดสะดือ 11.สบู ่สาหร ับทารกแรกเกิด ่ั ่ กผิวแห้งลอก 12.โลชนหรื อออยล ์ใช้ทาเมือลู 13.กระโถนหรือถุงพลาสติก ้ า ถุงมือและของใช้ลูก 14.ตะกร ้า ใส่เสือผ้ การดู แลสะดือและการทาความสะอาด สะดือ • ทาความสะอาดสะดือ ด้วยไม้พน ั สาลีชบ ุ แอลกอฮอล ์ 70% • การเช็ดสะดือ ทาได้ 2 แบบ คือ 1. กรณี ทสะดื ี่ อลู กยังไม่แห้ง ให้เช็ดจากปลายไปยังโคน สะดือ 2. กรณี ทสะดื ี่ อลู กแห้งแล้ว ให้เช็ดจากโคนสะดือจนรอบ ไปถึงปลายสะดือ การดู แลสะดือ ปฏิบต ั ด ิ งั นี ้ 1. ไม่จาเป็ นต้องใช้แป้ งฝุ่ นโรยหรือห่อสะดือด้วยผ้า 2. เช็ดสะดือด้วยแอลกอฮอล ์ 70% หลังอาบน้ าหรือสะดือลู กแฉะ 3. สะดือจะหลุดเอง ประมาณ 7-10 ว ัน ่ ต้ ่ องเฝ้าระวงั คือ 4. สิงที ่ • สะดือมีกลินเหม็ น อ ักเสบ บวม แดง • สะดือแฉะหรือมีน้ าเหลืองซึมออกมาหลังสะดือหลุด การดู แลการขับถ่าย: อุจจาระ ้ • ทารกจะถ่ายอุจจาระช่วงแรกออกมา เรียกว่า “ขีเทา” ้ ่ั • ทารกจะถ่ายขีเทาใน 8-24 ชวโมงหลั งเกิด • ใน 2-3 วัน อุจจาระจะเป็ นสีเหลืองปนเขียว เรียก “transitional ่ ้ stool” หรืออุจจาระช่วงเปลียน จากขีเทาเป็ นอุจจาระปกติ ้ สีของอุจจาระ จะเป็ นสีและลักษณะตามนมทีทารกกิ ่ • หลังจากนัน น ่ นนมแม่ อุจจาระจะมีสเี หลืองทอง ลักษณะคล้ายแป้ งเปี ยก • ทารกทีกิ และถ่ายบ่อย ่ นนมผสม อุจจาระจะมีสอ ้ า และค่อนข้าง • ทารกทีกิ ี อกเขียวขีม้ ่ นนมแม่ อาจพบมีทอ เหนี ยวข้นกว่าอุจจาระของทารกทีกิ ้ งผู กหรือ ถ่ายยากได้ การดู แลการขับถ่าย: ปั สสาวะ ่ั • ทารกจะถ่ายปั สสาวะภายใน 24 ชวโมงหลั งเกิด ถ้าไม่ถา ่ ยปั สสาวะ ควรรีบบอกเจ้าหน้าที่ ้ั ทารกถ่ ่ • การดู แลการขับถ่าย ควรดู แลทาความสะอาดทุกครงที าย โดย • การทาความสะอาด ควรทาด้วยน้ าสะอาด ่ องก ันการเกิดผืน ่ • เช็ดให้แห้งเพือป้ การร ับวัคซีน • เป็ นการสร ้างเสริมภู มค ิ ม ุ ้ กันโรคให้แก่ทารก ่ • เนื่องจากเมือทารกคลอดแล้ ว ภู มค ิ ม ุ ้ กันจะลดลงเร็ว ประมาณ 1-2 เดือนหลังการ ่ ้ ง่าย คลอด ทาให้ทารกในขวบปี แรกเสียงต่ อการติดเชือได้ ี ใน 1 ปี แรก ระยะเวลาในการรับวัคซน อายุ แรกเกิด 2 เดือน ชนิ ดของวัคซีน (ว ัคซีนหลัก) BCG, HBV1 DPT-HBV-Hib1, IPV1, Rota1 4 เดือน DPT-HBV-Hib2, IPV2, Rota2 สามารถทบทวนได ้ใน 6 เดือน DPT-HBV-Hib3, OPV3, ี มพู สมุดฝากครรภ์สช (Rota3) BCG = ป้ องกัน9-12 วัณโรค, เดื HBV = ป้ องกัMMR1 นตับอักเสบบี, OPV = ป้ องกันโปลิโอ(ชนิ ดหยอด), อน IPV = ป้ องกันโปลิโอ (ชนิ ดฉี ด) DPT = ป้ องกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก, Hib = ป้ องกันเชือ้ 12นไวร เดืัสโรต อน้า (ชนิดหยอด) JE1 Hib, Rota = ป้ องกั MMR = ป้ องกันหัด หัดเยอรมัน คางทูม ่ ี หลังอายุ 1 ปี ระยะเวลาในการรับวัคซน อายุ 18 เดือน 2 ปี 4-6 ปี 12 ปี ทุก 10 ปี ชนิ ดของวัคซีน (ว ัคซีนหลัก) DPT4, OPV4 (กระตุน ้ 1), MMR2 JE2 DPT5, OPV5 (กระตุน ้ 2) dT สามารถทบทวนได ้ใน dT ี มพู สมุดฝากครรภ์สช DPT = ป้ องกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก, OPV = ป้ องกันโปลิโอ(ชนิ ดหยอด) MMR = ป้ องกันหัด หัดเยอรมัน คางทูม ่ ้มสมองอักเสบเจอี JE = ป้ องกันเยือหุ dT = ป้ องกันคอตีบ บาดทะยัก Update จากสมาคมโรคติดเชือ ้ ในเด็กแห่ง แรกเกิด ่ วัคซีนทีทารกได ้ร ับ อ ักเสบบี วัคซีนบีซจี ี วัคซีนตับ ปฏิก ิรย ิ าจากการฉี ดวัคซีน BCG • หลังจากฉี ดว ัคซีน น้ ายาจะดน ั ผิวหนังให้โป่ งนู น ่ั • ประมาณ 1 ชวโมง จะยุบหายไป คงเห็นเป็ นสีแดงๆ ตรงบริเวณรอย เข็มแทง ้ เมือฝี ่ แตก • ต่อมา 2-3 สัปดาห ์ จะมีตม ุ่ นู นแดงและเป็ นตุม ่ หนองเกิดขึน ้ แผลนี จะปิ ดๆเปิ ดๆอยู ่ประมาณ 3-4 สัปดาห ์ แล้วจะค่อยๆแห้งเป็ น ้ แผลเป็ นเกิดขึน การดู แลแผล 1. ห้ามบ่ง แคะ บีบตุม ่ หนอง 2. ห้ามใส่ยาร ักษาแผลขณะตุม ่ หนองแตก ่ นแผลให้สะอาด โดยใช้สาลีชบ 3. ร ักษาผิวหนังบริเวณทีเป็ ุ น้ า สะอาด / น้ าต้มสุก ชะล้างแผล วัคซีนป้ องกันโรคตับอ ักเสบบี • ปฏิก ิรย ิ าจากวัคซีน ่ อาการมักเริมประมาณ ่ • อาจมีอาการปวด บวม หรือมีไข้ตาๆ ่ั 3-4 ชวโมงหลั งฉี ด ่ั และเป็ นอยู ่ไม่เกิน 24 ชวโมง ่ กรณี ทมารดาเป็ ี นพาหะของไวร ัสตับ อ ักเสบบี • กรณี ทตรวจพบว่ ี่ ามารดาเป็ นพาหะของไวร ัสตับอ ักเสบบี (HBsAg + ) • หลังทารกเกิด แพทย ์จะให้อม ิ มูโนโกลบู ลน ิ (Hepetitis B immunoglobulin : HBIG) ่ ่ ร่วมกับการให้ว ัคซีนป้ องก ันไวร ัสตับอ ักเสบบี (HBV) เพือเพิ ม ประสิทธิภาพในการป้ องกน ั การ ้ ติดเชือจากมารดา ่ • และการนัดฉี ดว ัคซีน HBV เข็มที่ 2 ในทารกกลุ่มนี ้ จะนัดทีอายุ 1 ่ ปั ญหาและข้อควรระวังเกียวกั บทารก • ไข้ : ไม่แนะนาให ้ยาลดไข ้ ในทารกอายุนอ้ ยกว่า 1 เดือน ถ ้าตัวร ้อนจัดให ้เช็ด ตัวแล ้วรีบมาพบแพทย ์ ้ • ฝ้าขาวในปาก : ป้ องกันโดยใช ้ผ้าชุบนาสะอาดเช็ ดหลังกินนม ่ นนมผสม แนะนาให ้ทารกกินนมแม่ หรือถ ้าท ้องผูก • ท้องผู ก : มักพบในทารกทีกิ มากอาจต ้องแนะนาพบแพทย ์ ่ : ให ้ใส่เสือผ้ ้ าทีสะอาด ่ • ผดผืน และอากาศระบายดี ้ั งกินนม อุ ้มกินนมหัวสูง • การแหวะนม : ป้ องกันโดยจับเรอทุกครงหลั ้ ้ ก ไม่แนะนา • อาการคัดจมู ก : ให ้ใช ้นาเกลื อหยอดจมูก แล ้วใช ้ลูกยางดูดนามู ้ กในทารกอายุนอ้ ยกว่า 6 เดือน ให ้ยาลดนามู Breast milk nutrients ่ ับซ ้อนและอุดมไปด้วย • Breast milk เป็ นของเหลวทางชีวภาพทีซ สารอาหารนับพันชนิ ด ้ • ส่วนประกอบของสารอาหารมีป ริมาณแตกต่างก ัน ทังใน • หัวนม (colostrum) ่ • ช่วงนมเปลียน (transitional milk) และ ่ อทารกอายุ ่ • นมช่วงแก่เต็มทีเมื 2-3 สัปดาห ์ (mature milk) ่ • สารอาหารในนมทีออกมาจากเต้ าเดียวก ันยังแตกต่างก ันในช่วงแรก (foremilk) และ ช่วงท้ายของนมก่อนหมดเต้า(hind milk) Transitional Colostrum Mature Low fat High fat ส่วนประกอบและคุณค่าของ น้ านมแม่ โปรตีน : Protein • ในนมแม่มโี ปรตีน ประมาณ 0.9% ประกอบด้วย • Whey, casein, lactoferrin, immunoglobulin, lysosyme ่ และ glycoprotein อืนๆ • Breast milk มีป ริมาณโปรตีนน้อยกว่านมววั • Whey มีลก ั ษณะใส ย่อยง่ าย มีแอลฟ่าแลคตัลบู มน ิ และแลคโตเฟ อรินเป็ นองค ์ประกอบหลัก • Whey เป็ นแหล่งของกรดอะมิโนจาเป็ น โดยเฉพาะทริปโตแฟน ่ ยวข้ ่ ซึงเกี องก ับการนอนหลับ โปรตีน : Protein • โปรตีนในนมแม่ มี whey : casein 90:10 ในหัวน้ านม และ ลดลงเป็ น 60:40 ่ นนมปกติ เมือเป็ ่ • แลคโตเฟอริน (lactoferrin) เป็ นโปรตีนทีจับกับเหล็ ก จึง ้ ยับยังการเจริ ญเติบโตของ ่ องพึงพาเหล็ ่ แบคทีเรียทีต้ ก ปกป้ องทารกจากการติดเชือ้ • ในหัวน้ านม (colostrum) 2-3 วันแรก มีอม ิ มูโนโกลบู ลน ิ สู ง มาก โดยเฉพาะ secretory ่ IgA มีหน้าทีปกป้ องทารกจากการติดเชือ้ ป้ องกันแบคทีเรีย และไวร ัสแทรกเข้าสู ่ คาร ์โบไฮเดรท : Carbohydrate ่ าคญ • เป็ นแหล่งพลังงานทีส ั ของร่างกาย โดย glucose เป็ น คาร ์โบไฮเดรตหลักในเลือด และเป็ น พลังงานสาคัญของสมอง ่ ่ ดใน breast milk คือประมาณ 6.8• Lactose เป็ นน้ าตาลทีพบมากที สุ ่ ป ริมาณ 7.4 gm/100ml ซึงมี ่ สู งเมือเที ยบก ับนมววั ่ ดนมมารดาจึงมีกลินเปรี ่ ้ • อุจจาระทารกทีดู ยวเล็ กน้อยจาก lactose intolerance ่ นสารทีทนต่ ่ • นอกจากนี ้ นมแม่ยงั มี prebiotics ซึงเป็ อการย่อยใน ลาไส้เล็ก ผ่านเข้าลาไส้ใหญ่ ่ น normal flora ในลาไส้ของทารก เป็ นตัวกระตุน ้ แบคทีเรียทีเป็ ไขมัน : Fat • กรดไขมันไม่อมต ิ่ วั สายยาว (long-chain polyunsaturated fatty ่ งใน breast milk และน้อย acid; LCPUFA) เป็ นกรดไขมันอิสระทีสู มากในนมว ัว ่ ้ • LCPUFA เป็ นกรดไขมันทีพบสู งมากในสมองทารกตังแต่ อยู ่ในครรภ ์ เพราะมีความสาคญ ั ต่อการทางานของสมองและจอประสาทตา • โดยเฉพาะ omega-3 (Arachidonic acid;AHA)และ omega6(Docosahexaenoic acid;DHA) ่ วยให้การย่อยไขมันในขณะทีนมว ่ • Breast milk มี lipase ซึงช่ ัวไม่ม ี lipase แร่ธาตุ : Mineral ธาตุเหล็ก (Iron) • เป็ นแร่ธาตุทจ ี่ าเป็ นต่อการเจริญเติบโต การแบ่งเซลล ์ และกระบวนการ metabolism ของร่างกาย ่ สร ้าง hemoglobin and • เป็ นส่วนประกอบของ heme ทีใช้ myoglobin ่ • Breast milk มีธาตุเหล็กสู งไม่มากเมือเที ยบกบ ั นมววั แต่ธาตุเหล็กใน นมแม่ถูกดู ดซึมได้ ดีกว่านมว ัว ่ • ในช่วง 6 เดือนแรกก่อนทีจะได้ ร ับอาหารเสริม ลาไส้ทารกสามารถ ดู ดซึมธาตุเหล็กได้ถงึ ร ้อยละ แร่ธาตุ : Mineral • ปริมาณโซเดียมใน breast milk มีมากช่วงวันแรกหลังคลอด (colostum) และจะ ่ ่ 7-10 หลังคลอด ลดลงจนคงทีวันที ่ ง้ • ปริมาณโซเดียมในนมวัวจะมีมากกว่า breast milk ซึงทั ่ มาก โซเดียมและโปรตีนทีมี ในนมวัวทาให้เกิดปั ญหาต่อการทางานของไตได้ ถ้าได้ร ับ มากเกินไป ประโยชน์ของนมแม่ดา้ นโภชนาการและ สุขภาพของทารก ่ • มีส่วนประกอบของสารอาหารทีครบถ้ วนและเหมาะสมตามความ ต้องการของทารก ่ • มีสด ั ส่วนของโปรตีนและไขมันทีเหมาะสมกับการเจริ ญเติบโต ่ ดซึมได้ง่าย • มีธาตุเหล็กซึงดู • มีกรดไขมันสู ง เช่น โอเมก้า 3 และ 6 ่ • มันใจว่ านมแม่ย่อยได้ง่าย เช่น มีน้ าย่อยไขมัน • ปกป้ องทารกจากการติดเชือ้ • ปกป้ องทารกจากการมีความผิดปกติของกรามและฟั น ้ ผลของการเลียงลู กด้วยนมแม่ตอ ่ จิตใจ ่ • เพิมความผู กพันทางอารมณ์ (Emotional bonding) • ใกล้ชด ิ ลู ก ก่อให้เกิดความร ักและผู กพันระหว่างแม่ลูก • มารดามีความพึงพอใจในความเป็ นแม่ • ทารกร ้องกวนน้อยลง ่ ้ • ทารกรู ้สึกมันคงและปลอดภั ยมากขึน ่ ขนกว่ ่ ร ับ • มีพฒ ั นาการและระดับสติปัญญา IQ ทีดี ึ้ าทารกทีได้ นมผสม ข้อเสียของการให้นมผสม Interferes with bonding More diarrhea and respiratory infections More allergy and milk intolerance Persistent diarrhea Increased risk of some chronic diseases Malnutrition Vitamin A deficiency Overweight More likely to die Mother May become pregnant sooner Lower scores on intelligence tests Increased risk of anaemia, ovarian and breast cancer Adapted from: Breastfeeding counselling: A training course. Geneva, World Health Organization, 1993 (WHO/CDR/93.6). ่ ้ านม กลไกการสร ้างและหลังน ่ ่ วนมและ • เมือทารกดู ดนมมารดา จะกระตุน ้ ปลายประสาททีหั ลานนม ส่งกระแสไปตามไขสันหลังสู ส ่ มองส่วน hypothalamus แล้วจะกระตุน ้ • ต่อมใต้สมองส่วนหน้า (anterior pituitary gland) ทาให้ ่ หลังฮอร ์โมน prolactin และกระตุน ้ alveolar cell ให้สร ้าง น้ านม • ต่อมใต้สมองส่วนหลัง (posterior pituitary gland) ทาให้ ่ หลังฮอร ์โมน oxytocin และกระตุน ้ myoepithelium cells ่ ทีประสานอยู ่รอบ alveoli หดต ัวและบีบน้ านมออกจาก ่ alveoli ไหลผ่านท่อน้ านมออกมา ทาให้มน ี ้ านมหลังออกมา ่ ้ านม กลไกการสร ้างและหลังน ้ ่ • ฮอร ์โมน Prolactin จะสู งมากขึนเมื อทารกดู ดนม และสู งมาก ประมาณ 30 นาทีหลัง ่ ดประมาณ 3 ชม. ให้ดูดนม และจะค่อยๆลดลงถึงระด ับตาสุ หลังให้นม • จะสร ้างมากเวลากลางคืน • การให้ลูกดูดนมบ่อยๆ และสม่าเสมอทุก 2-3 ชม. เต้านมจะ ้ สร ้างน้ านมมากขึนและ ตลอดเวลา ถ้าดูดน้อยจะมีการสร ้างน้ านมน้อย ่ ้ านม กลไกการสร ้างและหลังน ่ ้ • ฮอร ์โมน Oxytocin จะหลังมากหรื อน้อยขึนอยู ่ก ับการกระตุน ้ ้ และยับยังโดยประสาท สัมผัส ่ • เช่น ได้ยน ิ เสียงลู กร ้องหรือคิดถึงลู ก จะกระตุน ้ การหลังของ oxytocin • ความเจ็บปวด ความกังวล ความเครียด ความสงสัย จะยับยัง้ ่ การหลังของ oxytocin กลไกการดู ดนม ่ • ทารกต้องอมหัวนม (latch on) อย่างถูกต้อง ซึงอาศ ัย reflex ต่างๆ ได้แก่ rooting reflex, sucking reflex, swallowing reflex • ใช้หวั นมสัมผัสริมฝี ปากล่างกระตุน ้ rooting reflex จังหวะที่ ่ ทารกอ้าปากเต็มที่ มารดาเคลือนศี รษะทารกเข้าหาหัวนม ทันที ทาให้เหงือกทารกงับได้ลก ึ ถึงลานหัวนม ่ เหงือกจะงับลงบนลานหัวนม • การอมหัวนมและลานนมทีดี ้ ่ ลินอยู ่ใต้หวั นมและทาหน้าทีกดลานหั วนมแนบกับเพดาน ปาก กลไกการดู ดนม ่ ่ ดนม • หัวนมจะกระตุน ้ sucking reflex ทีเพดานปาก ทารกเริมดู แรงดู ดจะดึงหัวนมและลานนมลึกเข้าไปเกิดเป็ นหัวนมใหม่ (teat) ่ ซึงทารกจะดู ดยึดไว้ทาให้ดูดได้ไม่หลุด ้ ่ • ลินจะรองร ับอยู ่ใต้หวั นม เมือทารกดู ดนมเกิดการหดตัวของ ้ ้ ้ คลืนที ่ ปลายลิ ่ ้ กล้ามเนื อปลายลิ นไปสู ่โคนลิน นจะกด lactiferous sinus กับเพดานปากไล่น้ านมผ่าน duct ไหลลงสู ่ปากทารก • ในเวลาเดียวกันก็กระตุน ้ oxytocin reflex ช่วยขับน้ านมออกมา ้ ยัง lactiferous sinus ขณะทารกขยับเหงือกขึน กลไกการดู ดนม 4 2 1 3 5 ใช้หลัก 3 ดู ด คือ ่ั ดู ดเร็ว ภายใน ½- 1 ชวโมงแรกหลั งคลอด ้ั น ดู ดบ่อย ตามความต้องการของทารก ประมาณ 8-12 ครง/วั ้ ดู ดถู กวิธ ี และดู ดให้เกลียงเต้ า ท่าให้นมลู กควรจัดให้เหมาะก ับสถานการณ์ ่ วยเสริมใน ควรมีหมอนหรืออุปกรณ์อนๆ ื่ เพือช่ การอุม ้ ลู กให้ถนัดและสบาย แม่รู ้สึกสบายและผ่อนคลาย • การจับประคองเต ้านม • ท่าอุ ้มให ้นมลูก (Positioning) • การเอาหัวนมเข ้าปากลูกให ้ลึกถึงลานนม (Latch on/attachment) ้ ้ • การกระตุ ้นให ้ลูกดูดนมได ้เต็มที่ ให ้เกลียงเต ้าทังสองข ้าง • การเอาหัวนมออกจากปากลูก C-hold U-hold V-hold Thai Breastfeeding Center Foundation 2012 ่ วยให้ทารกอมงับหัวนมและลานนมและดู ดนมได้ด ี เพือช่ มีหลายวิธ ี : C hold” ช่วยจัดรู ปของเต้านมให้ เหมาะกับการเข้าเต้าได้ด ี ้ ขึน Thai Breastfeeding Center Foundation 2012 U hold”มักใช้กบั ทารกเกิด ่ ดนม ก่อนกาหนด หรือทารกทีดู ไม่ V hold”/ scissor hold” แข็งแรง ไม่แนะนาให้ ้ นิ วจะขวางบริ เวณลานนมทาให้ ่ั ใช้ทวไป... ทารกอมหัวนม ใช้ในกรณี ท ี่ ได้ไม่ลก ึ พอ เต้านมใหญ่ หรือน้ านมพุ่ง C-Hold Correct C - Hold ้ นิ วของแม่ อยู ่เหนื อขอบนอกของลาน นม หัวนมต้องพุ่งออกอยู ่แนวตรงหรือ ่ กน้อย เฉี ยงตาเล็ ้ วแม่มอ นิ วหั ื ไม่ควรกดให้หวั นม ้ จะทาให้หวั นมแตก กระดกขึน ่ เมือทารกดู ดนมแม่ Incorrect C-Hold Thai Breastfeeding Center Foundation 2012 ่ จะช่วยให้ลูกเข้าเต้าได้ด ี • ท่าอุม ้ ทีดี ่ สามารถใช้ได้ : • มีหลายท่าทีแม่ ่ - ท่านั่ง นอน ยืน ท่าอืนๆ - ลู ก • 4 key points 1) ลู กศีรษะและลาต ัวตรง 2) ลู กหันหน้าเข้าหาเต้าแม่ 3) ลาต ัวลู กชิดกับแม่ ้ ัว 4) ลู กได้ร ับการรองร ับทังต ลู กหันเข้าหา เต้านมแม่ ศีรษะ ลาตัวอยู ่ ในแนวตรง ตัวแนบชิดแม่ ตัวลู กได้ร ับการ support ท่าอุม ้ ขวางตักประยุกต ์ Cross cradle / modified cradle • ลู กหันเข้าหาเต้านมแม่ • ศีรษะ คอ ลาต ัวอยู ่ในแนว ตรง Thai Breastfeeding Center Foundation 2012 ท่าอุม ้ ฟุ ตบอล Football • ตัวแนบชิดแม่ • ตัวลู กได้ร ับการ support Thai Breastfeeding Center Foundation 2012 Latch on/ Attachment วิธเี อาลู กเข้าเต้า A.ประคองศีรษะลู กให้แหงนไปด้านหลังเล็กน้อย ่ กอ้าปากกว้าง เคลือนทารก ่ B. เมือลู เข้าหาเต้านมแม่อย่างรวดเร็วและ นุ่ มนวล C. ลู กสามารถอมลึกถึงลานนม Thai Breastfeeding Center Foundation 2012 Latch on/ Attachment วิธเี อาลู กเข้าเต้า Thai Breastfeeding Center Foundation 2012 เห็น areola ส่วนบน มากกว่ า าง อ้าปากกว้ ริมฝี ปากล่างม้วนออก(ปาก บาน) คางชิดเต้านม Thai Breastfeeding Center Foundation 2012 การเอานมออกจากปากลู ก ☺สอดนิ ้วมือ ข้า งมุ ม ปากของลู ก ่ เคลือนลู กออกจากเต้านม ้ ่คางของลู ก เบาๆ ☺ใช้นิ้ วชีกดที ☺ ให้ลูกดู ดนมแม่ จนกว่าลู ก จะหยุดดู ดและปล่อยหัวนม เอง Thai Breastfeeding Center Foundation 2012 ้ การประเมินการเลียงลู กด้วยนมแม่ ่ ้ สัญญาณทีแสดงว่านานมเพียงพอ • ดูดนม > 8 ครง้ั / วัน • สังเกตลักษณะการดู ดเป็ นจังหวะ ่ หลังกินนม หลับได้ด ี ตืนอารมณ์ ด ี ไม่หงุ ดหงิด ปั สสาวะสีเหลืองอ่อนใส ชุม ่ ผ้าอ้อม > 6 ครง้ั / วัน ้ั อว ัน อุจจาระอย่างน้อย 3 ครงต่ ้ ่ ่ ันละ น้ าหนักขึนเท่ าแรกเกิดเมืออายุ 7-10 ว ัน แล้วมีน้ าหนักเพิมว 20-40 กร ัมต่อวัน ่ สัญญาณทีแสดงว่ าน้ านมเพียงพอ “Milk let down reflex” ก่อนให้นม แม่จะรู ้สึกว่าเต้านมหนักและตึง ถ้าบีบน้ านมจะพุ่ง ่ กดู ดอิม ่ เต้านมจะเบา นิ่ มลง บีบน้ านมได้เป็ นหยด บาง แรง เมือลู ่ กดู ดนม คนมีน้ านมไหลจากเต้าอีกข้างหนึ่ งด้วย ขณะทีลู ลักษณะอุจจาระปกติของทารก Day 1-2 meconium Day 3-4 transitional stool Day 5 breast milk stool การช่วยเหลือกรณี มารดาก ังวลว่าน้ านมไม่พอ 1. หาสาเหตุและประเมิน ร ับฟั งความรู ้สึกและความคิดเห็นแม่ อธิบาย ่ ่ ้ านม เกียวก ับการสร ้างและการหลังน 2. ช่วยแม่แก้ไขการให้นมลู กอย่างถู กวิธ ี ้ั 3. ควรให้ลูกดู ดนมทัง้ 2 ข้าง > 8 ครง/วัน หรือตามความต้องการของ ลู ก ่ ่ 4. สร ้างความมันใจว่ าแม่จะสร ้างน้ านมได้เพียงพอ เมือแก้ ไขถู กต้อง 5. แนะนาวิธป ี ลอบลู กทีร่ ้องโดยอุม ้ ให้กระช ับและกล่อม ่ ดและสม่าเสมอ 6. ถ้าแม่-ลู กต้องแยกกัน สอนให้บบ ี นมโดยเร็วทีสุ การช่วยเหลือกรณี มารดาก ังวลว่าน้ านมไม่พอ 7. แนะนาให้พก ั ผ่อน กินอาหารและน้ าให้เพียงพอ 8. ถ้าจาเป็ น อาจให้ยากระตุน ้ การผลิตน้ านม (Domperidone) ่ ้ านมยังน้อย ไม่พอสาหร ับลู ก ถ้าต้องเสริมนมผสม อาจใช้วธ 9. ช่วงทีน ิ ี cup feed, syringe drop หรือ lactation aid ้ ่ 10. ติดตาม BW ของเด็ก จนกว่าจะขึนปกติ ~ 1 wk ให้กาลังใจแม่เมือ ้ น้ าหนักขึน Thai Breastfeeding Center Foundation 2012 แม่อม ุ ้ ลู ก และให้นมถู กวิธ ี แม่มค ี วามรู ้ และทัศนคติทดี ี่ ตอ ่ ้ การเลียงลู กด้วยนมแม่ แม่มน ี ้ านมเพียงพอ น้ านมไม่พอจริง หรือคิดว่าไม่พอกันแน่ นะ ? วิธก ี ารบีบ เก็บน้ านม ่ • หาบริเวณทีสงบ เป็ นส่วนตัว • ทาใจให้สบาย ไม่เป็ นกังวล • ล้างมือให้สะอาด • นั่งในท่าสบายๆ ้ ่ • นึ กถึงลู ก /นารู ปของลู กขึนมาดู / เปิ ดเทปฟั งเสียงลู ก เพือ การกระตุน ้ น้ านม ่ ่ ้ านม • นวดคลึงเต้านมเพือกระตุ น ้ การหลังน ้ วแม่ม ื นิ วหั อ Areola ้ ้ นิ วชี ้ หรือ 1-1½ นิ ว 3-4 ซม. การบีบและเก็บน้ านม 1. บีบนมเก็บในภาชนะสะอาด มีฝาปิ ดมิดชิด อาจเป็ นแก้ว หรือ พลาสติกแข็งซึง่ ่ าเชือโรคได้ ้ สามารถต้มในน้ าเดือดเพือฆ่ หรือใส่ในถุงเก็บน้ านม ่ กต้องการแต่ละมือ ้ 2. แบ่งเก็บในปริมาณทีลู ่ บ ไว้ขา้ งภาชนะ แล้วแช่ตูเ้ ย็นทันที 3. บันทึกว ันที่ เวลาทีเก็ ่ นทีสุ ่ ด อย่าเก็บทีประตู ่ ในบริเวณทีเย็ ตูเ้ ย็น เนื่ องจากความเย็นจะไม่ คงที่ ่ งไม่ใช้ใน 2 วัน ควรเก็บในช่องแช่แข็ง 4. นมทียั ่ 5. นมทีละลายหลั งแช่แข็งแล้ว ไม่ควรนาไปแช่แข็งอีก ่ างาน ถ้าไม่มต ่ น้ าแข็ง 6. การเก็บในทีท ี ู เ้ ย็น ให้เก็บในกระติกน้ าแข็งทีมี ตูเ้ ย็น 1 ประตู ตูเ้ ย็น 2 ประตู 2 สัปดาห ์ 2-3 วัน 3 เดือน 3-5 วัน ้ ที่ 40ซ เก็บได้ 3 – 5 วัน แต่ถา้ อุณหภู มส ิ ู งกว่านัน ้ั เก็บได้สนลง บ้านเราอากาศร ้อน แนะนา 2 – 3 ว ัน ่ น้ าแข็งหล่อตลอดเวลา เก็บได้ 24 ชม. ในกระติกน้ าแข็งทีมี Thai Breastfeeding Center Foundation 2012 น้ านมแม่แช่แข็ง ตู แ ้ ช่แข็ง ๐ ่ (ตากว่า -19 C) นาน 6 - 12 เดือน Thai Breastfeeding Center Foundation 2012 ่ ้ั นมในช่องแช่แข็ง ใช้นมเก่าก่อน เมือจะใช้ ให้ยา้ ยลงมาไว้ทช ี่ นใต้ ช่องแช่แข็งให้ละลายก่อน ้ั ่ ่ นมในชนใต้ ชอ ่ งแช่แข็ง เมือจะใช้ หายเย็น ให้วางไว้นอกตูเ้ ย็นเพือให้ ถ้ารีบให้แช่น้ าอุน ่ (ไม่อน ุ่ บนเตาหรือเข้าไมโครเวฟ เพราะจะสู ญเสียภู มต ิ า้ นทานใน น้ านมแม่ ) ่ นไม่หมด ให้เททิง้ ไม่เก็บไว้กน ่ ก นมทีกิ ิ ต่อ จึงควรเก็บน้ านมเท่าทีลู ต้องการกินในแต่ละมือ้ หนู ชอบกินนมแม่ทสุ ี่ ดในโลก Thai Breastfeeding Center Foundation 2012 การให้คาแนะนามารดาและครอบคร ัว ่ แลหญิงหลังคลอดทีบ้ ่ าน เมือดู • การร ับประทานอาหาร • การนอนหลับพักผ่อน • การทาความสะอาดร่างกาย อว ัยวะเพศ แผลฝี เย็บ แผลหน้า ท้อง • การออกกาลังกายและการทางาน • การมีเพศสัมพันธ ์ • การตรวจตามนัดหลังคลอดและพาบุตรมาร ับวัคซีน ้ั • การมีประจาเดือนครงแรก • การร ับประทานยา ่ องพามาพบ อาการผิดปกติของทารกทีต้ แพทย ์ • มีไข้ • ตัวเหลือง • ซึม ไม่ดูดนม • หายใจหอบเหนื่อย • ถ่ายเหลว • เขียว • ช ัก Thank you for your attention