1 บทที่ 1 บทนำ 1.1 คำนำ กำรคัดเลือกบุคคลเข้ำทำงำนในบริษัท องค์กร หน่วยงำน เป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นที่จะต้องได้คนที่มีควำมรู้ควำมสำมำรถตรงกับงำน ผู้ที่จะทำกำรคัดเลือกบุคคลเข้ำทำงำนจึงต้องมีควำมรู้ในเบื้องต้นก่อนว่ำ บุคคลที่จะทำงำนในตำแหน่งงำนที่กำหนดนั้น จะต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้นอะไรบ้ำง และจะต้องมีคุณสมบัติอื่นอะไรอีก นอกจำกนี้จะต้องมีคุณลักษณะ ควำมรู้ ควำมสำมำรถ อะไรต่อมำ โดยทั่วไป กำรคัดเลือกบุคคลเข้ำทำงำนมักจะกำหนดคุณวุฒิทำงกำรศึกษำก่อน เช่น สำเร็จกำรศึกษำระดับใด หรือสำเร็จกำรศึกษำในด้ำนใด หลังจำกนั้นจึงจะกำหนดคุณสมบัติและคุณลักษณะเพิ่มเติม แล้วจึงประกำศรับสมัครเพื่อทำกำรคัดเลือกต่อไป กำรคัดเลือกบุคคลเข้ำทำงำน จึงประกอบด้วย (1) กำรพิจำรณำใบสมัครและหลักฐำนอื่น เช่น คำแนะนำของบุคคลที่อ้ำงอิง ประวัติส่วนตัว ประวัติกำรเรียน งำนอดิเรก ผลกำรเรียน ชื่อสถำบันที่ศึกษำ (2) กำรหำข้อมูลอื่นเพิ่มเติม เช่น กำรทดสอบด้วยแบบทดสอบ กำรประเมินผลงำน/ภำคปฏิบัติ กำรสัมภำษณ์ กำรทดลองให้ปฏิบัติงำนระยะต้น หรือเครื่องมืออื่น เช่น ผลกำรทดสอบสภำพร่ำงกำย จิตใจ เป็นต้น กำรหำข้อมูลอื่นเพิ่มจึงเกี่ยวข้องกับเครื่องมือหำข้อมูล ซึ่งได้แก่ แบบทดสอบต่ำงๆ แบบสัมภำษณ์ แบบสอบถำมควำมคิดเห็น แบบสังเกตพฤติกรรม แบบประเมินกำรปฏิบัติงำน ซึ่งในจำนวนนี้แบบทดสอบเป็นเครื่องมือที่ใช้กันเป็นส่วนมำก 2 1.2 ควำมสำคัญของแบบทดสอบ จำกวิธีกำรหำข้อมูลโดยกำรพิจำรณำจำกใบสมัคร ใบแนะนำ (Recommendation) กำรสัมภำษณ์ กำรสังเกตพฤติกรรมในกำรทดลองปฏิบัติงำน ฯลฯ พบว่ำ ต่ำงมีจุดอ่อนในกำรให้ค่ำ/คะแนน เครื่องมือที่ได้รับควำมนิยมมำกสุด ได้แก่ แบบทดสอบ เพรำะเชื่อว่ำสร้ำงได้ไม่ยำก ตรวจให้คะแนนได้ตรง นำค่ำ/คะแนนไป วิเครำะห์และแปลควำมหมำยได้ง่ำย แบบทดสอบจึงได้รับควำมนิยมในฐำนะเป็นเครื่องมือให้ข้อมูลเพื่อคัดเลือกบุ คคลเข้ำทำงำนมำกกว่ำเครื่องมือแบบอื่น นอกจำกนี้ คะแนนสอบยังใช้เป็นเหตุผลในกำรรับหรือไม่รับคนเข้ำทำงำนเนื่องจำกคะ แนนต่ำงกันได้ด้วย เช่นในกรณีฝำกคนเข้ำทำงำน ถ้ำผู้สมัครที่ได้รับกำรฝำกมีคะแนนต่ำมำก บริษัทอำจลำบำกใจที่จะรับฝำก แต่ถ้ำอ้ำงเหตุผลเรื่องคะแนนต่ำ ก็อำจทำให้ควำมลำบำกใจลดลง 1.3 เครือ ่ งมือทีใ ่ ช้ในกำรคัดเลือกบุคคลเข้ำทำงำน เครื่องมือคัดเลือกบุคคลเข้ำทำงำน ได้แก่ (1) แบบทดสอบควำมรู้ (Test) (2) แบบสังเกตพฤติกรรม (Observation Form) (3) แบบสอบถำม (Questionnaire) (4) แบบสัมภำษณ์ (Interview Schedule) (5) แบบวัดทำงจิตวิทยำ (Psychological Test) (6) ใบสมัคร (Application Form) (7) ใบรับรองแพทย์ (8) ปริญญำ ประกำศนียบัตร (9) จดหมำยรับรอง (Recommendation) 3 1.4 กำรจำแนกประเภทของแบบทดสอบ แบบทดสอบจำแนกได้หลำยประเภท ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ คือ (1) เป็นแบบทดสอบที่ใช้ภำษำหรือรูปภำพ (2) เป็นแบบทดสอบที่สอบกลุ่มหรือเดี่ยว (3) เป็นแบบทดสอบที่ให้ทำโดยปิดหนังสือหรือเปิดหนังสือ (4) แยกตำมสำระที่วัด คือ (4.1) Cognitive เช่น ควำมรู้ ควำมจำ วิเครำะห์ (4.2) Affective เช่น ทัศนคติ ค่ำนิยม (4.3) Psycho-motor เช่น กำรปฏิบัติงำน (5) แยกตำมคำสั่งที่ให้ คือ (5.1) แบบเป็นปรนัย มีคำตอบมำให้ เพื่อทำเครื่องหมำยตอบ เลือกตอบ จับคู่ ผิด-ถูก (5.2) แบบเป็นอัตนัย ได้แก่ ให้เขียนตอบ เติมคำ วลี ประโยค เขียนควำมเรียง ทำรำยงำน (6) แยกตำมพฤติกรรมกำรตอบ คือ (6.1) ทำเครื่องหมำยตอบโดยผู้รับกำรทดสอบ (6.2) เขียนข้อควำมตอบโดยผู้รับกำรทดสอบ (6.3) พูดโดยผู้ให้กำรทดสอบและผู้รับกำรทดสอบ (6.4) แสดงโดยผู้รับกำรทดสอบ (6.5) สังเกตโดยผู้ให้กำรทดสอบ (6.6) พิจำรณำผลงำนโดยผู้ให้กำรทดสอบ แบบทดสอบในหนังสือนี้ จะแยกเป็น 3 ประเภท คือ 1. แบบทดสอบควำมรู้ ควำมคิด (Cognitive) ซึ่งแยกได้ 3 ประเภทย่อย คือ 4 1.1 แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ (Achievement Test) 1.2 แบบทดสอบสติปัญญำ (Intelligence Test) 1.3 แบบทดสอบควำมถนัดทั่วไปและเฉพำะ (Aptitude Test) 2. แบบทดสอบควำมรู้สึก พฤติกรรม (Psychological) ซึ่งแยกได้ 2 ประเภทย่อย คือ 2.1 แบบทดสอบควำมรู้สึก อำรมณ์ 2.2 แบบทดสอบบุคลิกภำพ แบบทดสอบทำงจิตวิทยำ บำงทีใช้คำว่ำ “มำตร” หรือ “แบบวัด” 3. แบบทดสอบทักษะในกำรปฏิบัติงำน (Performance Skill หรือ Practical Performance) ซึ่งแยกได้ 3 ประเภทย่อย คือ 3.1 แบบทดสอบควำมรู้ในกำรปฏิบัติงำน 3.2 แบบทดสอบกระบวนกำร (Process) หรือขั้นตอนในกำรปฏิบัติงำน ซึ่งส่วนใหญ่ใช้กำรสังเกต 3.3 แบบประเมินผลงำน (Product) ควำมแตกต่ำงระหว่ำงแบบทดสอบที่วัดด้ำน Cognitive, Psychological และ Practical Performance ประเด็น Cognitive Psychological Practical Performance วัดอะไร ควำมสำมำรถของสมอง ควำมรู้สก ึ จิตใจ อำรมณ์ บุคลิกลักษณะ ทักษะในกำรปฏิบัติ งำน ตัวอย่ำง สติปัญญำ บุคลิกภำพ ควำมถนัด (Aptitude) ทัศนคติ (Attitude) กระบวนกำรปฏิบัติ งำน ผลงำน ผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน ควำมสนใจ 5 ควำมรู้ ควำมจำ ค่ำนิยม ควำมคิด ควำมสำมำรถในกำรวิเครำะ ห์ สังเครำะห์ เน้น Maximum Performance เครื่องมือ แบบทดสอบ (Test) Typical Process และ Performance Product แบบวัด มำตร แบบทดสอบ แบบประเมิน (Scale) แบบสังเกต วิธีกำร ถำมตรง ถำมอ้อม หำข้อเท็จจริง (Fact, ไม่มีผิด-ถูก ทดสอบควำมรู้ควำ มเข้ำใจ สังเกตวิธีทำงำน Truth) ประเมินผลงำน มีผิด-ถูก มียำก-ง่ำย (Difficulty, ไม่มียำกง่ำย แต่มี Easy) Popularity 1.5 ปัญหำที่พบในกำรสร้ำงและใช้แบบทดสอบ 1.5.1 ปัญหำจำกผู้สร้ำง ผู้สร้ำงแบบทดสอบต้องมีควำมรู้ในเนื้อหำที่ออกอย่ำงดี อีกทั้งต้องมีวิธีออกข้อสอบที่เก่ง ส่วนมำกผู้สร้ำงแบบทดสอบมักมีคุณสมบัติเพียงหนึ่งในสองข้อ ทำให้ได้ข้อสอบที่เชื่อถือได้น้อย 1.5.2 ปัญหำจำกกำรระบุวัตถุประสงค์ของแบบทดสอบ ผู้สร้ำงแบบทดสอบต้องรู้ว่ำจะเอำแบบทดสอบไปทำอะไร เช่น คัดเลือก จัดประเภทคน เลื่อนตำแหน่ง วินิจฉัยจุดอ่อน/แข็ง ให้รำงวัล ลงโทษ ฯลฯ หรือนำไปเป็นส่วนหนึ่งของกำรทำกิจกรรม 6 ซึ่งส่วนมำกพบว่ำ ผู้ที่ต้องกำรให้สร้ำงแบบทดสอบมักไม่ชัดเจนว่ำ ตนต้องกำรนำผลกำรทดสอบไปทำอะไร 1.5.3 ปัญหำจำกกำรระบุเงื่อนไข ในกำรสร้ำงแบบทดสอบผู้สร้ำงต้องรู้ว่ำ จะใช้กับใคร เมื่อไร นำนเท่ำไร (เวลำสอบ) กลุ่มผู้สอบมีขนำดเล็กหรือใหญ่ กลุ่มผู้สอบอ่ำนออกเขียนได้หรือไม่ ต้องกำรผลสอบเร็วหรือช้ำ สอบเดี่ยวหรือกลุ่ม จับเวลำหรือไม่ 1.5.4 ปัญหำจำกกำรนำแบบทดสอบไปใช้ แบบทดสอบบำงชนิดต้องอำศัยผู้เชี่ยวชำญเป็นผู้ดำเนินกำรสอบ แต่บำงชนิดผู้คุมสอบอำจไม่ต้องมีควำมชำนำญพิเศษมำกนักก็ได้ ผลจำกกำรคุมสอบที่ไม่ดี และไม่เป็น ทำให้คะแนนสอบต่ำงกันได้ 1.5.5 ปัญหำจำกกำรตรวจให้คะแนน แบบทดสอบทุกชนิด จะต้องระบุคะแนนรำยข้อ และวิธีตรวจว่ำจะให้ตรวจอย่ำงไร กรณีข้อสอบ อัตนัย แนวกำรตรวจให้คะแนนจะต้องละเอียดและชัดเจน มิฉะนั้นคะแนนรวมจะคลำดเคลื่อนได้ 1.5.6 ปัญหำจำกกำรแปลผล คะแนนจำกแบบทดสอบทำงจิตใจ จะแปลผลแตกต่ำงจำกคะแนนจำกแบบทดสอบทำงสมอง กำรแปลผลจะต้องอำศัยผู้ที่มีควำมรู้ ควำมสำมำรถ และได้รับกำรฝึกหัดมำเพื่อใช้แบบทดสอบดังกล่ำว ดังนั้น 1.5.7 ปัญหำจำกกำรนำแบบทดสอบของคนอื่นมำใช้ แบบทดสอบที่ใช้กันอยู่ต่ำงมีที่มำที่เรียกว่ำ พิมพ์เขียว (Test Blueprint) ซึ่งจะระบุ วัตถุประสงค์ของแบบทดสอบ เนื้อหำของแบบทดสอบ น้ำหนักที่เน้น ลักษณะและรูปแบบของข้อสอบ คะแนนรำยข้อ ซึ่งถ้ำไม่เห็นพิมพ์เขียวดังกล่ำว เห็นแต่แบบทดสอบ ผู้ใช้แบบทดสอบจะไม่ทรำบเลยว่ำ แบบทดสอบดังกล่ำวสร้ำงมำเพื่ออะไร ใช้กับใคร ใช้อย่ำงไร ตรวจให้คะแนนอย่ำงไร และแปลผลอย่ำงไร 7 1.6 ขัน ้ ตอนกำรสร้ำงแบบทดสอบ มี 9 ขั้นตอน คือ (1) ระบุวัตถุประสงค์ในกำรใช้ เนื้อหำ และน้ำหนักที่เน้น (เน้นเนื้อหำใดมำกกว่ำกัน หรือเน้นวัตถุประสงค์ใดมำกกว่ำกัน (2) ระบุเงื่อนไข กำรใช้แบบทดสอบว่ำจะใช้กับใคร เมื่อไร จำนวนผู้รับกำรทดสอบ สอบนำนเท่ำไร ต้องกำรคะแนนสอบเมื่อไร นำเสนอคะแนนสอบในรูปใด (ค่ำสถิติ หรือกรำฟ หรือบรรยำย) (3) กำรทำพิมพ์เขียว (Test Blueprint) จัดทำตำรำง 2 มิติ ที่แสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงวัตถุประสงค์ของแบบทดสอบ เนื้อหำ และน้ำหนัก (4) ออกข้อสอบตำมพิมพ์เขียวและเงื่อนไข ระบุคำชี้แจงในกำรตอบ และจัดทำเป็นฉบับ (5) กำรทดลองใช้เบื้องต้น (6) กำรสอบ วิธีคุมสอบ (7) กำรวิเครำะห์ข้อสอบ และแบบทดสอบ (8) กำรทำเป็นมำตรฐำน (9) กำรทำคลังข้อสอบ ซึ่งเขียนได้ดังนี้ ระบุวต ั ถุประสงค์แล ะเนื้อหำ ระบุเงื่อนไข ทำ Blueprint ออกข้อสอบ 8 ทดลองใช้เบื้ องต้น กำรสอบ กำรวิเครำะห์ข้ อสอบ และแบบทดสอ บ กำรทำเป็นมำต รฐำน กำรทำคลังข้อ สอบ บทที่ 2 กำรวัดควำมสำมำรถทำงสมอง 2.1 นิยำม ควำมสำมำรถทำงสมอง ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนวิชำต่ำงๆ ผลจำกกำรเรียนรู้ ผลสัมฤทธิ์หลังจำกกำรรับกำรฝึกอบรม สติปัญญำ และควำมถนัด (Aptitude) ควำมสำมำรถทำงสมอง สำมำรถแยกได้เป็นลำดับขั้นดังนี้ (1) ควำมสำมำรถในกำรจำสิ่งต่ำงๆได้เร็ว หรือวิธีกำรต่ำงๆ (2) ควำมเข้ำใจเรื่องต่ำงๆ (3) ควำมสำมำรถในกำรประยุกต์สิ่งที่รู้เข้ำกับสถำนกำรใหม่ (4) ควำมสำมำรถในกำรวิเครำะห์ แยกแยะ 9 (5) ควำมสำมำรถในกำรสังเครำะห์ สรุป (6) ควำมสำมำรถในกำรประเมินคุณค่ำของสิ่งต่ำงๆ เหตุกำรณ์ต่ำงๆ พฤติกรรมต่ำงๆ กำรกระทำต่ำงๆ 2.2 ลักษณะของควำมสำมำรถทำงสมอง ควำมสำมำรถทำงสมอง ได้แก่ ควำมรู้และควำมคิด ซึ่งแยกได้ 3 ประเภท คือ 1. ผลสัมฤทธิ์ (Achievement) จำกกำรอบรม กำรสอน เป็นควำมสำมำรถจำกกำรรับรู้ กำรเรียนรู้ กำรฝึกปฏิบัติ โดยอิงวัตถุประสงค์ของกำรอบรมหรือสอนและเนื้อหำที่อบรมหรือ สอน ตลอดจนกำรสร้ำงประสบกำรณ์เรียนรู้ 2. สติปญ ั ญำ (Intelligence) สติปัญญำ (Intelligence) คือ สิ่งที่มีอยู่ในตัวบุคคลตั้งแต่เกิด และสร้ำงสมมำจำกประสบกำรณ์ กำรวัดสติปัญญำจะวัดในประเด็นกำรแก้ปัญหำ ควำมสำมำรถทำงภำษำ ควำมไวในกำรปรับตัวเข้ำกับสิ่งแวดล้อมหรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง เช่น สติปัญญำของพ่อ-แม่ สุขภำพของแม่ เชื้อชำติ วัฒนธรรม อำยุ เป็นต้น ทฤษฎีของสติปัญญำ (Intelligence) มีหลำยทฤษฎี เช่น ทฤษฎี 1 สติปัญญำประกอบด้วย : Verbal Comprehension, Word Fluency, Number, Concept, Spatial Relations, Perception Speed และ Reasoning ทฤษฎี 2 สติปัญญำประกอบด้วย : เนื้อหำ กำรปฏิบัติ และผลงำน ปฏิกิริยำระหว่ำง 10 (Content x Operation x Product) เนื้อหำ ได้แก่ ภำษำและควำมหมำย พฤติกรรม ภำพ รูปร่ำง สัญลักษณ์ กำรปฏิบัติ ได้แก่ กำรรู้และกำรเข้ำใจ กำรจำ กำรคิดแบบกระจำย กำรคิดแบบ กระจุก กำรประเมินค่ำ ผลงำน ได้แก่ หน่วยย่อยๆ ประเภท ควำมสัมพันธ์ ระบบ, กำรแปลงรูปอื่น ทฤษฎี 3 สติปัญญำประกอบด้วย : ควำมสำมำรถทำงภำษำ ควำมสำมำรถทำงตัวเลข ควำมเร็วในกำรปรับตัว ควำมเข้ำใจนำมธรรม 3. ศักยภำพหรือควำมถนัด (Aptitude) คือคุณลักษณะที่แสดงถึงควำมสำมำรถของบุคคล ซึ่งหำกได้รับกำรเรียนรู้ หรือฝึกฝนทักษะบำงอย่ำงแล้ว จะทำให้บุคคลนั้นประสบควำมสำเร็จในกำรกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในอนำคต เช่น กำรเรียนหรือกำรประกอบอำชีพ ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง เช่น เพศ อำยุ ประสบกำรณ์ สภำพแวดล้อม ผลกำรเรียน เป็นต้น ควำมถนัดแยกได้หลำยประเภท เช่น 3.1 ควำมถนัดทำงศิลป์ (Artistic Aptitude) ควำมถนัดเชิงศิลปะ หมำยถึง ขีดระดับควำมชำนิชำนำญ หรือทักษะที่ได้จำกประสบกำรณ์และกำรถ่ำยทอดตำมจินตนำกำรให้เป็นวัตถุ ที่มีสุนทรียภำพ สิ่งที่วัด เช่น กำรจัดองค์ประกอบของรูปทรง (Forms) เส้น (Lines) สี (Colours) เสียง (Sounds) พื้นที่ (Space) ควำมเคลื่อนไหว (Movement) ถ้อยคำ (Word) อำรมณ์ (Emotions) รวมทั้งแนวควำมคิด (Ideas) และวัสดุต่ำงๆ (Materials) ซึ่งสะท้อนสิ่งที่ได้เรียนรู้หรือมีประสบกำรณ์ผ่ำนพบมำเพื่อถ่ำยทอดเรื่องรำวใ ห้ผู้อื่นรู้เห็นเข้ำใจในควำมหมำยเท่ำที่จะสำมำรถแสดงออกได้ 11 ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ควำมรู้/ประสบ-กำรณ์ที่ได้รับ รวมทั้งระยะเวลำในกำรศึกษำเกี่ยวกับศิลปะ ควำมชอบ/ควำมสนใจเกี่ยวกับศิลปะ 3.2 ควำมถนัดเชิงกล (Mechanical Aptitude) หมำยถึง ควำมถนัดหรือควำมสำมำรถพิเศษที่เกี่ยวข้องกับอำชีพที่ต้องกำรใช้ฝีมือหรื อใช้กำลังเครื่องจักรหรือเครื่องมือต่ำงๆ ที่ใช้ สิง่ ที่วัด ได้แก่ กำรรับรู้เชิงอวกำศ (Spatial) เหตุผลเชิงกลและควำมรู้เกี่ยวกับกลไก (Mechanical Comprehensive) ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ อำยุ เพศ เวลำรับรู้ 3.3 ควำมถนัดเชิงเสมียน (Clerical Aptitude) ควำมถนัดเชิงเสมียน (Clerical Aptitude) หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรทำงำนในสำนักงำน เช่น กำรแยกประเภท กำรคัดเลือก กำรตรวจสอบ กำรเขียนและเย็บเข้ำเล่ม ตลอดจนกำรพิมพ์ กำรเก็บรักษำเอกสำร สิ่งที่วัดได้แก่ ควำมสำมำรถในกำรสังเกตเห็นอย่ำงรวดเร็วและแม่นยำ ควำมสำมำรถในกำรเก็บข้อควำมสำระ และกำรตัดสินใจได้ถูกต้อง ควำมสำมำรถในกำรใช้เครื่องใช้ในสำนักงำน ทักษะทำงเลขคณิต กำรสะกดตัว เครื่องหมำยวรรคตอน และกำรใช้ภำษำได้อย่ำงถูกต้อง 2.3 ลำดับขัน ้ ของควำมสำมำรถทำงสมอง อำจจัดลำดับจำกผิวเผินไปถึงลึกซึ้งได้ 6 ระดับ คือ 1. ควำมจำ ควำมจำ จำแนกออกเป็นขั้นย่อยๆ เรียงจำกที่ซับซ้อนน้อยสุดไปหำที่ซับซ้อนมำกสุด คือ 1.1 ควำมจำในเรื่องเฉพำะๆ เช่น สัญลักษณ์ 12 1.2 ควำมจำในข้อเท็จจริงบำงอย่ำง เช่น วันที่ เหตุกำรณ์ บุคคล สถำนที่ 1.3 ควำมจำในเรื่องวิธีกำรจัดกระทำเฉพำะเรื่อง ได้แก่ ในเรื่องวิถีทำง วิธีกำร กำรจัดระเบียบ รวมทั้งกำรวิพำกษ์วิจำรณ์ ได้แก่ 1.3.1 ควำมจำในเรื่องกำรประชุม 1.3.2 ควำมจำเรื่องแนวโน้มและลำดับเหตุกำรณ์ 1.3.3 ควำมจำเรื่องประเภทและจำพวก 1.3.4 ควำมจำเรื่องเกณฑ์ 1.3.5 ควำมจำเรื่องระเบียบวิธีกำร เช่น วิธีกำรสืบสวน 1.4 ควำมจำเรื่องที่เป็นสำกลและนำมธรรม ได้แก่ 1.4.1 เรื่องหลักและข้อสรุป 1.4.2 เรื่องทฤษฎีและโครงสร้ำง 2. ควำมเข้ำใจ (Comprehension) ควำมเข้ำใจ หมำยถึง 2.1 กำรแปล (Translation) โดยแปลควำมจำกนำมธรรมระดับหนึ่งไปยังอีกระดับหนึ่ง หรือแปลรูปสัญลักษณ์หนึ่งไปสู่อีกสัญลักษณ์หนึ่ง หรือแปลจำกภำษำหนึ่งไปสู่อีกภำษำหนึ่ง 2.2 กำรตีควำม (Interpretation) เป็นกำรแปลควำมทุกส่วนแล้วอธิบำยควำมสัมพันธ์ของส่วนต่ำงๆ ออกมำ 2.3 กำรขยำยควำมและสรุปควำม (Extrapolation) เป็นกำรแสดงควำมเข้ำใจ โดยอำศัยกำรเสริมแต่งข้อควำมในช่องว่ำงระหว่ำงควำมสัมพันธ์ของส่วนต่ ำงๆ เพื่อให้เกิดควำมหมำยที่ชัดเจนขึ้น 13 3. กำรประยุกต์ (Application) กำรประยุกต์ประกอบด้วยขั้นต่ำงๆ 6 ขั้น ดังแสดงในรูป ดังนี้ ปัญหำที่เสนอ รับรู้ปัญหำโดยผู้เรี ยน ควำมไม่คุ้นเคยขั้ ขั้น 1 นต้น ผู้เรียนค้นหำสิ่งที่ คุ้นเคย มีควำมคุ้นเคยทัน ที เพื่อแนะทำงให้ป ฏิบัติกำร ผู้เรียนใช้สิ่งที่คุ้นเ ผู้เรียนสร้ำงเค้ำโครงให ขั้น 2 คย ม่ เพื่อจัดเค้ำโครงปั เพื่อทำให้คล้ำยคลึงกับเ ญหำ ค้ำโครงเดิมและให้สมบู ในรูปแบบที่คุ้นเค รณ์มำกขึ้น ย กำรจำแนกปัญหำ ขั้น 3 ที่คุ้นเคยตำมประเภท ขั้น 4 กำรเลือก ทฤษฎี หลัก ควำมคิด วิธี ที่เหมำะสมกับประเภ ทปัญหำ แก้ปัญหำ 14 ขั้น 5 ขั้น 6 ได้คำตอบของปัญหำ กำรประยุกต์แตกต่ำงจำกควำมเข้ำใจคือ กำรประยุกต์จะเริ่มจำกขั้น 1 ถึง 6 ในขณะที่ควำมเข้ำใจเริ่มจำกขั้น 1 ถึง 5 โดยขั้นที่ 5 เป็นขั้นที่ผู้เรียนเริ่มเข้ำใจปัญหำ ลักษณะกำรทดสอบควำมสำมำรถในกำรประยุกต์ ประกอบด้วย (ก) สร้ำงสภำพกำรหรือสถำนกำรณ์ขึ้นใหม่ และ (ข) ใช้ควำมรู้ที่ไม่เคยเรียนมำก่อนมำแก้ปัญหำ 4. กำรวิเครำะห์ (Analysis) ควำมแตกต่ำงระหว่ำง ควำมเข้ำใจ กำรประยุกต์ และกำรวิเครำะห์ก็คือ ควำมเข้ำใจ เน้นกำรจับควำมหมำยตลอดจนจุดหมำยของผู้เขียนบทควำมนั้น ส่วนกำรประยุกต์เน้นกำรจำและกำรนำเนื้อหำมำสรุปหรือสร้ำงหลักกำรหรือ หำคำตอบที่เหมำะสม แต่กำรวิเครำะห์เป็นกำรแยกเนื้อหำให้เป็นส่วนย่อยแล้วระบุควำมสัมพันธ์ระ หว่ำงส่วนย่อยเหล่ำนั้น กำรวิเครำะห์คือจุดเริ่มต้นของกำรประเมินเนื้อหำนั่นเอง กำรวิเครำะห์มี 3 ประเภท คือ 4.1 กำรวิเครำะห์ให้ได้หน่วยย่อย (Analysis of Elements) 15 4.2 กำรวิเครำะห์ควำมสัมพันธ์เชิงเนื้อหำ (Analysis of Relationship) 4.3 กำรวิเครำะห์เนื้อหำหลัก (Analysis of Organizational Principles) 5. กำรสังเครำะห์ (Synthesis) กำรสังเครำะห์ในที่นี้คือกำรรวมหน่วยย่อยเข้ำด้วยกัน กลำยเป็นสิ่งใหม่ 1 อัน เป็นกำรผสมผสำนส่วนย่อยจนได้สิ่งใหม่ที่ไม่ใช่กำรรวมแต่เพียงอย่ำงเดียว หำกแต่เป็นสิ่งใหม่ที่มีลักษณะแตกต่ำงจำกส่วนย่อยที่นำมำบูรณำกำร กำรสังเครำะห์ต้องอำศัยควำมสำมำรถในกำรผสมกับควำมคิดริเริ่มของผู้สัง เครำะห์ กำรสังเครำะห์มี 3 ประเภท คือ 5.1 สังเครำะห์ให้ได้ผลเฉพำะเรื่อง (Production of a Unique Communication) เช่น สำมำรถในกำรแต่งกลอน ควำมสำมำรถในกำรนำคำต่ำงๆ (หน่วยย่อย) มำประมวลเข้ำด้วยกันจนเป็นเรื่องที่น่ำอ่ำน ให้สำระแก่ผู้อ่ำน เป็นต้น 5.2 สังเครำะห์ให้ได้แผนงำนหรือแผนปฏิบัตก ิ ำร (Production of a Plan of Proposed Set of Operations) เช่น กำรรวบรวมควำมต้องกำร ปัญหำของคนในชนบท นำมำประมวลเขียนเป็นแผนปฏิบัติกำรเพื่อสนองควำมต้องกำร ดังกล่ำว เป็นต้น 5.3 สังเครำะห์ให้ได้ระดับนำมธรรมทีส ่ งู ขึน ้ (Derivation of a Set of Abstract Relations) เช่น ควำมสำมำรถในกำรสร้ำงสมมุติฐำนที่เหมำะสมกับปัจจัยและเ งื่อนไข หรือควำมสำมำรถในกำรสร้ำงทฤษฎีกำรเรียนรู้โดยอำศัยข้อมู ลในห้องเรียน เป็นต้น 16 6. กำรประเมิน (Evaluation) กำรประเมินในที่นี้ หมำยถึง กำรตัดสินเกี่ยวกับคุณค่ำของควำมคิด งำน คำตอบ วิธีกำร เนื้อหำ ฯลฯ กำรประเมินเกี่ยวข้องกับเกณฑ์และมำตรฐำนเพื่อระบุควำมถูกต้อง ประสิทธิผล ประหยัด ควำมพึงพอใจ กำรตัดสินนี้อำจทำในเชิงตัวเลขหรือเชิงบรรยำยก็ได้ และเกณฑ์ก็อำจกำหนดโดยผู้สอน ผู้เรียน หรือผู้อื่นก็ได้ กำรประเมินเป็นขั้นสุดท้ำยของควำมสำมำรถทำงสมอง เพรำะต้องอำศัยควำมสำมำรถในระดับต้นๆ เช่น ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ กำรประยุกต์ กำรวิเครำะห์ และกำรสังเครำะห์เข้ำมำ กำรประเมินนอกจำกจะเป็นระดับสุดท้ำยของควำมสำมำรถทำงสมองแล้วยัง เกี่ยวข้องกับควำมรู้สึก (Affective) ด้วย กำรที่ผู้สอนสำมำรถสอนจนถึงขั้นที่ผู้เรียนสำมำรถประเมินออกมำได้ จะพบว่ำ ผู้เรียนจะเกิดพฤติกรรมควำมอยำกรู้อยำกเห็นใน สิ่งใหม่ตำมมำด้วย กำรประเมินในที่นี้จำแนกได้ 2 ประเภท คือ 6.1 กำรประเมินที่องิ เกณฑ์ภำยใน (Judgments in Terms of Internal Evidence) เกณฑ์ภำยในในที่นี้อิงควำมรู้สึกของผู้ประเมิน 6.2 กำรประเมินที่องิ เกณฑ์ภำยนอก (Judgments in Terms of External Evidence) เกณฑ์ภำยนอกในที่นี้ หมำยถึง หลักฐำนที่แสดงประสิทธิผล ควำมประหยัด ประโยชน์ ประกอบกำรพิจำรณำ ตัดสิน 2.4 ประโยชน์ของกำรวัดควำมสำมำรถทำงสมอง ผลกำรวัดควำมสำมำรถทำงสมองนำไปสู่ข้อสรุปว่ำเป็นคน “เก่ง” หรือไม่ บริษัททุกแห่งต่ำงต้องกำรคนเก่ง ดังนั้น ผลกำรวัดควำมสำมำรถทำงสมองจะบอกให้รู้ว่ำ เป็นคนมีควำมจำดีหรือไม่ 17 คิดเก่งหรือไม่ เข้ำใจอะไรได้ง่ำยหรือไม่ วิเครำะห์แยกแยะได้เก่งหรือไม่ ตีควำม แปลควำม ขยำยควำมได้หรือไม่ 2.5 ปัญหำที่พบในกำรใช้แบบทดสอบควำมสำมำรถทำงสมอง ในกำรใช้แบบทดสอบทำงสมอง ผู้ใช้ต้องรู้ว่ำแบบทดสอบนี้วัดอะไรของควำมสำมำรถทำงสมอง เช่น ควำมจำ เข้ำใจวิเครำะห์ ประยุกต์สังเครำะห์ หรือวัดควำมถนัดในงำนต่ำงๆ หรือแสดงควำมสำมำรถรวม ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้แยกแยะว่ำตนต้องกำรอะไรในเรื่องควำมสำมำรถทำงสม อง และเมื่อใช้ไปแล้วมักตีควำมรวมๆ ว่ำเป็นคน “เก่ง” แต่มิได้มีควำมชัดเจนว่ำ “เก่งอะไร” นอกจำกนี้ ยังมีควำมเข้ำใจผิดเกี่ยวกับคำว่ำ “สติปัญญำ” โดยเหมำรวมว่ำ มีคะแนนสติปัญญำน้อย แปลว่ำ “โง่” มีคะแนนสติปัญญำมำก แปลว่ำ “ฉลำด” ซึ่งในกำรแปลคะแนนจำกแบบทดสอบสติปัญญำ ผู้ใช้ต้องเข้ำใจว่ำแบบทดสอบสติปัญญำนี้สร้ำงมำจำกทฤษฎีอะไร หรือทฤษฎีของใคร ซึ่งคะแนนจะตำมกำรวัดทฤษฎีดังกล่ำว คะแนนของแบบทดสอบที่วัดต่ำงทฤษฎีจะแปลควำมต่ำงกัน 2.6 เครือ ่ งมือวัดควำมสำมำรถทำงสมองและตัวอย่ำง เครื่องมือที่ใช้กันมำก ได้แก่ แบบทดสอบ ซึ่งจำแนกได้หลำยประเภท คือ 1. แบบเป็นอัตนัย ได้แก่ 1.1 กำรเติมคำ วลี 1.2 กำรเขียนประโยค 1.3 กำรเขียนควำมเรียง เรื่อง 18 2. แบบเป็นปรนัย ได้แก่ 2.1 กำรเลือกตอบ 2.2 กำรจับคู่ 2.3 กำรเลือกผิด-ถูก 3. แบบที่เป็นรูปภำพ ให้รูปภำพมำแล้ว หำคำตอบที่ถูกต้อง 4. แบบอุปมำอุปมัย เช่น กลำงวัน : กลำงคืน : เช้ำ : ? ก. สำย ข. บ่ำย ง. จ. ค่ำ เย็น ค. เที่ยง 5. แบบให้ระบุควำมจำระยะยำว เช่น จงบอกพฤติกรรมที่ใกล้เคียงที่สุดกับลักษณะของสัตว์ที่กำหนดให้ เช่น แมว ก. ขู่ ข. ง. คำรำม กัด ข่วน ค. ขบ 6. แบบให้ระบุควำมจำระยะสัน ้ เช่น จงดูภำพต่อไปนี้ (นำน 1 นำที) แล้วตอบคำถำมว่ำ อะไรอยู่ในโต๊ะ ก ต้นไม้ ข. แฟ้ม ง. ป้ำย “Information” ค. โทรศัพท์ 19 7. แบบให้ระบุควำมสัมพันธ์ เช่น เล่ม : ก. ฟัก ข. สมุด ง. จ. เหนื่อย หิว ค. แข่งขัน 8. แบบให้ระบุควำมหมำยเหมือน/ตรงข้ำม เช่น เสียใจ : ก. ทุกข์ ข. ง. น้อยใจ โทมนัส จ. สลด ค. หดหู่ ลังเล : ก. สนใจ ง. ข. หวั่นใจ จ. ตั้งใจ ค. มั่นใจ เต็มใจ 9. เป็นโจทย์คณิตศำสตร์ เช่น มีเงิน 15 บำท จะซื้อมะนำวได้กี่ลูก ถ้ำมะนำว 5 ผล รำคำ 3 บำท 10. ให้โจทย์ภำพแก้ปญ ั หำ เช่น มีรูปสำมเหลี่ยมทั้งหมดกี่รูป ก. 8 ข. 9 ค. 10 ง. 11 20 11. ให้กำรจัดประเภท เช่น เปรี้ยว หวำน ก. ฉุน ข. ง. หอม เค็ม ………… เย็น จ. ค. ร้อน เผ็ด 12. ให้สรุปควำม เช่น นักเรียนที่สอบไล่ได้ เพรำะมำเรียนทุกๆ วัน นำย ก สอบไล่ตก ฉะนั้น ก. นำย ก มำเรียนไม่ถึง 80% ข. นำย ก สมองไม่ดี ค. นำย ก ขำดเรียนมำก ง. ครูไม่ค่อยเอำใจใส่ นำย ก จ. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้ 13. ให้แปลควำมหมำยของคำศัพท์ เช่น สันโดษ หมำยถึง อะไร 14. ให้เรียงลำดับตัวเลข เช่น 4 12 36 108 ………. ก. 244 ข. 341 ค. 324 ง. 334 จ. 344 15. ให้เรียงลำดับใหม่ เช่น 2 5 8 10 11 14 17 16. วัดควำมละเอียด เช่น ให้ดูว่ำข้อควำมทำงซ้ำยมือกับขวำมือ ข้อใดเหมือนกัน 21 (1) Turnley & Son …….……Turnley & Son (2) Victoree Food Products ………..Victores Food Products (3) Blick’s Inn ………………Blick’s Inn (4) Moran & Cato …………..Moran & Cato (5) Kodak (A’sia) Ltd …………….. Kodak A’asia) Ltd 17. ควำมคิด จงนำอักษรต่อไปนี้ มำสร้ำงเป็นคำที่มีควำมหมำย ำ ม ร ส ด ก ถ เ 18. ให้สถำนกำรณ์ แล้วแสดงปฏิกริ ย ิ ำโต้ตอบ ให้สถำนกำรณ์ ตำมปฏิกิริยำ 19. ให้ประเมิน ตำมควำมมำกน้อยของควำมรูส ้ ึกต่อข้อควำม 20. ให้จด ั ลำดับ เช่น ให้ชื่อไม่เกิน 15 ชื่อ ให้จัดลำดับตำมคำสั่ง หรือลักษณะที่ต้องกำร ตัวอย่ำงแบบทดสอบ ชื่อ-สกุล………………………………………………. ……………………………………... วันที่ 22 23 24 บทที่ 3 กำรวัดลักษณะทำงจิต 3.1 นิยำม ลักษณะทำงจิต เป็นลักษณะที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจ ต้องอำศัยกำรตีควำมผ่ำนพฤติกรรมที่แสดง เช่น หัวเรำะ หมำยถึง มีควำมสุข ร้องไห้ หมำยถึง มีควำมทุกข์ กำรวัดลักษณะทำงจิต ต้องอำศัยกำรหำควำมหมำยของคำก่อนจึงจะวัดได้ เช่น (1) วุฒภ ิ ำวะ (Maturity) หมำยถึง ลักษณะของคนที่แสดงพฤติกรรมที่เหมำะสมตำมช่วงอำยุ เช่น ผู้ใหญ่ ได้แก่ ผู้ที่ 1) มีอำรมณ์มั่นคง อบอุ่น 2) เข้ำกับคนอื่นได้ 25 3) ไว้ใจผู้อื่น มองโลกในแง่ดี 4) สร้ำงสรรค์ 5) มุ่งมั่น กระตือรือร้น 6) เป็นตัวของตัวเอง รู้จักตัวเอง 7) มีควำมพอดีระหว่ำงควำมต้องกำรทำงร่ำงกำยกับสภำพแวดล้อ ม (2) ควำมรับผิดชอบ หมำยถึง ควำมรู้สึกเชื่ออย่ำงฝังใจ และแสดงออกมำถึงควำมมุ่งมั่น ควำมตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้ำที่ ด้วยควำมพำกเพียร ละเอียดรอบคอบเอำใจใส่ เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตำมควำมมุ่งหมำย และพยำยำมที่จะปรับปรุงกำรปฏิบัติในหน้ำที่ให้ดีขึ้น พฤติกรรม ได้แก่ มีระเบียบวินัยในตนเอง มำนะพยำยำม เอำใจใส่ ตั้งใจ มุ่งมั่น รักษำเวลำ ใช้ควำมสำมำรถเต็มที่ ยอมรับผลกำรกระทำของตน กระทำตำมหน้ำที่อย่ำงมีประสิทธิภำพ (3) ควำมซื่อสัตย์ หมำยถึง ควำมรู้สึกเชื่ออย่ำงฝังใจที่ได้รับกำรปลูกฝังมำ และทำให้มีกำรแสดงออกเป็นกำรประพฤติปฏิบัติอย่ำงเหมำะสม และตรงต่อควำมเป็นจริง คือ ประพฤติปฏิบัติอย่ำงตรงไปตรงมำทั้งกำย วำจำ ใจ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น พฤติกรรม ได้แก่ ประพฤติตำมที่พูด ไม่คดโกงผู้อื่น ไม่ทำกำรหรือไม่ร่วมมือกับกำรกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมำย มั่นคงต่อกำรกระทำดีของตน โดยไม่คล้อยตำมผู้อื่นไปในทำงที่เสื่อมเสีย (4) กำรประหยัด หมำยถึง ควำมรู้สึกเชื่ออย่ำงฝังใจ ที่ได้รับกำรปลูกฝังมำและนำให้มีกำรแสดงออกในกำรใช้สิ่งทั้งหลำยพอเหม ำะพอควร ให้ได้ประโยชน์มำกที่สุด ไม่ยอมให้มีส่วนเกินมำกนัก 26 รวมทั้งกำรรู้จักระมัดระวัง รู้จักยับยั้งควำมต้องกำรให้อยู่ในกรอบและขอบเขตที่พอเหมำะพอควร พฤติกรรม ได้แก่ ไม่เลียนแบบควำมฟุ้งเฟ้อ ใช้ของอย่ำงคุ้มค่ำ เก็บสะสม ไม่ฟุ่มเฟือย ใช้จ่ำยทรัพย์เท่ำที่จำเป็น ให้สมควรแก่อัตภำพ (5) กำรรับรู้ (Perception) กำรรับควำมรู้สึกด้วยประสำทสัมผัสทั้ง 5 คือ ตำ หู ลิ้น จมูก ผิวหนัง (6) ค่ำนิยม (Values) ค่ำนิยม คือ คุณลักษณะที่บุคคลได้พิจำรณำแล้วเห็นว่ำ มีคุณค่ำ มีควำมสำคัญ มีควำมหมำย และเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ในสังคม สภำพสังคม เพศ อำยุ ศำสนำ พฤติกรรม ได้แก่ กำรปฏิบัติตำมกฎระเบียบของสถำบัน ยอมรับผิดเมื่อทำควำมผิด ส่งงำนตรงต่อเวลำ ไม่ทำลำยสิ่งของของสถำบัน เน้นกำรปฏิบัติตำมกฎระเบียบของสังคม องค์กร หรือสถำบัน (7) ทัศนคติ (Attitude) ทัศนคติ คือ ควำมเชื่อ ควำมรู้สึกของบุคคลที่มีต่อสิ่งต่ำงๆ รวมทั้งท่ำทีที่แสดงออกชี้บ่งถึงสภำพจิตใจที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทัศนคติมีทั้งบวกและลบ มำกและน้อย และมีทิศทำงไปสู่เป้ำหมำยที่แสดงออก (8) ควำมสนใจ (Interest) ควำมสนใจ คือ อำกำรที่จิตใจจดจ่อเอำใจใส่ในสิ่งที่ตนพึงพอใจ และตนมักเอำใจใส่หรือกระทำสิ่งนั้นด้วยควำมกระตือรือร้น ควำมสนใจอำจใช้เวลำนำน หรือเป็นเพียงควำมรู้สึกชั่วครู่ก็ได้ (9) บุคลิกภำพ (Personality) บุคลิกภำพ คือ ลักษณะของพฤติกรรมของแต่ละคนที่แสดงออกมำ ทำงกำย อำรมณ์ และกิริยำท่ำทำงที่ทำเป็นประจำ 27 บุคลิกภำพดี หมำยถึง กำรกระทำหรือกำรแสดงพฤติกรรมของคน ในลักษณะต่อไปนี้ 1) กำรแต่งกำย เช่น กำรแต่งกำยสะอำด เรียบร้อย ถูกกำลเทศะ 2) กิริยำท่ำทำง เช่น กำรเดินอย่ำงสง่ำผ่ำเผย ตัวตรง สำรวมในกำรนั่ง กำรเข้ำหำผู้ใหญ่ด้วย ท่ำทำงสุภำพอ่อนน้อม กล้ำแสดงออก 3) กำรพูด เช่น พูดได้ชัดเจน ใช้ถ้อยคำสุภำพเหมำะสมกับกำละเทศะ ไพเรำะ กล้ำแสดงควำมคิดเห็น ไม่พูดเท็จ หรือพูดเพ้อเจ้อ 4) กำรควบคุมอำรมณ์ เช่น ไม่แสดงออกทำงสีหน้ำ ท่ำทำง หรือคำพูด เมื่อไม่พอใจในสิ่งต่ำงๆ มีควำมมั่นคงในอำรมณ์ 5) มนุษยสัมพันธ์ เช่น กำรมีเพื่อนมำก ทำงำนร่วมกับผู้อื่นได้ดี รู้จักทักทำยผู้อื่น ปรับตัวเข้ำกับผู้อื่นได้รวดเร็ว ยิ้มแย้มแจ่มใส ขัดแย้งกับผู้อื่นน้อยครั้ง มองผู้อื่นในแง่ดี (10) ควำมชืน ่ ชม (Appreciation) กำรใช้ดุลพินิจพิจำรณำสิ่งต่ำงๆ โดยเฉพำะงำนด้ำนศิลปะแล้วประเมินค่ำของสิ่งนั้นออกในลักษณะของควำ มซำบซึ้ง ควำมนิยม ชมชอบ (11) กำรปรับตัว (Adjustment) หมำยถึงกำรจัดตัวใหม่ให้อยู่ในสภำพกำรณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกิดสภำพควำมสมดุลย์ระหว่ำงร่ำงกำยกับสิ่งแวดล้อม โดยที่ควำมต้องกำรของร่ำงกำยทุกอย่ำง ได้รับกำรตอบสนองครบถ้วนและส่วนต่ำงๆ ของร่ำงกำยยังคงทำหน้ำที่ของมันอย่ำงต่อเนื่องปกติ (12) จริยธรรม (Eltic) 28 คือ ควำมประพฤติ (Code of Conduct) ที่ยอมรับในสังคมหนึ่งๆ เป็นกำรกระทำหรือกำรแสดงพฤติกรรมของคน ในลักษณะต่อไปนี้ 1) กำรควบคุมตนอง เช่น กำรไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้ำ ไม่เล่นกำรพนัน ไม่เที่ยวเตร่ หรือไม่เสพยำเสพย์ติดทุกประเภท 2) มีควำมซื่อสัตย์ เช่น กำรไม่พูดเท็จ กำรรักษำคำมั่นสัญญำ กำรไม่ทุจริตในกำรสอบ หรือกำรลอกกำรบ้ำนเพื่อน กำรยอมรับเมื่อทำผิด ไม่ลักขโมย 3) ควำมเมตตำกรุณำ เช่น ให้ควำมช่วยเหลือเพื่อนที่เดือดร้อน ไม่ซ้ำเติมเพื่อนเมื่อเพื่อนทำควำมผิด ไม่รับแกเพื่อน 4) มีควำมรับผิดชอบ เช่น ส่งงำนตรงเวลำ ทำงำนสม่ำเสมอ ทำงำนที่ได้รับมอบหมำย และ ส่งทันเวลำ รักษำควำมสะอำดของสถำนที่ตำมที่ได้รับมอบหมำย เสนอตนเพื่อแก้ไขงำนที่กำลังล้มเหลว อุทิศตนเพื่องำนตลอดเวลำ แต่งกำยถูกระเบียบของสถำนที่ ทิ้งขยะในภำชนะที่จัดไว้ให้ เอำใจใส่ติดตำมผลงำนให้ลุล่วงด้วยดี 5) ควำมมีวินัย เช่น ปฏิบัติตำมกฎระเบียบของสถำบัน ไม่ไปสำย ตั้งใจทำงำนที่ได้รับมอบหมำยโดยไม่มีใครบังคับ ไม่นั่งหลับในที่ทำงำน ไม่หนีงำน ไม่ยกพวกตีกัน 6) พึง่ ตนเอง เช่น ซัก-รีดเสื้อผ้ำเอง ทำงำนหำรำยได้พิเศษในเวลำว่ำง ทำงำนบ้ำนเอง ทำงำนต่ำงๆ ที่ตนทำได้เอง รวมทั้งเลี้ยงชีพเองด้วย (13) ควำมเชื่อ (Beliefs) คือ สำรสนเทศ ที่แต่ละบุคคลได้รับจำกประสบกำรณ์ตรงหรืออ้อม ผู้ที่แสดงควำมเชื่อ เพรำะมีข้อมูลสำรสนเทศในเรื่องนั้น (14) กำรปรับตัวเข้ำกับสิง่ แวดล้อม หมำยถึง พฤติกรรมที่บ่งบอกกิจกำรจัดตัวใหม่ให้เข้ำกับสิ่งต่ำงๆ 29 ที่อยู่รอบบุคคลนั้น ไม่ว่ำจะเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต เช่น ดิน ฟ้ำอำกำศ เทคโนโลยี หรือสิ่งมีชีวิต ได้แก่ 1) กำรปรับตัวด้ำนสุขภำพร่ำงกำย 2) กำรปรับตัวเข้ำกับที่อยู่อำศัย 3) กำรปรับตัวเข้ำกับสถำนที่ และงำนที่ต้องรับผิดชอบ 4) กำรปรับตัวกับสภำพภำยในครอบครัว 5) กำรปรับตัวเข้ำกับเพื่อน 6) กำรปรับตัวเข้ำกับบุคคลทั่วไป 7) กำรปรับตัวเข้ำกับเครื่องมือเครื่องใช้ ตำมวิทยำกำรที่ทันสมัย (15) ควำมรับผิดชอบต่อสังคม หมำยถึง พฤติกรรมของบุคคลที่ปฏิบัติในฐำนะพลเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคม โดยพฤติกรรมจะมีลักษณะดังนี้ 1) ปฏิบัติงำนตำมขั้นตอนที่กำหนดจนงำนเสร็จเรียบร้อย แม้ว่ำจะมีสิ่งใดมำขัดขวำงกำรปฏิบัติก็ตำม 2) ปฏิบัติตำมสิทธิและหน้ำที่ โดยไม่ละเมิดสิทธิและหน้ำที่ของผู้อื่น 3) ปฏิบัติตนตำมกฎหมำย สัญญำ และข้อตกลง 4) ยอมรับผลที่เกิดขึ้นจำกกำรปฏิบัติของตนไม่ว่ำจะเป็นผลดีหรือ ไม่ก็ตำม 5) รักษำสำธำรณสมบัติ (16) คุณธรรม หมำยถึง คุณงำม ควำมดี ที่ควรกระทำ และถูกต้องที่สะสมไว้ในควำมรู้สึกนึกคิดทำงจิตใจของบุคคล และพฤติกรรมจะมีลักษณะดังนี้ 1) ควำมเมตตำกรุณำ และช่วยเหลือผู้อื่น 2) กำรประกอบอำชีพด้วยควำมสุจริต 3) สำรวมในกำม 4) พูดควำมจริง ไม่กล่ำวร้ำยผู้อื่น 5) พิจำรณำสิ่งต่ำงๆ ด้วยควำมยุติธรรม ถูกต้อง 30 คุณธรรมในกำรปฏิบัติงำน หมำยถึง กำรกระทำหรือกำรแสดงพฤติกรรมของคนในลักษณะต่อไปนี้ 1) มีควำมอดทน เช่น ไม่หนีงำน ไม่ละทิ้งหน้ำที่ ไม่หลีกเลี่ยงงำนที่มีอุปสรรค 2) ประหยัด เช่น รู้จักเลือกใช้สิ่งของรำคำถูกแต่มีคุณภำพ รู้จักดัดแปลงสิ่งของที่เหลือใช้ให้เกิดประโยชน์ ซื้อสิ่งของเท่ำที่จำเป็น 3) มีเหตุผล เช่น ไม่เห็นแก่พวกพ้อง ยอมรับในควำมคิดเห็นของผู้อื่น 4) มีควำมเสียสละ เช่น ทำงำนช่วยเพื่อนเมื่อมีโอกำส บริจำคทรัพย์สิ่งของเมื่อเห็นเพื่อน เดือดร้อน 5) ขยันในกำรทำงำน เช่น ไม่ปล่อยเวลำให้ผ่ำนไปโดยเปล่ำประโยชน์ อำสำทำงำน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ทำงำนได้รวดเร็วและคล่องแคล่ว ใจจดจ่ออยู่กับงำนตลอดเวลำ ทำงำนก่อนเวลำและกลับหลังเวลำ (17) จิตสำนึกในกำรพัฒนำสังคม หมำยถึง 1) ปฏิบัติตำมกฎ ระเบียบ แบบแผนของสังคม 2) สนใจ ติดตำมข่ำวสำร ควำมเคลื่อนไหวในสังคม 3) ประพฤติตนเป็นแบบอย่ำงที่ดีแก่ชุมชน 4) ให้ควำมช่วยเหลือสังคมตำมควำมสำมำรถของตน 5) ทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่ำงต่อเนื่อง (18) ควำมคิดสร้ำงสรรค์ หมำยถึง 1) อยำกรู้อยำกเห็น มีควำมกระหำยอยำกรู้เป็นนิจ 2) ชอบเสำะแสวงหำ สำรวจ ศึกษำ ค้นคว้ำ และทดลอง 3) กล้ำหำญและกล้ำเผชิญควำมจริง 4) ยอมรับและสนใจสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ 5) ขี้เล่น ร่ำเริง มีอำรมณ์ขัน 6) ไม่ค่อยเคร่งครัดกับระเบียบแบบแผน 31 7) สำมำรถดัดแปลง แก้ไขวิธีกำรคิดและกำรทำงำนได้คล่องแคล่ว 8) ชอบแสดงออกมำกกว่ำเก็บกด สงสัยสิ่งใดใคร่ถำม (19) ควำมตระหนักในคุณค่ำ หมำยถึง พฤติกรรมหรือกิจกรรมที่เกิดจำกกำรรับรู้ โดยผ่ำนทำงประสำทสัมผัสในด้ำนใดด้ำนหนึ่ง หรือหลำยๆ ด้ำนพร้อมกัน ทำให้เกิดควำมรู้ควำมเข้ำใจที่บุคคลมีต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยแสดงออ กในทำงที่ดี ตัวอย่ำงเช่น กำรตระหนักในคุณค่ำของวิชำวิทยำศำสตร์ ก็จะแสดงออกทำงพฤติกรรม ด้วยควำมพยำยำมที่จะปฏิบัติงำนที่ได้รับมอบหมำยให้สำเร็จ ไม่แสดงควำมท้อแท้ต่ออุปสรรคในกำรปฏิบัติงำน แสดงควำมตั้งใจในกำรศึกษำวิชำนี้ โดยเอำใจใส่ต่อกำรเรียนอย่ำงสม่ำเสมอ (20) นิสย ั ใฝ่หำควำมรู้ หมำยถึง พฤติกรรมที่แสดงกำรยึดมั่นต่อกระบวนกำรแสวงหำควำมรู้ ซึ่งแสดงออกด้วยกำรอ่ำน ฟัง และสังเกต ข่ำวสำรต่ำงๆ ชอบแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็น และจดบันทึก เช่น คนที่มน ี ิสัยใฝ่หำควำมรู้ เมื่อถูกชักถำมในเนื้อหำก็แสวงหำคำตอบ (21) ควำมเป็นผูน ้ ำ หมำยถึง ลักษณะต่อไปนี้ 1) ควำมสำมำรถในกำรชวนให้ผู้อื่นมำร่วมมือกับตน 2) ควำมสำมำรถในกำรพิจำรณำประเมินตัวบุคคล 3) ควำมสำมำรถในกำรมองเห็นภำพรวม 4) ควำมสำมำรถในกำรจัดลำดับควำมสำคัญก่อนหลัง 15) รับรู้กำรเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว 5) ควำมสำมำรถในกำรทำควำมคิดของผู้อื่นให้กระจ่ำง ควบคุมตัวเองได้ 16) 32 6) ควำมสำมำรถในกำรสื่อควำมหมำยควำมเข้ำใจกับผู้อื่น 17) ไวต่อควำมรู้สึกของผู้อื่น 7) ควำมสำมำรถในกำรตัดสินใจ 18) ชำนำญในกำรจูงใจคน 8) ควำมสำมำรถในกำรประเมิน (คน งำน) 19) เห็นควำมสำคัญของเวลำ 9) รู้จักให้เกียรติผู้อื่นเมื่อถึงครำวต้องให้เกียรติ 20) ได้รับกำรสนับสนุนจำกลูกน้อง 10) มีควำมสนใจในเรื่องมนุษย์มำกกว่ำวัตถุ 21) ริเริ่มงำนด้วยตนเอง 11) มีวิจำรณญำณ 22) วิเครำะห์สถำนกำรณ์ได้ถูกต้อง 12) มีมนุษยสัมพันธ์ 23) มีควำมรู้เรื่องเทคนิคกำรปฏิบัติงำนในสำขำของตน 13) มีควำมสำมำรถในกำรวำงแผน 24) คนอื่นรู้สึกสบำยใจเมื่ออยู่ใกล้ 14) มีควำมสำมำรถในกำรโน้มน้ำว 25) เต็มใจฟังควำมเห็นผู้ใต้บังคับบัญชำ 3.2 ลักษณะ ได้แก่ ควำมรู้สึก อำรมณ์ กำรแสดงออก ค่ำนิยม ทัศนคติ ควำมชื่นชม กำรปรับตัว ควำมเป็นผู้นำ มนุษยสัมพันธ์ที่ดี มองโลกในแง่ดี ขี้กังวล เจ้ำระเบียบ มั่นใจในตนเอง รับผิดชอบ ข่มขู่ผู้อื่น จงรักภักดี เจ้ำอำรมณ์ เข้มแข็ง อดทน อยำกรู้อยำกเห็น กล้ำได้กล้ำเสีย ทะเยอทะยำน มีน้ำใจ พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ โลเล มีอำรมณ์ขัน ซื่อสัตย์ ขวนขวำยหำควำมรู้ ก้ำวร้ำว อำรมณ์ไม่มั่นคง ปรับตัวเก่ง ยืดหยุ่น สำรวม ชอบสังคม อำรมณ์อ่อนไหว อำรมณ์มั่นคง ถ่อมตน ถือตนเป็นใหญ่ ถี่ถ้วน ตำมสบำย ไม่ทำตำมกฎ ซื่อตรงต่อหน้ำที่ ขี้อำย กล้ำ จิตใจกล้ำแข็ง 33 อ่อนแอ ไว้ใจคน ระแวง ทำตำมควำมจริง เพ้อเจ้อ ตรงไปตรงมำ มีเล่ห์เหลี่ยม ประสำทมั่นคง หวำดกลัว อนุรักษ์ ชอบทดลอง ตำมกลุ่ม เป็นตัวของตัวเอง ขัดแย้งในตัว ควบคุมตัวเอง ผ่อนคลำย เคร่งเครียด ใฝ่สัมฤทธิ์สูง ข่มคนอื่น ยกย่องผู้อื่น ถ่อมตน ชอบแสดงออก ชอบกำรเปลี่ยนแปลง ชอบอิสระ มีไมตรีกับผู้อื่น ชอบคบเพื่อนต่ำงเพศ เข้ำใจตัวเองและผู้อื่น ชอบช่วยเหลือผู้อื่น กล้ำเสี่ยง วิตกกังวล ทะเยอทะยำน เข้ำสังคม ลังเล ไว้ใจคนอื่น ข่มคนอื่น คิดในแง่บวก จงรักภักดี อยำกรู้อยำกเห็น มองตนเอง ในแง่ดี เมตตำ กรุณำ เป็นต้น 3.3 ลำดับขัน ้ ของลักษณะทำงจิต จำแนกตำมควำมรู้สึกไปจนถึงนิสัย ได้ดังนี้ 1. กำรรับ (Receiving, Attending) กำรรับในที่นี้มี 3 ระดับ คือ 1.1 กำรแสดงอำกำรรู้ตัว (Awareness) 1.2 กำรแสดงอำกำรตั้งใจ (Willingness to Receive) 1.3 กำรแสดงอำกำรตั้งใจบำงอย่ำงที่เลือก (Controlled or Selected Attention) 2. กำรตอบสนอง (Responding) กำรตอบสนองต่อสิ่งเร้ำมี 3 ระดับ คือ 34 2.1 กำรตอบสนองโดยยินยอม (Acquiescence in Responding) เช่น อำกำรที่แสดงออกซึ่งกำรเชื่อฟัง 2.2 กำรแสดงควำมตั้งใจที่จะตอบสนอง (Willingness to Respond) เช่น แสดงอำกำรเต็มใจ สมัครใจ 2.3 กำรแสดงควำมพึงพอใจในกำรตอบสนอง (Satisfaction in Response) 3. กำรให้คณ ุ ค่ำ (Valuing) กำรให้คุณค่ำโดยตัวผู้เรียนเองมี 3 ระดับ คือ 3.1 กำรยอมรับคุณค่ำ (Acceptance to a Value) โดยกำรแสดงพฤติกรรมที่สม่ำเสมอ 3.2 ควำมพึงพอใจที่จะเลือกคุณค่ำบำงอย่ำง (Preference for a Value) ระดับนี้มุ่งถึงกำรแสดงตัวอย่ำงเปิดเผยว่ำตนเองมีคุณค่ำอะไร บ้ำง 3.3 กำรยอมรับ (Commitment) ระดับนี้เป็นที่ควำมเชื่อและกำรแสดงออกอย่ำงแน่นอน 4. กำรจัดระบบ (Organization) เมื่อผู้เรียนเกิดคุณค่ำหลำยอย่ำงในตัวเอง เขำจะจัดระบบคุณค่ำต่ำงๆ กำหนดควำมสัมพันธ์ระหว่ำงคุณค่ำ และจำแนกจุดร่วมจุดแตกต่ำงระหว่ำงคุณค่ำ มี 2 ระดับ คือ 4.1 กำรสร้ำงมโนทัศน์ของคุณค่ำ (Conceptualization of a Value) เป็นกำรสร้ำงภำพพจน์ในเชิงนำมธรรมของคุณค่ำต่ำงๆ 4.2 กำรจัดเรียบเรียงคุณค่ำให้เป็นระบบ (Organization of a Value System) เป็นกำรนำคุณค่ำต่ำงๆ มำจัดเรียงลำดับตำมควำมสัมพันธ์ 35 5. กำรสร้ำงลักษณะตำมคุณค่ำ (Characterization by a Value or Value Complex) เมื่อผู้เรียนเกิดระบบของคุณค่ำบำงอย่ำงแล้ว เขำจะแสดงพฤติกรรมที่แสดงลักษณะดังกล่ำวออกมำ กำรสร้ำงลักษณะมี 2 ระดับ คือ 5.1 ลักษณะที่สอดคล้องฝังแน่น (Generalized Set) 5.2 กำรสร้ำงบุคลิก นิสัย สันดำน (Characterization) 36 37 3.4 ประโยชน์ของกำรวัดลักษณะทำงจิต ผลกำรวัดลักษณะทำงจิต จะได้ข้อสรุปคือเป็นคน “ดี” ซึ่งคำว่ำ “ดี” นี้ต้องให้คำจำกัดควำมว่ำหมำยถึงอะไร ดีแบบใด หรือดีอย่ำงไร ทุกบริษัทต้องกำร “คนดี” มำทำงำน ดังนั้น กำรวัดคนดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ และบำงครั้งสำคัญกว่ำคนเก่ง 38 คะแนนที่ได้จำกกำรวัดลักษณะทำงจิตที่เชื่อถือได้ สะท้อนควำมเป็นคนดีของผู้สอบในระดับต่ำงๆ ดังนั้น คะแนนจึงช่วยให้ผู้ใช้แบบทดสอบ/มำตรวัดได้ข้อมูลด้ำนควำมเป็นคนดีของ ผู้สอบได้ 3.5 ปัญหำที่พบในกำรใช้มำตรวัดลักษณะทำงจิต เนื่องจำกลักษณะทำงจิตเป็นนำมธรรม ต้องอำศัยกำรตีควำม หรือใช้นิยำมเชิงปฏิบัติกำรจึงจะวัดได้ กำรให้นิยำมจึงขึ้นอยู่กับผู้ให้นิยำมว่ำจะอิงทฤษฎีหรือแนวคิดของใคร และอ้ำงอิงไปยังพฤติกรรมใด ดังนั้น คะแนนจำกมำตรวัดลักษณะทำงจิตจึงต้องรู้ที่มำของกำรสร้ำงข้อคำถำมและ วิธีสร้ำงว่ำ สำมำรถล้วงลึกถึงสิ่งที่ซ่อนเร้นในใจได้มำกน้อยเพียงใด โดยปกติ คะแนนจำกมำตรวัดลักษณะทำงจิตจะเชื่อถือไม่ได้เต็มที่ แต่เชื่อถือได้บ้ำง ดังนั้น กำรนำคะแนนไปตีควำมจึงต้องระวัง ไม่สรุปว่ำเขำเป็นคนดีจริง หำกแต่สรุปว่ำมีแนวโน้มที่จะเป็นคนดีแทน 3.6 มำตรวัดลักษณะทำงจิตและตัวอย่ำง เครื่องมือวัด ได้แก่ มำตรต่ำงๆ (Scale) แบบสังเกตพฤติกรรม แบบสัมภำษณ์ควำมรู้สึก แบบวัด ควำมรู้สึก ฯลฯ ตัวอย่ำงมำตรวัดลักษณะทำงจิต ได้แก่ 39 แบบวัดควำมรับผิดชอบ คำชี้แจงในกำรตอบ โปรดกำเครื่องหมำย ลงในช่อง ถ้ำท่ำนคิดว่ำคำตอบนั้นตรงกับตัวท่ำน และกำ X ลงในช่อง ถ้ำคำตอบนั้นไม่ตรงกับตัวท่ำน (ใช้เวลำในกำรทำ 5 นำที) 1. เมื่อมีกำรประชุม หำกท่ำนประสบเหตุขัดข้องทำให้เข้ำประชุมไม่ทัน ท่ำนแจ้ง ให้ที่ประชุมทรำบก่อนทุกครั้ง 2. ท่ำนจะไม่เดินตำกฝน เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองเป็นหวัด 3. ท่ำนสั่งงำนให้ลูกน้องทำแล้วท่ำนมักจะสอบถำมผลของงำนนั้นทุกครั้ง 4. ท่ำนสนใจกับคำเตือนของคู่ชีวิตเสมอ 5. เมื่อท่ำนไปงำนเลี้ยง ท่ำนจะดื่มเหล้ำ สูบบุหรี่ จนดึกดื่น 6. ท่ำนมักให้ควำมสนใจต่อข้อร้องเรียนจำกลูกน้องทุกครั้ง 7. ท่ำนมักจะชอบพำครอบครัวของท่ำนไปพักผ่อนในวันหยุดเสมอ 8. ท่ำนจะมีข้อแก้ตัวบ่อยเมื่อท่ำนทำผิดทุกครั้ง 40 9. ท่ำนชอบเปิดวิทยุเสียงดังเพื่อแบ่งให้เพื่อนบ้ำนฟังด้วย 10. ท่ำนมีควำมพิถีพิถันในกำรแต่งตัว 11. ท่ำนขอบท่ำนขนมจุกจิกในขณะทำงำน 12. เมื่อท่ำนเห็นไฟจรำจรสีเหลือง ท่ำนจะชลอทุกครั้ง 13. ท่ำนจะรู้สึกเสียใจทุกครั้งที่ท่ำนทำผิดโดยมิได้ตั้งใจ 14. ท่ำนมักจะมีควำมคิดเห็นแตกต่ำงจำกเสียงส่วนใหญ่เสมอ 15. ท่ำนจะรู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นถนนสกปรก แบบวัดบุคลิกลักษณะ : มองโลกในแง่ดี คำชี้แจงในกำรตอบ 41 โปรดกำเครื่องหมำย ลงในช่อง ถ้ำท่ำนคิดว่ำข้อควำมนั้นตรงกับตัวท่ำน และกำ X ลงในช่อง ถ้ำข้อควำมนั้นไม่ตรงกับตัวท่ำน (ใช้เวลำในกำรทำ 7 นำที) 1. เมื่อท่ำนมีนัดกับเพื่อนหลำยคน ท่ำนมักจะไปถึงสถำนที่นั้นก่อนเวลำเสมอ ด้วยควำมเต็มใจ 2. ท่ำนคิดว่ำในโลกนี้ทุกคนเป็นคนดี 3. ท่ำนคิดว่ำยังมีคนอื่นอีกมำกที่มีควำมสำมำรถมำกกว่ำท่ำน 4. ท่ำนชอบไปไหนโดยลำพังยำมวิกำล 5. หำกมีคนโทรศัพท์มำที่บ้ำนในยำมวิกำล ท่ำนมักจะไม่รับโทรศัพท์ 6. ท่ำนจะควบคุมอำรมณ์ได้เสมอเมื่อผู้อื่นพูดหรือแสดงกิริยำไม่ดีกับท่ำน 7. เมื่อท่ำนไปตรวจร่ำงกำยและแพทย์ได้ให้ควำมเห็นว่ำท่ำนเป็นโรคร้ำย ท่ำนไม่รส ู้ ึกกังวลใจเลย 8. เมือ ่ เพื่อนรู้สึกไม่สบำยใจ ท่ำนมักจะเป็นผู้ให้คำปรึกษำแก่เพื่อนเสมอ 9. หำกท่ำนฝันร้ำยติดต่อกันหลำยเดือน ท่ำนไม่เคยรู้สึกยินดียินร้ำย กับควำมฝนนั้นเลย 10. ท่ำนคิดว่ำ หำกท่ำนมีเรื่องเดือดร้อน คนอื่นๆ สำมำรถช่วยท่ำนได้เสมอ 11. ท่ำนไม่เคยเตรียมยำสำมัญประจำตัว ติดตัวไปในเวลำที่เดินทำงไกลไปหลำยวัน 12. ท่ำนเป็นคนไม่ชอบดูภำพยนต์สงครำมหรือควำมโหดร้ำย 42 13. ท่ำนไม่ชอบฝำกกุญแจบ้ำนไว้กับเพื่อนเพื่อน เวลำท่ำนไปเที่ยวหลำยๆ วัน 14. ท่ำนไม่เคยให้อภัยเพื่อนร่วมงำนเมื่อเขำทำควำมผิด 15. ท่ำนกล้ำเข้ำไปเที่ยวในป่ำเปลี่ยวโดยลำพัง 16. ท่ำนเป็นคนที่ไม่ยอมพูดกับคนแปลกหน้ำเมื่อเขำเข้ำมำถำมเส้นทำงจำก ท่ำน 17. ท่ำนเป็นคนไม่เคยวิตกกังวลกับเหตุกำรณ์ใดๆ ที่ร้ำยแรงและผ่ำนเข้ำมำ ในชีวิตของท่ำน 18. ในที่ทำงำน ท่ำนพบว่ำเงินในกระเป๋ำหำยไป ท่ำนคิดว่ำเพื่อนร่วมงำนเอำไป ใช่หรือไม่ 19. ท่ำนกับเพื่อนๆ นัดกันไปงำนพบปะสังสรรค์รุ่น แต่พอถึงวันงำนมีท่ำนไปคนเดียว ท่ำนคิดว่ำถูกเพื่อนหลอกหรือไม่ 20. ไม่มีใครสวยหรือหล่อเลยในสำยตำของท่ำน แบบวัดบุคลิกภำพ คำชี้แจงในกำรตอบ โปรดกำ ลงใน ถ้ำท่ำนคิดว่ำคำตอบนั้นตรงกับตัวท่ำน และกำ X ลงใน ถ้ำคำตอบนั้นไม่ตรงกับตัวท่ำน 1. คุณเคยพยำยำมที่จะทำตัวให้เข้ำกันได้กับบุคคลที่คุณไม่ชอบหรือเปล่ำ 2. คุณชอบสถำนที่ตำกอำกำศที่อึกทึกครึกโครมมำกกว่ำสถำนที่เงียบๆ หรือเปล่ำ 43 3. คุณชอบไปงำนปำร์ตี้ ไปเต้นดิสโก้ และผับที่มีเสียงดังหรือเปล่ำ 4. คุณสร้ำงมิตรภำพกับคนแปลกหน้ำในขณะเดินทำงบ่อยๆ ไหม 5. คุณชอบไหมที่เพื่อนฝูงโผล่หน้ำมำโดยไม่บอกล่วงหน้ำ 6. คุณเคยรู้สึกรำคำญไหมที่คนแปลกหน้ำมำชวนคุยขณะที่คุณเดินทำงไ กล 7. คุณชอบจัดเลี้ยงหรือจัดงำนปำร์ตี้ไหม 8. คุณมีเพื่อนมำกไหม 9. คุณชอบใช้เวลำตอนกลำงคืนในสถำนที่มีเสียงดังๆ มำกกว่ำใช้เวลำอยู่บ้ำนเงียบๆ หรือเปล่ำ 10. คุณชอบเล่นเกมกับเพื่อนๆ ในงำนปำร์ตี้ไหม 11. คุณรู้จักเพื่อนบ้ำนมำกไหม 12. คุณชอบเล่นเกมโดยไม่อยำกเป็นผู้ชนะบ้ำงไหม 13. คุณชอบคนมำกกว่ำเครื่องจักเครื่องยนต์ไหม 14. คุณชอบช่วยผู้อื่นหรือเปล่ำ 15. หำกคุณไปงำนเลี้ยงและเจ้ำภำพเสิร์ฟอำหำรที่คุณคิดว่ำแย่ที่สุด คุณจะรับประทำน อำหำรจำนนี้ไหม 16. คุณเคยส่งบัตรอวยพรปีใหม่ไปให้คนที่คุณไม่ชอบบ้ำงไหม 17. เคยมีเพื่อนบอกว่ำคุณคือ คนที่ชอบงำนปำร์ตี้มำกที่สุดบ้ำงไหม 18. คุณชอบพอคนแปลกหน้ำไหม 44 19. คุณรู้สึกสบำยใจไหมเมื่อก้ำวไปในห้องที่เต็มไปด้วยคนที่คุณไม่รู้จัก 20. คุณชอบเด็กๆ ไหม 21. คุณชอบเขียนจดหมำยมำกกว่ำพูดโทรศัพท์ใช่ไหม 22. คุณมีเพื่อนง่ำยไหม 23. คุณเคยแสร้งทำเป็นว่ำไม่อยู่บ้ำนไหมเมื่อเห็นบุคคลที่ไม่ชอบหน้ำมำเค ำะประตูบ้ำน 24. คุณเคยเชิญให้เพื่อนมำพักค้ำงคืนที่บ้ำนทั้งๆ ที่บ้ำนของคุณคับแคบบ้ำงหรือเปล่ำ 25. คุณเคยวิตกว่ำผู้อื่นจะคิดอย่ำงไรกับคุณหรือเปล่ำ บทที่ 4 กำรวัดทักษะในกำรปฏิบต ั งิ ำน 4.1 นิยำม ทักษะในกำรปฏิบัติงำน หมำยถึง ควำมคล่องแคล่ว รวดเร็ว ถูกต้อง ในกำรปฏิบัติงำน ซึ่งได้จำกกำร ฝึกฝนบ่อยๆ 4.2 ลำดับขัน ้ ของลักษณะของทักษะในกำรปฏิบต ั งิ ำน ลำดับขั้นจำกผิวเผินจนถึงกำรมีทักษะ หรือทำโดยอัตโนมัติ ได้แก่ 1. กำรรับรู้ 2. กำรเตรียมพร้อม 45 3. กำรตอบสนองตำมแนวทำงที่ให้ 4. กำรสร้ำงกลไก 5. กำรตอบสนองที่ซับซ้อน 6. กำรดัดแปลง 7. กำรริเริ่มสิ่งใหม่ รำยละเอียดมีดังนี้ 1. กำรรับรู้ (Perception) ขั้นตอนของกำรเริ่มกิจกรรมใดก็ตำม มักเกี่ยวข้องกับกำรรับรู้ ซึ่งแบ่งเป็น 3 อย่ำงย่อยๆ คือ 1.1 กำรเร้ำควำมรูส ้ ึก (Sensory Stimulation) เป็นกำรกระตุ้นต่อโสตประสำทควำมรู้สึกอย่ำงใดอย่ำงหนึ่งหรื อหลำยอย่ำงคือ 1.1.1 ทำงหู กำรได้ยิน 1.1.2 ทำงตำ กำรเห็นภำพ หรือเกิดภำพในสมอง 1.1.3 ทำงมือ จำกกำรสัมผัส 1.1.4 ทำงลิ้น กำรกระตุ้นให้ได้รส 1.1.5 ทำงจมูก กำรกระตุ้นให้ได้กลิ่น 1.1.6 ทำงกล้ำมเนื้อ กำรกระตุ้นที่กล้ำมเนื้อ เอ็น ข้อต่อ 1.2 ให้ทำงเลือก (Cue Selection) เป็นกำรตัดสินว่ำจะเลือกสิ่งเร้ำใดที่ตนจะตอบสนอง 1.3 กำรแปลควำมหมำย (Translation) เป็นกำรแปลควำมเกี่ยวข้องของสิ่งเร้ำ และอำกำรที่ตอบสนองออกมำ 2. กำรเตรียมพร้อม (Set) 46 เป็นกำรปรับตัวทั้งทำงร่ำงกำย อำรมณ์ จิตใจ และสมอง ให้พร้อมที่จะทำกำรอย่ำงใดอย่ำงหนึ่ง 2.1 กำรพร้อมทำงสมอง เป็นกำรพร้อมในเชิงควำมคิดที่ต้องมีมำก่อน อำศัยควำมรู้ที่มีมำก่อน 2.2 กำรพร้อมทำงร่ำงกำย เป็นกำรจัดอวัยวะของร่ำงกำยให้พร้อม 2.3 กำรพร้อมทำงอำรมณ์ เป็นกำรปรับทัศนคติให้เกิดควำมตั้งใจตอบสนอง 3. กำรตอบสนองตำมแนวทำงทีใ ่ ห้ (Guided Response) ได้แก่ 3.1 กำรเลียนแบบ เป็นกำรตอบสนองตำมแบบที่ให้ เช่น กำรแสดงให้ดูแล้วให้ทำตำม 3.2 กำรลองผิดลองถูก เป็นควำมพยำยำมที่จะตอบสนองในรูปแบบต่ำงๆ 4. กลไก (Mechanism) เป็นกำรสร้ำงระบบ วิธีกำร จำกประสบกำรณ์ ควำมรู้ที่สะสมไว้แล้วแสดงกำรตอบสนองอย่ำงมีควำมเชื่อมั่น 5. กำรตอบสนองทีซ ่ ับซ้อน (Complex Over Response) กำรตอบสนองในระดับนี้ต้องมีทักษะ มีกำรกระทำที่มีประสิทธิภำพมำก่อน จำแนกได้ 2 แบบ คือ 5.1 กำรตอบสนองโดยไม่ลงั เลใจ เป็นกำรตอบสนองอย่ำงเด็ดเดี่ยว 5.2 กำรตอบสนองแบบอัตโนมัติ เป็นกำรตอบสนองที่ประสำนระหว่ำงพลังภำยใน ทักษะที่ ฝึกฝน และกล้ำมเนื้อ 6. กำรดัดแปลงให้เหมำะสม (Adaptation) 47 เป็นกำรปลี่ยนกิจกรรมทำงมอเตอร์ในสมองให้สอดคล้องกับควำมต้องก ำรในปัญหำแบบใหม่ที่ สอดคล้องกับควำมต้องกำรทำงกำย 7. กำรริเริ่มสิง่ ใหม่ (Origination) เป็นกำรหำวิธีกำรใหม่มำจัดกระทำตำมวัตถุประสงค์ โดยไม่เคยทำมำก่อน 4.3 ประโยชน์ของกำรวัดทักษะในกำรปฏิบต ั งิ ำน คะแนนที่ได้จำกแบบวัดทักษะกำรปฏิบัติงำนสะท้อนให้เห็น ควำมคล่องแคล่ว รวดเร็ว ถูกต้อง ในงำนที่ต้องกระทำ ถ้ำเขำมีทักษะมำกแสดงว่ำเขำฝึกบ่อยและฝึกมำอย่ำงดี กำรคัดเลือกคนที่มีทักษะสูงในงำนนั้นก็เท่ำกับได้คนมำทำงำนทันที และทำงำนได้อย่ำงดีด้วย บริษัททุกแห่งต่ำงต้องกำรคนมำใช้งำนทันที แทนกำรมำฝึกอบรม เพรำะทำให้เสียเวลำและค่ำใช้จ่ำย ดังนั้น กำรวัดทักษะในงำนที่ต้องมีกำรกระทำและวัดได้จะทำให้ได้คนคล่องมำทำง ำน คะแนนจำกกำรวัดทักษะทำให้แยกได้ว่ำ ใครคือคนมีทักษะสูง หรือต่ำ 4.4 เครือ ่ งมือวัดและตัวอย่ำง เครื่องมือวัดทักษะในกำรปฏิบัติงำน ได้แก่ แบบทดสอบควำมรู้ในงำน แบบสังเกตพฤติกรรมที่ปฏิบัติงำน และแบบประเมินผลงำนที่ทำ 48 ตัวอย่ำงที่ 1 ผลกำรประเมิน ผลงำน ควำมรูค ้ วำมสำมำรถ ในกำรปฏิบต ั งิ ำน พฤติกรรม ปฏิบัติงำนที่ได้รับมอ บหมำย ได้สำเร็จตำมมำตรฐ ำนหรือสูง มีควำมรู้ควำมสำมำร ถในกำร ปฏิบัติงำนในหน้ำที่ไ ด้ดีเยี่ยม มีควำมรับผิดชอบสู งมำก เสีย สละและอุทิศเวลำใ ห้กับงำน (คิดเป็นร้อยละ) ระดับดีเยีย ่ ม 96.00-100 49 กว่ำงำนที่หน่วยงำน กำหนด ผลงำนมีคณ ุ ภำพดีเยี่ ยม ถูกต้อง สำมำรถพัฒนำและป เป็นอย่ำงมำก รับปรุง จัดระเบียบ ระบบกำรทำงำนให้มี วินัยของตนโดยเค ร่งครัด ประสิทธิ- สมบูรณ์ หรือเสร็จก่อนกำหน ด เวลำ รวดเร็ว ภำพและประสิทธิผล ได้ดีเยี่ยม ประหยัดทรัพยำกร ระดับดีมำก 91.00-95.99 ระดับดี 80-00-90-99 มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีกำร สำมำรถแก้ไขปัญหำ พัฒนำตนเองอยู่ตล ที่เกิดขึ้น อดเวลำ ในงำนได้ มีควำมคิดริเริ่มสร้ำง สรรค์ สำมำรถติดต่อประสำ น งำนได้ดี มีศักยภำพสูงกว่ำ ตำแหน่งในสัญญำเดิ ม ปฏิบัติงำนที่ได้รับมอ มีควำมรู้ควำมสำมำร บหมำย ถในกำร ได้สำเร็จตำมมำตรฐ ปฏิบัติหน้ำที่ได้ดม ี ำก ำนงำน สำมำรถ ที่หน่วยงำนกำหนด พัฒนำและปรับปรุงร ผลงำนมี ะบบกำร คุณภำพดีมำก ทำงำนให้มีประสิทธิ ถูกต้อง รวดเร็ว ภำพและ เสร็จทันตำมกำหนดเ ประสิทธิผลได้ดม ี ำก วลำ สำมำรถ ประหยัดทรัพยำกร แก้ไขปัญหำที่เกิดขึ้ นในงำนได้ มีควำมคิดริเริ่มสร้ำง สรรค์ สำมำรถติดต่อประสำ นงำนได้ดี ปฏิบัติงำนที่ได้รับมอ มีควำมรู้ควำมสำมำร บหมำย ถในกำร ได้สำเร็จตำมมำตรฐ ปฏิบัติงำนในหน้ำที่ไ ำนงำนที่ ด้ดี มีลักษณะของกำรเ ป็นผู้นำที่ ดี มีควำมคิดริเริ่มสร้ำ งสรรค์ มีควำมรับผิดชอบสู ง เสียสละและอุทิศเว ลำให้กับ งำนเป็นอย่ำงมำก จัดระเบียบ วินัยของตนเป็นอย่ ำงดี มี มนุษยสัมพันธ์ดี มีกำรพัฒนำ ตนเองอยู่เสมอ มีควำมรับผิดชอบค่ อนข้ำง สูง เสียสละและอุทิศเว ลำให้ 50 หน่วยงำนกำหนด ผลงำนมี คุณภำพดี ถูกต้อง รวดเร็ว ระดับ ปำนกลำง 70-00-79-99 ผลกำรประเมิน เสร็จทันตำมกำหนดเ ภำพ วลำ สำมำรถแก้ไขปัญหำ ที่เกิด ประหยัดทรัพยำกร ขึ้นในงำนได้ มีควำมคิดริเริ่ม สร้ำงสรรค์ สำมำรถติดต่อ ประสำนงำนได้ดี ดี มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีกำร พัฒนำตนเองบ้ำง ปฏิบัติงำนที่ได้รับมอ บหมำยได้ สำเร็จตำมมำตรฐำน งำนที่ มีควำมรู้ควำมสำมำร ถใน กำรปฏิบัติงำนเหมำะ สมกับ หน่วยงำนกำหนด ผลงำนมี ตำแหน่ง สำมำรถพัฒนำงำน มีควำมรับผิดชอบเ ฉพำะใน หน้ำที่ เสียสละและอุทิศเว ลำ ให้กับงำน จัดระเบียบวินัย ผลงำน ควำมรูค ้ วำมสำมำรถ ในกำรปฏิบต ั งิ ำน พฤติกรรม คุณภำพพอใช้ได้แม้ ในหน้ำที่ได้โดยต้อง มีข้อบก- มีกำรแนะ- ของตนเองได้น้อย มีมนุษย พร่องเล็กน้อย ประหยัด ทรัพยำกร นำ สัมพันธ์ สำมำรถติดต่อประสำ และกำรพัฒนำ นงำน ได้ ตนเองน้อย ปฏิบัติงำนที่ได้รับมอ บหมำย ไม่สำมำรถปฏิบัติงำ นตำมที่ (คิดเป็นร้อยละ) ระดับต่ำ สำมำรถพัฒนำและป กับงำนโดยสม่ำเสม รับปรุง อ จัด ระบบกำรทำงำนให้มี ระเบียบวินัยของต นค่อนข้ำง ประสิทธิ- ไม่รับผิดชอบในงำ นที่ได้รับ 51 ต่ำกว่ำ 70 ไม่สำเร็จหรือไม่บรร ลุตำม มำตรฐำนงำนที่หน่ว ยงำน กำหนด ผลงำนมีคณ ุ ภำพต่ำ ผิดพลำด ล่ำช้ำ ไม่ประหยัด ทรัพยำกร หน่วยงำนกำหนดได้ สำเร็จ ผลงำนมีข้อผิดพลำด ล่ำช้ำ ไม่สำเร็จทันกำหนดเ วลำ ไม่ พัฒนำปรับปรุงกำร ทำงำน ไม่ สำมำรถติดต่อประสำ นงำนกับ ผู้อื่น ไม่มีควำมสำมำรถแก้ ไข ปัญหำในงำน มอบหมำย ไม่เสียสละและ ไม่อุทิศเวลำให้กับง ำน ฝ่ำฝืนระเบียบข้อบั งคับของ มหำวิทยำลัยเสมอ 52 ตัวอย่ำงที่ 2 ดีเลิศ ยอดเยี่ยมที่สุด ดีมำก แบบประเมินผลกำรปฏิบัติงำนรวม - ทำงำนได้สำเร็จโดดเด่นเป็นเลิศ - ประสบควำมสำเร็จเหนือกว่ำระดับมำตรฐำน ปำนกลำง - บรรลุผลตำมที่ต้องกำรทุกด้ำนอย่ำงน่ำพอใจ ไม่ถึงมำตรฐำน - ทำงำนตำมที่ต้องกำรพื้นฐำนสำเร็จได้แต่ไม่ทั้งหมด ใช้ไม่ได้ - ทำงำนได้สำเร็จเพียงเล็กน้อยหรือไม่ถูกต้อง 53 ตัวอย่ำงที่ 3 แบบสังเกตกำรปฏิบัติงำน ปัจจัย ระดับผลกำรปฏิบต ั ิ ไม่ได้สงั เกต 1. A B C D E สมรรถภำพในกำ รก่อและ เข้ำกับคน บำง นำนๆ ครั้งจะ รักษำสัม พันธ รักษำควำ มสัม- มีประสิทธิภ ำพ รักษำสัมพันธ์ภำพ เพื่อให้ งำนมีประสิทธิภำ พ คนดีพอใ ช้ แต่ มักจะมีอค ติ และชอบ ตำหนิ คนอื่นๆ เกิดปัญห ำเนื่อง มำจำกข้อ บก พร่องด้ำน ภำพในกำ รทำ งำนกับค นอื่นๆ ได้ระดับน่ ำพึง พอใจ พันธ์ในก ำรทำ งำนกับค นอื่นๆ ได้ทุกคน ไม่ว่ำ จะเป็นคน ในกำรติดต่ อ กับคนอื่นๆ ทุก ประเภท แม้ แต่ในสถำ 2. A มนุษยสัม พันธ์ B F น- C ประเภทใ ด กำรณ์ที่มีค วำม ยุ่งยำกมำก D E F 54 ประสิทธิภำพของ ทักษะ และระดับของควำ มเข้ำใจ ในงำน แสดงให้เ ห็น ถึงควำมไ ร้ ประสิทธิภ ำพ ในกำรทำ ควำม เข้ำใจถึงง ำนที่ ทำ ต้องพึ่งพำ คนอื่นๆ มำก แสดงให้เ ห็นว่ำ มีควำมรู้ค วำม เข้ำใจงำ นน้อย ไม่ค่อยมีค วำม คิดในกำร ปรับ ปรุงวิธีกำ รทำ งำน มีควำมรู้ค วำม เข้ำใจงำ นดี น่ำพอใจ มีควำมรู้ค วำม เข้ำใจใน งำนดี กว่ำระดับเ ฉลี่ย คอยหำวิธี กำร ต่ำงๆ เพื่อปรับ ปรุงงำนข อง ตัวเอง รู้และเข้ำใจ งำน ดีเยี่ยม สำมำรถ แก้ปัญหำต่ ำงๆ ในงำนของ เขำ ได้ดี โดยไม่ ต้องพึ่งคน อื่น 3. A B C D E ประสบกับ ปัญ หำบ่อย เพรำะ โดยปรกติ มี ควำมสำม ำรถ ตัดสินใจไ ด้ดี เป็นนิจ และ แสดงให้เห็ น ถึงควำมสำ สำคัญๆ ของ ขำดแคล น ในกำรวินิ สำมำรถค จฉัย ำด รถในกำรตั ปัญหำมำ ก และกระ ทำกำร ตัดสินใจ ที่ไม่ สมเหตุสม ผล อยู่บ่อยครั้ ง ควำมคิด แต่ มักจะแก้ปั ญหำ ได้ ข้อเท็จจริ งที่ สำคัญๆ ทุก เรื่องได้แ ละ ตัดสินใจไ ด้ดี พอใช้ กำรณ์ได้ สินใจได้ดีเ ว่ำมี ยีย ่ ม อะไรจะเกิ เป็นพิเศษ ดขึ้น ต่อไปได้บ่ อย ครั้ง 4. A B C D E ควำมสำมำรถในก ำรคิดหำ แนวทำงที่ไม่เหมือ นใคร และหำวิธีกำรใหม่ ๆ ในกำร ทำสิ่งต่ำงๆ แสดงให้เ ห็นว่ำ มีควำมคิด ริเริ่ม น้อยมำก ดำเนินกำ ร ตำมวิธีแล ะ กระบวนก ำรที่ วำงไว้แล้ ว แต่ ไม่ค่อยเส จะมีคำถำ ม เกี่ยวกับวิ ธีกำร และกระบ วน กำรที่กำห นด ไว้ มักจะมีคำ ถำม กับวิธีกำร และ กระบวนก ำรที่ กำหนดไว้ แล้ว เสนอวิธีแ มีควำมตื่น ตัวใน กำรปรับปรุ งวิธี กำรต่ำงๆอ ยู่เสมอ และมักจะห ำวิธี กำรและกร ควำมสำมำรถในก มีปัญหำใ ำรตัดสิน นกำร ใจ มองแง่มุม ที่ F มำด- F 55 นอ เวลำมีคว ำม กำรเปลี่ย ยุ่งยำกเกิ น ดขึ้น แปลงใหม่ และมักจะ ๆ เสนอวิธีแ ก้ ปัญหำที่ใ ช้ได้ อยู่เสมอ ก้ ะบวน ปัญหำที่ นำมำ ปฏิบัติได้ อยู่ บ่อยๆ กำรที่ดีกว่ำ อยู่ บ่อยๆ บทที่ 5 ขัน ้ ตอนกำรสร้ำงแบบทดสอบ 5.1 หลักกำร กำรสร้ำงเครื่องมือวัดควำมสำมำรถทำงสมอง ทำงจิต และกำรปฏิบัติงำน ต่ำงใช้หลักเดียวกัน คือต้องสร้ำงให้เป็นเครื่องมือที่ให้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ คำว่ำ “เชื่อถือได้” มีควำมหมำยว่ำ (ก ) ได้คำตอบตำมที่ต้องกำรจะวัด (Validity) (ข ) คำตอบมีควำมคงเส้นคงวำ ไม่ว่ำจะวัดกี่ครั้ง (Reliability) (ค ) ใครตรวจก็ได้คะแนน เท่ำเดิม (Objectivity) หรือไม่ลำเอียงในกำรตรวจ 5.2 ขัน ้ ตอนในกำรสร้ำงเครือ ่ งมือ มี 9 ขั้นตอน คือ 56 (1) ระบุวัตถุประสงค์ในกำรสร้ำงและเนื้อหำที่ต้องกำรวัด ตลอดจนกำรเน้นว่ำเน้นเรื่องใดมำกน้อยเพียงใด (2) ระบุเงื่อนไข (3) กำรทำพิมพ์เขียว (Test Blueprint) (4) เขียนข้อสอบ/ข้อคำถำม (5) กำรตรวจสอบเบื้องต้น (6) กำรสอบ (7) กำรวิเครำะห์ (8) กำรทำเป็นข้อสอบมำตรฐำน (9) กำรทำคลังข้อสอบ 5.3 กำรระบุวต ั ถุประสงค์ เนือ ้ หำ และน้ำหนัก ผู้สร้ำงและผู้ใช้แบบทดสอบ/แบบวัด/มำตรต้องมีควำมชัดเจนว่ำ เครื่องมือนี้วัดอะไร ของใคร และเพื่ออะไร เช่น ต้องกำรสร้ำงแบบทดสอบควำมเข้ำใจในงำนที่ทำของผู้สมัคร เพื่อคัดเลือกผู้ที่ได้คะแนนสูงไว้สัมภำษณ์ กำรระบุวัตถุประสงค์ในกำรสร้ำงแบบทดสอบ สรุปได้คือ ต้องกำรจะวัดระดับใด ของควำมสำมำรถทำงสมอง (ควำมรู้ หรือควำมคิด) ต้องกำรจะวัดระดับใดของลักษณะทำงจิต (ควำมรู้สึก หรือพฤติกรรม) ต้องกำรจะวัดระดับใด ของทักษะในกำรปฏิบัติงำน (คล่องแคล่ว รวดเร็ว) ในด้ำนเนื้อหำที่วัด หมำยถึง จะวัดอะไร เช่น ควำมรู้อะไร ควำมคิดอะไร ควำมรู้สึกอะไร พฤติกรรมอะไร กระบวนกำรอะไร และผลงำนอะไร 57 กำรระบุเนื้อหำ จึงต้องระบุจำกเนื้อหำใหญ่และแตกย่อยจนถึงระดับที่มีนัยเดียว ตัวอย่ำง : กำรวัดควำมสำมำรถทำงสมอง วัตถุประสงค์ เพื่อวัดควำมรู้และควำมคิด เนื้อหำ กำรเขียนด้วยภำษำไทย ส่วนกำรเน้นนั้น มักนิยมให้ค่ำเป็นร้อยละ เพื่อบอกให้รู้ว่ำในกำรวัดทั้งหมดผู้สร้ำงเน้นวัตถุประสงค์ใด เนื้อหำใด มำกกว่ำกัน ดังนั้น กำรระบุวัตถุประสงค์ เนื้อหำ และกำรเน้น จึงสรุปได้ดังนี้ เนื้อหำ วัตถุประสงค์ I II รวม 18 42 60 a1 (10 (40) (50) a2 (8) (2) (10) 12 28 40 30 70 100% A B รวม จำกตำรำงข้ำงบน สรุปว่ำ (1) เน้นเนื้อหำ A มำกกว่ำ B (2) เน้นวัตถุประสงค์ข้อ II มำกกว่ำข้อ I (3) เนื้อหำ A ในวัตถุประสงค์ข้อ I เน้น 18/100 ส่วนเนื้อหำ B ในวัตถุประสงค์ข้อ II เน้น 28/100 (4) เนื้อหำ a1 ในวัตถุประสงค์ I เน้น 10/100 ซึ่งถ้ำมีกำรระบุว่ำ จะออกข้อสอบ 100 ข้อ ตัวเลขในตำรำงแสดงจำนวนข้อ เช่น เนื้อหำ A วัตถุประสงค์ I จำนวน 18 ข้อ เป็นต้น 58 5.4 เงือ ่ นไข ก่อนสร้ำงเครื่องมือวัด ผู้สร้ำงต้องมีควำมชัดเจนว่ำ เครื่องมือนี้จะนำไปใช้กับใคร (ลักษณะ หรือภูมิหลังของผู้ตอบ จำนวนผู้ตอบ ควำมสำมำรถในกำรตอบ) ใช้อย่ำงไร (สอบเปิด-ปิดตำรำ สอบเดี่ยว-กลุ่ม สอบโดยกำรทำเครื่องหมำยตอบ-เขียนตอบ สอนช้ำ/เร็ว สอบในห้อง/นอกห้อง สอบด้วยกำรเขียน-ปฏิบัติ-พูดโต้ตอบ สอบนำน เท่ำใด) เงื่อนไขดังกล่ำว นำไปสู่กำรตัดสินใจเรื่อง (ก ) รูปแบบของข้อสอบ/ข้อคำถำม (item format) (ข ) จำนวนข้อสอบ/ข้อคำถำม (ค ) ข้อสอบเป็นภำษำ หรือรูปภำพ หรือสัญลักษณ์ (ง ) กำรจัดกำรทดสอบจะทำอย่ำงไร (จ ) กำรตรวจให้คะแนนจะทำอย่ำงไร 5.4.1 รูปแบบของข้อสอบ/ข้อคำถำม รูปแบบของข้อสอบ/ข้อคำถำม จำแนกได้หลำยประเภท เช่น ก ) จำแนกตำมคำสั่ง ได้แก่ ให้เขียนตอบ (ข้อสอบอัตนัย) หรือทำเครื่องหมำยตอบ (ข้อสอบ ปรนัย) ข้อสอบอัตนัย ได้แก่ ข้อสอบที่ให้เขียน คำ วลี ประโยค ควำมเรียง เรื่อง ข้อสอบปรนัย ได้แก่ ข้อสอบที่ให้เลือกตอบ (Multiple Choice) จับคู่ (Matching) ผิด-ถูก (True-False) จัดลำดับ (Ranking) ประมำณค่ำ (Rating) 59 ข ) จำแนกตำมภำษำ สัญลักษณ์ หรือรูปภำพ ได้แก่ ข้อสอบที่ใช้ภำพสัญลักษณ์เป็นสื่อ กับใช้ รูปภำพเป็นสื่อ เช่น (1) ท่ำนเพศใด (ใช้ภำษำ) (2) (ใช้รูปภำพ) (3) 2 4 6 ……. (ใช้สัญลักษณ์) ค ) จำแนกตำมกำรแสดงออก ได้แก่ พูดตอบ (สัมภำษณ์) กับแสดงตอบ (ทำให้ดู) เช่น (1) ทำไมจึงอยำกมำทำงำนที่นี่ (ให้พูดตอบ) (2) ลองใช้เครื่องโทรสำรนี้ให้ดู (ให้ทดลองทำ) โดยปกติ ข้อสอบ/ข้อคำถำมที่ใช้เวลำตอบสั้น (เช่น แบบปรนัย) จะมีคะแนนน้อย ถ้ำข้อสอบ/ข้อคำถำมที่ใช้เวลำตอบนำน (เช่น ข้อสอบอัตนัย) จะมีคะแนนมำก 5.4.2 จำนวนข้อสอบ/ข้อคำถำม ขึ้นอยู่กับรูปแบบของข้อสอบ เช่น ข้อสอบปรนัยจะมีจำนวนมำก ในขณะที่ข้อสอบอัตนัยจะมีจำนวนข้อน้อย เพรำะแต่ละข้อให้ทำนำน 5.5 กำรทำพิมพ์เขียว (Test Blueprint) พิมพ์เขียวในที่นี้ หมำยถึง ตำรำง 2 มิติ ที่ประกอบด้วย เนื้อหำ วัตถุประสงค์ น้ำหนัก จำนวนข้อ และเลขที่ข้อ ดังนี้ เนื้อหำ วัตถุประสงค์ I II รวม (%) A 18 42 60 B 12 28 40 60 รวม (%) 30 70 100% ถ้ำระบุว่ำ จะเลือกรูปแบบของข้อสอบเป็นปรนัย ตัวเลขในตำรำงสะท้อนจำนวนข้อที่เป็นสัดส่วนกัน ถ้ำเป็นข้อสอบอัตนัย ตัวเลขในตำรำงสะท้อนคะแนน/ค่ำที่เป็นสัดส่วนกัน ตัวอย่ำงข้อสอบปรนัย 50 ข้อ เนื้อหำ วัตถุประสงค์ I II รวม (ข้อ) A 9 21 30 B 6 14 20 15 35 50 I II รวม (คะแนน) A 18 42 60 B 12 28 40 30 70 100 รวม (ข้อ) ตัวอย่ำงข้อสอบอัตนัย 4 ข้อ เนื้อหำ รวม (คะแนน) วัตถุประสงค์ จำกตำรำงสรุปได้ว่ำ ข้อสอบข้อที่ 1 วัดเนื้อหำ A วัตถุประสงค์ I มีคะแนนเต็ม 18 คะแนน เป็นต้น 5.5.1 พิมพ์เขียวของข้อสอบปรนัย 50 ข้อ เนื้อหำ วัตถุประสงค์ 61 A a1 I II รวม (ข้อ) 9 21 30 5 ข้อ (ข้อ 1-5) 20 ข้อ (ข้อ 6- (25) 25) a2 4 ข้อ (ข้อ 26- 1 ข้อ (ข้อ 30) (5) 6 ข้อ (ข้อ 31- 14 ข้อ (ข้อ 37- 20 36) 50) 15 35 29) B รวม (ข้อ) 50 5.5.2 พิมพ์เขียวของข้อสอบอัตนัย 4 ข้อ 50 คะแนน เนื้อหำ วัตถุประสงค์ I II รวม คะแนน) 9 (ข้อ 1) 21 (ข้อ 2) 30 a1 (5) (20) (25) a2 (4) (1) (5) 6 (ข้อ 3) 14 (ข้อ 4) 20 15 35 50 A B รวม (คะแนน) หลักในกำรทำพิมพ์เขียวก็คือ กำรระบุเนื้อหำให้ย่อยมำกที่สุด จะทำให้สำมำรถเขียนข้อสอบ/ข้อคำถำมได้ง่ำย เช่น เนื้อหำ วัตถุประสงค์ I A a1 a11 a111 II 62 a112 a2 a21 a211 a212 5.6 กำรเขียนข้อสอบ/ข้อคำถำม ถ้ำได้มีกำรแตกเนื้อหำให้ย่อยมำกที่สุดจนถึงระดับที่เป็นนัยเดียว กำรเขียนข้อสอบก็เพียงแต่นำเนื้อหำมำใส่ในรูปแบบ เนื้อหำ วัตถุประสงค์ตอ ้ งกำรวัดควำมสำมำรถ ในกำร สะกด เข้ำใจ คำศัพท์ พยำงค์เดียว กิน ไป นอน สองพยำงค์ สะดวก ร่ำเริง ถ้ำกำหนดรูปแบบของข้อสอบเป็นถูก/ผิด ก็สำมำรถเขียนคำถำมได้ดังนี้ (1) ข้อใดสะกดผิด 63 1. กิน 2. ไป 3. 4. สะดวก 5. ร่ำเลิง นอน (2) ข้อใดมีคำที่มีควำมหมำยตรงข้ำมกัน 1. กิน - - นอน 2. - หลับ 4. ไป กลับ 3. นอน สะดวก - สะอำด 5. ร่ำเริง - เศร้ำใจ โดยสรุป รูปแบบของข้อสอบ/ข้อคำถำม มีดังนี้ 1. เติมคำ วลี ประโยค 2. เขียนเรื่อง 3. เลือกตอบ (จำกตัวเลือกหลำยตัว) 4. เลือกว่ำข้อใด ผิด-ถูก 5. ชุดอนุกรมตัวเลข เช่น 2, 4, 6, ……. 6. คำสัมพันธ์ เช่น กลำงวัน : กลำงคืน : : พระอำทิตย์ : ? 7. ให้หำคำตรงข้ำมกับคำว่ำ (1) ดีใจ เสียใจ (2) เศร้ำใจ (3) พอใจ (4) กลับใจ 8. ให้หำคำที่มีควำมหมำยเหมือนกันกับคำว่ำ ดีใจ (1) เสียใจ (4) กลับใจ (2) เศร้ำใจ (3) พอใจ 64 9. ให้ระบุเหตุจำกผล มีคนมุงกันมำก เหตุเพรำะ……………………………………….. 10. ให้ระบุผลจำกเหตุ รถยนต์ชนกัน ดังนั้น…………………………………………….. 11. ให้สถำนกำรณ์มำวิเครำะห์ 12. ให้สรุปจำกเรื่องที่ให้อ่ำน 13. ให้ตีควำมจำกเรื่องที่อ่ำน 14. ให้ตั้งชื่อเรื่องที่อ่ำน 15. ให้เติมคำลงในที่ว่ำงที่เว้นไว้ เขำเป็นคนขยัน……..ไปทำงำนทุกวัน มีควำม…….ในงำน 5.7 กำรตรวจสอบเบือ ้ งต้น ผู้ออกข้อสอบที่ออกข้อสอบเสร็จตำมจำนวนที่ระบุไว้ในพิมพ์เขียว แล้วจัดทำฉบับเขียนคำชี้แจงในกำรตอบแล้ว ทิ้งข้อสอบไว้ประมำณ 1-3 วัน (จนลืม) แล้วลองกลับมำทำ เพื่อดูว่ำ (1) ใช้เวลำทำนำนเท่ำใด (2) คำชี้แจงในกำรตอบว่ำชัดเจนหรือไม่ (3) ข้อสอบ/ข้อคำถำมใดกำกวม (4) กำรเรียงลำดับข้อเป็นไปตำมเนื้อหำ วัตถุประสงค์ หรือควำมยำกง่ำย แก้ไข ปรับปรุง แล้วจึงจัดพิมพ์เป็นฉบับ พิสูจน์อักษร จนแน่ใจว่ำไม่มีกำรพิมพ์ผิด ในกรณีที่มีกระดำษคำตอบ ให้พิจำรณำว่ำจะเรียงเลขที่ข้ออย่ำงไร ผู้ตอบจึงจะสะดวกในกำรตอบ 5.8 กำรสอบ ในบำงกรณี ไม่สำมำรถจะทดลองใช้กับผู้สอบกลุ่มเล็กได้ เนื่องจำกกลัวข้อสอบรั่ว 65 กำรนำไปใช้จริงจึงตั้งอยู่บนฐำนของควำมเชื่อถือได้ ของกำรสร้ำงที่ดี กำรนำไปใช้จริงมีวิธีกำรดังนี้ (1) ตรวจสอบแบบทดสอบว่ำ คำสั่ง/คำชี้แจง ได้รับกำรพิมพ์ถูกต้อง เข้ำเล่มครบทุกหน้ำ และมีจำนวนเท่ำผู้สอบ (2) กำรตรวจสอบห้องสอบว่ำ มีสภำพที่เอื้ออำนวยให้อยำกสอบ เช่น แสงสว่ำง ควำมสะอำด ที่นั่งสอบสบำย กระดำนเผื่อเขียนข้อควำม กำรจัดที่นั่งสอบ (ในกรณีที่กลัวกำรดูกันให้จัดให้ห่ำงกันพอสมควร) กำรระบุเลขที่นั่ง ประตูเข้ำออก (3) ผู้คุมสอบเข้ำห้องสอบก่อน เริ่มแจกข้อสอบตำมหมำยเลขที่นั่ง ตำมจำนวนผู้เข้ำสอบ (4) เมื่อได้เวลำ จึงอนุญำตให้ผู้เข้ำสอบเข้ำนั่งตำมที่นั่ง แต่ยังไม่อนุญำตให้ทำข้อสอบ (5) ให้ผู้เข้ำสอบวำงหลักฐำนหรือบัตรเข้ำสอบ ให้ผู้เข้ำสอบกรอกข้อมูล เช่น ชื่อ เลขที่สอบ (6) ให้เริ่มสอบพร้อมกับจับเวลำ ระหว่ำงนี้ให้ผู้สอบเซ็นชื่อเพื่อเป็นหลักฐำนกำรเข้ำสอบ (7) ระหว่ำงสอบไม่ควรรบกวนผู้สอบ เช่น ไม่คุยกัน ไม่เดินด้วยเสียงดัง (8) จับเวลำ เตือนเมื่อเหลือเวลำประมำณ 15 นำทีก่อนหมดเวลำ (9) ผู้ที่ทำเสร็จก่อน อำจอนุญำตให้ออกจำกห้องสอบได้ หลังกำรสอบผ่ำนไปประมำณครึ่งชั่วโมง (10)เมื่อหมดเวลำ ให้ทุกคนวำงปำกกำ ดินสอ แล้วลุกออกไป (11)ผู้คุมสอบเก็บข้อสอบ โดยเรียงตำมเลขที่นั่ง ตรวจสอบควำมครบถ้วนตำมจำนวนผู้เข้ำสอบ (12)ส่งข้อสอบ กระดำษคำตอบให้ผู้ตรวจ 66 บทที่ 6 กำรวิเครำะห์ขอ ้ สอบและแบบทดสอบ หลังจำกที่นำแบบทดสอบ/แบบวัดไปใช้กับผู้เข้ำสอบแล้วทำกำรตรวจใ ห้คะแนน แล้วนำคะแนนมำวิเครำะห์ข้อสอบรำยข้อ และทั้งฉบับ 6.1 กำรวิเครำะห์ขอ ้ สอบรำยข้อ 67 เป็นกำรพิจำรณำว่ำ กำรตอบข้อสอบแต่ละข้อมีผู้ตอบถูกกี่คน ตอบผิดกี่คน ถ้ำเป็นข้อสอบเลือกตอบก็พิจำรณำว่ำ ตัวเลือกแต่ละตัวมีผู้เลือกกี่คน ในกรณีข้อสอบอัตนัยก็ดูว่ำผู้ที่ได้คะแนนตำมเกณฑ์ตรวจแต่ละเกณฑ์มีกี่ค น วิธีวิเครำะห์ข้อสอบรำยข้อทำดังนี้ (1) ข้อสอบเลือกตอบ ผิด-ถูก จับคู่ ใช้กำรหำค่ำร้อยละของผู้ตอบถูก ข้อ 1 ข้อสอบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก ตัวเลือก % ผู้ตอบถูก ก ข * ค ง รวม 100% ข้อ 2 ข้อสอบผิด-ถูก กำ % ผู้ตอบ X รวม 100% ข้อ 3 ข้อสอบแบบจับคู่ (เช่น มี 5 คู่) 68 คู่ที่ % ผู้ตอบถูก 1 2 3 4 5 (2) ข้อสอบอัตนัย ให้คะแนนตำมเกณฑ์ ข้อ 4 ข้อสอบอัตนัย 1 ข้อ เกณฑ์ตรวจให้คะแนน ประเด็นที่ 1 (5 คะแนน) 0 1 2 3 4 5 ประเด็นที่ 2 (3 คะแนน) 0 1 2 3 รวมทั้ง 2 ประเด็น 0 8 คะแนน จำนวนผูไ ้ ด้คะแนน 69 1 2 3 4 5 6 7 8 ข้อ 5 ข้อสอบเติมคำ 1 ข้อ เกณฑ์ตรวจให้คะแนน 5 คะแนน จำนวนผูไ ้ ด้คะแนน ตอบถูก (4) สะกดถูก (1) ข้อ 6 ข้อสอบเติมวลี หรือประโยค 1 ข้อ เกณฑ์ตรวจให้คะแนน 10 คะแนน จำนวนผูไ ้ ด้คะแนน เติมถูก (8 คะแนน) สะกดถูก (1 คะแนน) เรียงลำดับถูก (1 คะแนน) ข้อ 7 ข้อสอบควำมเรียง 1 ข้อ 10 คะแนน 70 เกณฑ์ตรวจให้คะแนน จำนวนผูไ ้ ด้คะแนน 1 ตอบตรงคำถำม 5 คะแนน 0 1 2 3 4 5 2 ภำษำชัดเจน กระจ่ำง (2 คะแนน) 0 1 2 3 เรียงลำดับเนื้อหำดี (2 คะแนน) 0 1 2 4 สะอำด เป็นระเบียบ (1 คะแนน) 0 1 เกณฑ์ตรวจให้คะแนน จำนวนผูไ ้ ด้คะแนนคิดเป็นร้อยละ รวม 0 1 2 3 71 4 5 6 7 8 9 10 (3) ข้อสอบให้จัดลำดับ (Ranking) ให้คะแนนควำมถูกต้องในกำรจัดลำดับ 5 ลำดับ (ลำดับละ 1 คะแนน) ผลกำรจัดลำดับ จำนวนผูไ ้ ด้คะแนน คิดเป็นร้อยละ ที่ 1 ถูกต้อง ที่ 2 ถูกต้อง ที่ 3 ถูกต้อง ที่ 4 ถูกต้อง ที่ 5 ถูกต้อง (4) ข้อสอบให้ประมำณค่ำ (Rating) ให้นำค่ำที่ประมำณมำสรุป ข้อควำม จำนวนผู้เลือก 5 1 4 3 2 1 72 คิดเป็นร้อยละ 6.2 กำรวิเครำะห์แบบทดสอบ 6.2.1 ค่ำควำมยำก-ง่ำย ก ) กรณีมีค่ำ/คะแนน ให้หำค่ำเฉลี่ยทั้งฉบับ (ทุกข้อ ทุกคน) รวมทั้งหำค่ำสถิติพื้นฐำนอื่น เช่น Mode Median, SD, ตลอดจนให้ทำตำรำงแจกแจงควำมถี่ หรือพล๊อตกรำฟ เพื่อให้เห็นลักษณะกำรแจกแจงควำมถี่ของคะแนน (ดูภำคผนวก ก) ข ) กรณีที่แต่ละข้อเป็นควำมถี่ อำจแปลงเป็นค่ำหรือให้แจงนับควำมถี่แล้วแปลงเป็นค่ำร้อยละ ตัวอย่ำง ก ผลวิเครำะห์แบบทดสอบ ค่ำสถิติ คะแนนเต็ม Mean Mode Median พิสัย QA SD ค่ำ 73 นำค่ำมำแจกแจงควำมถี่ (ตัวอย่ำงคะแนนเต็ม 20 คะแนน) มีคน 30 คน จำนวนคน 12 8 1 8 5 2 5 5 5 10 คะแนน 15 20 ตัวอย่ำง ข ผลวิเครำะห์แบบทดสอบ (เท่ำไร) % ผู้ตอบถูก % ผู้ตอบผิด % ผู้ไม่ตอบ เมื่อได้จำนวนผู้ตอบถูกในแต่ละข้อ ให้คำนวณค่ำดังนี้ (1) หำค่ำร้อยละที่เลือกตอบ/ตอบถูก หรือ (2) คำนวณค่ำเฉลี่ย (ในกรณีมำตรประมำณค่ำ) 74 ตัวอย่ำงที่ 1 มีข้อสอบ 4 ข้อ ข้อสอบข้อ % ผู้ตอบถูก 1 80 2 60 3 30 4 20 ตัวอย่ำงที่ 2 พิจำรณำรูปแบบกำรตอบ ข้อสอบ คนที่ รวม 1 2 3 4 1 4 2 X 2 3 X X 2 ตัวอย่ำงที่ 2 ใช้เมื่อมีผู้สอบไม่มำก ให้พิจำรณำว่ำ ใครตอบข้อสอบข้อใดถูก ผลกำรพิจำรณำ คือ ถ้ำมีผู้ตอบถูกมำก แสดงว่ำ ข้อสอบข้อนั้นง่ำยสำหรับกลุ่มนี้ ในตัวอย่ำงที่ 1 ข้อสอบข้อ 1 ง่ำยมำกที่สุด ตัวอย่ำงที่ 2 ข้อ 1 เป็นข้อที่ง่ำยมำก ทุกคนตอบถูก เกณฑ์พิจำรณำ ควำมยำกง่ำย 75 6.2.2 % ผู้ตอบถูก ควำมหมำย 66-100% ง่ำยมำก 33-65% ยำกปำนกลำง 0-32% ยำก กำรวิเครำะห์คำ่ ควำมเที่ยง (Reliability) ค่ำควำมเที่ยง หรือควำมสอดคล้อง มีวิธีหำด้วยสูตรสหสัมพันธ์ (ดูภำคผนวก ข) ซึง่ มำจำก ก . ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงข้อทุกๆ คู่ แล้วหำค่ำเฉลี่ย ข . ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงข้อกับคะแนนรวม แล้วหำค่ำเฉลี่ย ค . ควำมสอดคล้องภำยในด้วยสูตรของ KR-20, KR-21 และ Alpha Cronbach’s ค่ำควำมเที่ยงมีค่ำจำก 0 ถึง +1 โดยมีเกณฑ์พิจำรณำง่ำยๆ ดังนี้ ค่ำควำมเที่ยง 0-.30 ควำมหมำย สอดคล้องน้อย ควำมเทีย ่ ง ต่ำ .31-.60 สอดคล้องปำนกลำง ปำนกลำง .1-1.00 สอดคล้องมำก สูง 6.2.3 กำรวิเครำะห์คำ่ ควำมตรง (Validity) กำรจะหำควำมตรงได้จะต้องมีข้อมูลอื่น เช่น คะแนนของแบบทดสอบชุดอื่นที่เชื่อว่ำวัดลักษณะเดียวกัน (Criteria Related Validity) หรือใช้ควำมเห็นส่วนมำกของผู้ทรงคุณวุฒิ (Content Validity) หรือใช้กำรวิเครำะห์องค์ประกอบโดยเทียบผลวิเครำะห์กับทฤษฎีที่ใช้ในกำ 76 รสร้ำง (Contract Validity) หรือรอจนได้ข้อมูลประจักษ์ เช่น เทียบคะแนนที่สอบคัดเลือกกับผลกำรปฏิบัติงำนเมื่อมำทำงำนจริง (Predictive Validity) ในกำรหำควำมตรงของแบบทดสอบเพื่อคัดเลือกคนเข้ำทำงำน นิยมใช้ควำมตรงเชิงทำนำย (Predictive Validity) นัน ่ คือผู้ที่ได้คะแนนสูง ก็น่ำจะทำงำนได้ดีกว่ำผู้ที่ได้คะแนนต่ำ บทที่ 7 กำรแปลควำมหมำย กำรทำให้เป็นมำตรฐำน และคลังข้อสอบ 7.1 กำรแปลควำมหมำย แบบทดสอบที่ใช้คัดเลือกคนเข้ำทำงำน มีจุดมุ่งหมำยเพื่อให้ได้คนเก่ง ดังนั้น คนที่ได้คะแนนสูงจึงมีโอกำสได้รับคัดเลือก ส่วนแบบวัดทำงจิต มักเลือกคนดี คนดีคือคนปรกติเหมือนคนส่วนใหญ่ในสังคม ดังนั้น คะแนนที่แต่ละคนทำได้จะต้องเทียบกับเกณฑ์ก่อน คนที่ได้คะแนนสูงไม่จำเป็นว่ำจะได้รับกำรคัดเลือก เพรำะอำจผิดปรกติก็ได้ ในกำรนำคะแนนมำพิจำรณำให้ใช้หลักดังนี้ 1. แยกแบบทดสอบควำมสำมำรถทำงสมองออกจำกแบบวัดทำงจิตแล ะแบบวัดภำคปฏิบัติ 77 2. รวมคะแนนทุกข้อของแต่ละคน แต่ละฉบับ แล้วพิจำรณำตำมเกณฑ์ผ่ำนของแต่ละเครื่องมือก่อน ตัวอย่ำง คะแนนเกณฑ์ผ่ำน คือ เกณฑ์ผำ่ น ควำมสำมำรถทำงสมอง 60/100 ทำงจิต 30-60 ทักษะ 70/100 พิจำรณำคะแนนของแต่ละคนตำมเกณฑ์ที่ตัดสิน คัดไว้มำกกว่ำที่ต้องกำร 1-2 เท่ำ เพื่อกำรสัมภำษณ์ในภำยหลัง 3. กำรตัดสิน อำจใช้เกณฑ์แต่ละตัวก่อน เช่น คัดจำกคะแนนทดสอบทำงสมอง แล้วจึงพิจำรณำคะแนนทำงจิต ตำมด้วยคะแนนทักษะ หรืออำจพิจำรณำรวมทั้ง 3 เกณฑ์พร้อมกัน ไม่ควรนำคะแนนทั้ง 3 ด้ำนมำรวมกัน แล้วใช้เกณฑ์เดียวตัดสิน เพรำะเป็นกำรวัดคนละลักษณะ 7.2 กำรทำให้เป็นมำตรฐำน เมื่อสร้ำงแบบทดสอบได้แล้ว วิเครำะห์เบื้อต้น ใช้จริง วิเครำะห์ค่ำสถิติ แก้ไขปรับปรุง และใช้กับกลุ่มที่มีขนำดใหญ่ขึ้นตำมลำดับ เช่น 78 กำรทดลองครัง้ ที่ คน 1 5-10 2 10-20 3 30-50 4 100-200 5 500-1000 วิเครำะห์ รำยข้อเพื่อแก้ไขปรับ ปรุงรำยข้อ รำยข้อและทั้งฉบับ โดยที่แต่ละครั้งจะต้องแก้ไข ปรับปรุงข้อสอบที่ไม่ชัดเจน ง่ำยเกินไป ยำกเกินไป จนถึงครั้งที่ 5 จึงจะคำนวณค่ำควำมเที่ยง ควำมตรง ของทั้งฉบับ เมื่อได้ค่ำควำมเที่ยงและควำมตรงสูงพอแล้ว ให้แปลงเป็นคะแนน/ค่ำมำตรฐำน เช่น ค่ำ Z, T หรือ Percentile (ดูภำคผนวก ค) ซึ่งจะใช้เป็นฐำนในกำรแปลควำมหมำยเมื่อมีกำรใช้แบบทดสอบนี้กับกลุ่มใ หญ่ 7.3 คลังข้อสอบ ข้อสอบที่ได้รับปรับปรุงจนคงที่ ควรนำไปใส่ในคลังโดยจัดทำเลขที่ข้อ เลขที่วัตถุประสงค์ เนื้อหำย่อย จำนวนครั้งที่ใช้ ค่ำสถิติ ดังนี้ เนื้อหำ ………………………. วัตถุประสงค์ ………………… โจทย์ ……………………………………………………… ………………….. ……………………………………………………… ………………….. เฉลย/ตรวจให้คะแนน ……………………………………………………………. 79 ภำคผนวก ก รำยชือ ่ แหล่งผลิตแบบทดสอบ 80 รำยชื่อแหล่งผลิตแบบทดสอบ 1. E.F.Wonderlic & Associates, Inc. P.O.Box 7 Northfield, Ill. 60093 U.S.A 2. The Psychological Corporation 3.4 East 45th St. N.Y., N.Y. 10017, U.S.A 3. Richardson, Bellows, Henry & Co., Inc. 1 West 57th St. N.Y., N.Y. 10019, U.S.A 4. Psychological Services, Inc. 4311 Wilshire Blvd,. Suite 600 L.A., CA. 90005, U.S.A. 5. Science Research Associates, Inc. 259 East Erie St. Chicago. Ill. 60611, U.S.A. 81 6. Executive Analysis Corporation 76 Beaver St. N.Y., N.Y. 1005, U.S.A. 7. Educational and Industrial Testing Service P.O.Box 7234 San Diego, Ca. 92107, U.S.A. 8. George G. Harrap & Co., Ltd. 182 High Hilborn London, W.C.I. England 9. Guidance Testing Associates 6516 Shirley Av. Austin, Texas 78752, U.S.A. 10. Bobbs-Merrill Co,.Inc. 4300 West 62nd St. Indianapolis, Indiana 76268, U.S.A. 11. Consulting Psychologist Press, Inc. 577 College Aye. P.O.Box 11636 Palo Alto, Ca 94306, U.S.A. 12. Center for Psychological Service 1835 Eye St. N.W. Washington, D.C., 20006, U.S.A. 13. Counselor Recordings and Tests Box 6784 Acklen Station Nashville, Tennessee 37212, U.S.A. 82 14. California Test Bureau Del Monte Research Park Monterey, Ca. 93940, U.S.A. 15. Harcourt, Brace, Jovanovich Polk & Geary San Francisco, Ca. 94109, U.S.A. 16. Horace Mann – Lincoln Institute Box 120, Teachers College 525 West 120th St. N.Y., N.Y. 10027, U.S.A. 17. Institute for Personality & Ability Testing 1602 Coronado Drive Champaign, Ill. 61820, U.S.A. 18. Martin M. Bruce Pub. 340 Oxford Rd. New Rochelle, N.Y. 10804, U.S.A. 19. Oliver and Boyd, Ltd. Tweeddale Court 14 High St. Edinburgh, EHI 1YL Scotland 20. Psychologists and Educators, Inc. 211 West State St., Suite 217 Jacksonville, Ill. 62650, U.S.A. 83 21. Pirority Innovation, Inc. P.O.Box 792 Skokie, Ill 60076, U.S.A. 22. Leasco Information Products, Inc. 4827 Rugby Av. Bethesda, Maryland 20014, U.S.A. 23. Springer Pub. Co., Inc. 200 Park Ave. South N.Y., N.Y. 10003, U.S.A. 24. Sheridan Psychological Service, Inc. P.O. Box 837 Beverly Hills, Ca. 90213, U.S.A. 25. Scholastic Testing Service 480 Meyer Road, Bensenville, Ill. 60106, U.S.A. 26. Lyons and Cornahan 407 E. 25th St. Chicago, Ill. 60616. U.S.A. 27. Monitor, P.O. Box 2337, Hollywood Ca. 90028, U.S.A. 28. Psychological Test Specialists P.O. Box 1441 Missoula, Montana 59801, U.S.A. 29. Steck-Vaughn Co. Box 2028 84 Austin, Texas 78767, U.S.A. 30. Educator’s Pub. Service 301 Vassar St. Cambridge, Mass. 02139, U.S.A. 31. Follett Pub. Co. 1010 W. Washington Blvd. Chicago, Ill. 60607, U.S.A. 32. Ginn and Co. 2550 Hanover St. Palo Alto, Ca. 94304, U.S.A. 33. Harcourt, Brace and World Inc. 757 Third St. N.Y., N.Y. 10017, U.S.A. 34. Western Psychological Service 12031 Wilshire Blvd L.A., Ca. 90025, U.S.A. 35. C.H. Stoelting Co. 424 N. Homan Ave. Chicago, Ill. 60624, U.S.A. 36. Educator’s-Employers’Tests and Servicees 120 Detzel Place Cincinnati, Ohio 45219, U.S.A. 37. Zaner-Blose Co. 612 N. Park St. Columbus, Ohio 43214, U.S.A. 85 38. Educational and Industrial Test Service Ltd. 83 High St. Hemel Hempstead, Hertfordshire, HP1 3 AH England 39. Edits Educational and Industrial Testing Service San Diego, Ca. 92107, U.S.A. 40. Stoelting Co. 620 Wheat Lane Wood Dale, Ill. 60191, U.S.A. 41. Educational Testing Service Rosedale Road Princeton, New Jersey 01541-0001, U.S.A. 42. SRA Science Research Associates, Inc. 259 East Eries Street, Chicago, Illinois 60611, U.S.A. 43. PRO-ED 8700 Shoal Creek Blrd. Austin, Texas 78758 44. Stoelting STOELTING CO. 620 Wheat Lane Wood Dale IL 60191 45. Edits P.O. Box 7234 86 San Diego, C.A. 92107, U.S.A. 87 ภำคผนวก ข วิธีคำนวณค่ำต่ำง ๆ 88 1. กำรวิเครำะห์ด้วยสถิติภำคบรรยำยสรุป (Descriptive Statistics) สถิติภำคบรรยำยสรุป (Descriptive Statistics) เป็นเรื่องที่จะช่วยให้ผู้วิเครำะห์มองเห็นทำงในกำรสรุปข้อมูลไม่ว่ำจะอยู่ใน ช่วงของกำรสร้ำง หรือพัฒนำเครื่องมือก็ตำม สถิติภำคบรรยำยสรุปได้แก่ (1) กำรหำค่ำตรงกลำงซึ่งมี 3 ชนิดคือ ค่ำเฉลี่ย (Average) ค่ำตรงกลำง (มัธยฐำน Median) และค่ำนิยม (ฐำนนิยม Mode) กำรคำนวณหำค่ำตรงกลำง มีสูตรดังนี้ ก . ค่ำเฉลี่ย (มัชฌิมเลขคณิต, Arithmatic Mean, X ) n X i=1 = n Xi ข . มัธยฐำน (Median) อำจใช้สูตร หรือพิจำรณำจำกกำรนำข้อมูลมำเรียงลำดับกน แล้วแบ่งจำนวนข้อมูลเป็น 2 พวก ค่ำที่แบ่งจำเป็น 2 พวก คือ ค่ำมัธยฐำน ค . ฐำนนิยม (Mode) อำจใช้สูตรหรือพิจำรณำจำกข้อมูลดูว่ำ ค่ำใดที่มีผู้ให้ข้อมูลได้ซ้ำ ๆ กันมำกที่สุด (2) ค่ำที่บอกกำรกระจำย มี 3 ชนิด ที่สอดคล้องกับค่ำตรงกลำง คือ ค่ำที่บอกควำมแตกต่ำงจำกค่ำเฉลี่ย ค่ำที่บอกควำมแตกต่ำงของจุด 2 ด และค่ำบอกควำมแตกต่ำงของค่ำหัวและท้ำย ในทำงสถิตินิยมเขียนดังนี้ ค่ำตรงกลำง เฉลี่ย, มัชฌิมเลขคณิต มัธยฐำน ฐำนนิยม ค่ำกำรกระจำย ส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน ส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์ พิสัย 89 กำรคำนวณหำค่ำกำรกระจำยทั้ง 3 ค่ำ ก็คือ ก . ส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) n ( Xi- X )2 SD i=1 = n ข . ส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์ (QD) QD = Q3 – Q1 2 ค . พิสัย (Range, R) R = Max. – Min. (3) ลักษณะกำรแจกแจงของข้อมูลแสดงด้วยตำรำง ฮิสโตแกรมและกรำฟ กำรนำข้อมูลมำแจกแจงใน ตำรำงแจกแจงควำมถี่ (Frequency Distribution) ฮิสโตแกรม (Histogram) หรือรูปกรำฟ (Graph) แสดงด้วยตัวอย่ำงดังนี้ ก . ตำรำงแจกแจงควำมถี่ของข้อมูลสมมุติ 10 คน คะแนน คน (ควำมถี)่ ควำมถี่สม ั พันธ์ ร้อยละ 5 2 .2 20 4 1 .1 10 3 3 .3 30 2 0 0 0 1 1 .1 10 0 3 .3 30 รวม 10 1.0 100.0 90 ข . ฮิสโตแกรม นำข้อมูลสมมุติจำกตำรำงแจกแจงควำมถี่มำเขียนรูปได้ดังนี้ ควำมถี่ 3 2 1 0 0 1 2 คะแน 3น 4 5 รูปฮิตโตแกรมแสดงพื้นที่ด้วยรูปสี่เหลี่ยมที่แสดงจำนวนคน (ควำมถี่) กับคะแนน (ค่ำ) ที่เขำเหล่ำนั้นได้รับ เช่น มี 3 คนได้คะแนน 0 เป็นต้น ค . กรำฟ จำกรูปฮิตโตแกรมดังกล่ำว เมื่อลำกต่อจุดกลำงของรูปเหลี่ยมแต่ละรูปเชื่อมกัน จะได้รูปกรำฟที่แสดงจำนวนและคะแนนของคน 10 คน ดังนี้ ควำมถี่ 3 2 1 91 0 0 1 2 3 คะแน น 5 4 2. กำรหำค่ำควำมสัมพันธ์ เมื่อมีข้อมูล 2 ชุด (2 ตัวแปร) ก็สำมำรถหำควำมสอดคล้องของข้อมูล 2 ชุดได้ กำรหำค่ำควำมสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อมูลทั้ง 2 ชุด คือ (2.1) ข้อมูลทั้ง 2 ชุด ให้ข้อมูลบอกประเภท เช่น หำควำมสัมพันธ์ระหว่ำงเพศกับอำชีพ เป็นต้น กำรคำนวนหำค่ำควำมสัมพันธ์ใช้สูตร ดังนี้ (1) Contingency Coefficient, C (2) Phi Coefficient, (3) Tschuprow’s T (4) Cramer’s V (5) Pearson’s P วิธีหำค่ำสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ดังกล่ำวทำได้โดยอำศัยสถิตที่เรียกว่ำ Chi-Square ก่อน คือ n 2 = m i =1 (O i j - E i j) 2 j=1 E ij โดยที่ Oij คือ จำนวนที่อยู่ในแถว i คอลัมน์ j Eij คือ จำนวนที่คำดหวังในแถว i คอลัมน์ j และ N คือจำนวนทั้งหมด ตัวอย่ำงเช่น จำนวนคนที่ทำอำชีพ รับรำชกำร เกษตร เอกชน ที่เป็นชำยและหญิงมีดังนี้ 92 เพศ ชำย หญิง O11 = 5 O11 = 3 E11 = 4.3 E12 = 3.7 O21 = 2 O22 = 4 E21 = 3.2 E22 = 2.8 O31 = 1 O32 = 0 E31 = .5 E32 = .5 8 7 อำชีพ รำชกำร เกษตร เอกชน รวม กำรหำค่ำ 2 ทำได้คือ (1) กำรคำนวณค่ำ Eij ดังนี้ E11 = 8 x 8 = 4.3 15 E12 = 8 x 7 = 3.7 15 E21 = 6 x 8 = 3.2 15 E22 = 6 x 7 = 2.8 รวม 8 6 1 N = 15 93 15 E31 = 1 x 8 = .5 = .5 15 E32 = 1 x 7 15 (2) คำนวนค่ำ 2 จำกสูตร n m = 2 (O i j - E i j) i =1 2 E ij j=1 แทนค่ำได้ คือ 2 = (5 – 4.3) 2 + (3 – 3.7) 2 + (2 – 3.2) 2 + (4 – 2.8) 2 + (1 – .5) 2 + (0 – .5) 2 4.3 3.7 3.2 2.8 .5 = .11 + .13 + .45 + .51 + .5 + .5 = 2.2 (3) คำนวณค่ำสัมประสิทธิ์ควำมสัมพันธ์แบบต่ำง ๆ คือ (3.1) Contingency Coefficient (C) C = 2.2 = 15 + 2.2 .12 2 N + 2 = (3.2) Phi-Coefficient () 2 = N 15 = = 2.2 .14 (3.3) Tschuprow’s T T = (r – 1) (c – 1) = .14 = (3 – 1) (2 – 1) .07 เมื่อ r คือ จำนวนแถว และ c คือ จำนวนคอลัมภ์ (3.4) Cramer’s V .5 94 V = (.14)2 2 m 3 = = .006 เมื่อ m คือ จำนวนแถวหรือคอลัมภ์ที่มีค่ำมำกกว่ำ (3.5) Pearson’s P P = .14 1 - 2 = 1 - (.14)2 .14 = จะเห็นว่ำ ค่ำสัมประสิทธิ์ควำมพันธ์ทั้ง 5 ค่ำ ให้ตัวเลขแตกต่ำงกัน แต่เป็นไปในทิศทำงเดียวกัน และสรุปได้ว่ำ อำชีพกับเพศของคน 15 คนนี้มีควำมสอดคล้องกันน้อย (2.2) ข้อมูล 2 ชุด ให้ข้อมูลบอกลำดับที่ เช่น ลำดับที่เกิดกับลำดับที่สอบ เป็นต้น กำรคำนวณหำค่ำคว สัมพันธ์ใช้สูตรดังนี้ n 6 rr 1 = – d i2 i=1 n (n2 – 1) เมื่อ di คือ ควำมแตกต่ำงของลำดับที่ n คือ จำนวนลำดับที่ (2.3) ข้อมูล 2 ชุด ให้ข้อมูลบอกค่ำ/คะแนน เช่น ควำมสูงกับน้ำหนัก เป็นต้น กำรคำนวณหำค่ำควำม สัมพันธ์ใช้สูตรดังนี้ n r = i=1 Z xi Z yi 95 n เมื่อ Zxi คือ คะแนนมำตรฐำนของข้อมูลชุด X ของคนที่ i Zyi คือ คะแนนมำตรฐำนของข้อมูลชุด Y ของคนที่ i n คือ จำนวนข้อมูลในแต่ละชุด (6) กำรแปลงคะแนนให้เป็นมำตรฐำน ในกรณีที่มีคะแนนที่มีหน่วยวัดต่ำงกัน ถ้ำต้องกำรจะเปรียบเทียบกัน ควรแปลงคะแนนดิบ (Raw Score) ให้เป็นคะแนนมำตรฐำน (Standard Score) ก่อน ซึ่งก็คือ แปลงหน่วยของคะแนนดิบให้เป็นหน่วยมำตรฐำน คะแนนมำตรฐำน ในที่นี้มี 2 ชนิดคือ คะแนนมำตรฐำน ซี (Z) กับที (T) วิธีกำร คือ Zi = Ti Xi– X SD = 50 + 10 Z i เมื่อ Xi คือ คะแนนดิบของคนที่ i X คือ ค่ำเฉลี่ยของคะแนนของกลุ่มที่มีคน n คน SD คือ ส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำนของกลุ่มที่มีคน n คน โดยที่ค่ำเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำนของคะแนนซีเท่ำกับ 0 และ 1 ส่วนของทีเท่ำกับ 50 และ 10 ตำม ลำดับ (7) กำรแปลงตำแหน่ง ในกรณีที่มีกลุ่มคะแนนหลำยกลุ่ม และต้องกำรจะเปรียบเทียบตำแหน่งที่คะแนนยืนอยู่ในแต่ละกลุ่ม จำเป็นต้องแปลงขนำดของกลุ่มเดิมให้มีขนำดเป็นร้อยส่วน เรียกว่ำ ทำเป็นเปอร์เซนต์ไทล์ (Percentile) ตำแหน่งที่คะแนนยืนอยู่ เรียกว่ำ Percentile Rank (PR) และคะแนนที่ตำแหน่งนั้น เรียกว่ำ Percentile Score (PS) เช่น P40 = 5 อ่ำนว่ำ ตำแหน่งเปอร์เซนต์ไทล์ ที่ 40 อยู่ที่คะแนนเท่ำกับ 5 และอีกร้อยละ 60 ได้คะแนนสูงกว่ำ 5 96 กำรแปลงขนำดของกลุ่มให้เป็น 10 ส่วนก็เช่นกัน เรียกว่ำ Decile Rank และ Decile Score เช่น D9 = 20 อ่ำนว่ำ ตำแหน่งเดไซล์ที่ 9 อยู่ที่คะแนน 20 มีควำมหมำยว่ำมีผู้ให้ข้อมูล 9 ใน 10 คน ได้คะแนนต่ำกว่ำ 20 และ อีก 1 ใน 10คนได้คะแนนสูงกว่ำ 20 กำรแปลงขนำดของกลุ่มให้เป็น 4 ส่วนก็เช่นกัน เรียกว่ำ Quartile Rank และ Quartile Score เช่น Q3 = 22 อ่ำนว่ำ ตำแน่งควอไทล์ที่ 3 อยู่ที่คะแนน 22 มีควำมหมำยว่ำ มีผู้ให้ข้อมูล 3 ใน 4 คน ได้คะแนนต่ำกว่ำ 22 และอีก 1 ใน 4 ได้คะแนนสูงกว่ำ คะแนน 22 กำรแปลงตำแหน่งเป็นเปอร์เซ็นต์ไทล์ เดไซล์และควอไทล์ นั้นเปรียบเทียบกันได้ คือ P25 = D2.5 = Q1 P50 = D5 = Q2 P75 = D7.5 = Q3 P100 = D10 = Q4 3. กำรวิเครำะห์รำยข้อ (Item Analysis) กำรวิเครำะห์รำยข้อเป็นกำรพิจำรณำเฉพำะข้อควำม/ข้อคำถำมเป็นข้อ ๆ ไปว่ำ มีกำรตอบอย่ำงไร กำรวิเครำะห์รำยข้อสำมำรถจัดกระทำได้ในระยะของกำรสร้ำงเครื่องมื อวัด และขั้นของกำรพัฒนำ เครื่องมือวัด 3.1 ในระยะกำรสร้ำงเครื่องมือวัด กำรวิเครำะห์รำยข้อก็คือกำรพิจำรณำควำมสอดคล้องระหว่ำงข้อค วำม/ข้อคำถำมที่สร้ำงขึ้นกับจุดมุ่งหมำยในกำรสร้ำงและเนื้อหำสำระที่ส ร้ำง 3.2 ในระยะของกำรพัฒนำเครื่องมือวัด 97 กำรวิเครำะห์รำยข้อใช้ข้อมูลจำกกำรทดลองใช้/หรือใช้จริง มำหำค่ำต่ำง ๆ เพื่อระบุคุณสมบัติของข้อควำม/ข้อคำถำมนั้น ๆ ก . จำนวนผู้ตอบข้อควำมนั้นมำกหรือน้อย กำรคำนวณร้อยละของผู้ตอบข้อควำมแต่ละข้อเทียบกับจำนวนเต็มเป็น สิ่งที่บอกควำมหมำยได้หลำยอย่ำง เช่น ถ้ำเป็นข้อสอบผลสัมฤทธิ์ ข้อสอบที่มีผู้ตอบได้มำก หมำยถึง ข้อสอบนั้นง่ำย ข้อสอบที่มีคนตอบถูกน้อย แสดงว่ำ ข้อสอบนั้นยำก ตัวอย่ำงเช่น ข้อสอบมี 5 ข้อ คนสอบ 100 คน ผลกำรสอบสรุปได้ดังนี้ ข้อสอบ % ผู้ตอบถูก รวม (100%) 1 50 100.00 2 60 100.00 3 70 100.00 4 20 100.00 5 30 100.00 ข้อสอบ 5 ข้อนี้ ข้อที่ง่ำยคือ ข้อ3 รองลงมำคือ ข้อ2 ข้อที่ยำกสุดคือ ข้อ4 ยำกรองลงมำคือข้อ 5 ถ้ำเป็นข้อควำม/ข้อคำถำมที่เกี่ยวกับจิตใจและถ้ำมีผู้ตอบมำก ก็แปลว่ำคนเลือกตอบข้อนั้นเพรำะข้อนั้นบรรยำยหรือแสดงลักษณะที่ตรงกั บที่ตนรู้สึก ตัวอย่ำงเช่น ข้อควำมแสดงควำมชอบอำหำรกลำงวันที่โรงเรียนจัดให้ สรุปได้ดังนี้ อำหำรคำว % ผู้ตอบว่ำ “ชอบ” ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ข้ำวแกง 50 70 80 98 แสดงว่ำ นักเรียนส่วนใหญ่ขอบข้ำวแกง รองลงมำคือ ขนมจีน เป็นต้น ข . ควำมสอดคล้องระหว่ำงข้อ ข้อมูลรำยข้อเมื่อนำมำคำนวณค่ำสหสัมพันธ์จะให้ควำมสัมพันธ์ระ หว่ำงข้อ ซึ่งจะบอกให้ทรำบว่ำ ข้อควำมดังกล่ำวมีควำมสัมพันธ์กันมำกน้อยเพียงใดเป็นคู่ ๆ ตัวอย่ำงเช่นมีข้อควำม 4 ข้อ คำนวณค่ำสัมประสิทธิ์สหพันธ์ระหว่ำงคู่ ได้ผลสรุปในตำรำงเมตริก 4 X 4 ดังนี้ ข้อ 1 ข้อ 1 2 3 4 - .43 .44 .81 - .77 .57 - .45 2 3 4 - ค่ำควำมสัมพันธ์ในตำรำงนี้จะช่วยให้มองเห็นว่ำ ข้อควำมข้อ 1 มีควำมสัมพันธ์สูงกับข้อ 4 รองลงมำคือข้อ 2 มีควำมสัมพันธ์กับข้อ 3 กำรพิจำรณำข้อควำมดังกล่ำวจึงควรวิเครำะห์ว่ำทำไมข้อควำมดังกล่ำวจึงมี ควำมสัมพันธ์กัน และเป็นควำมสัมพันธ์ในประเด็นเนื้อหำหรือวัตถุประสงค์หรืออะไร ค . ข้อที่บอกควำมแตกต่ำงระหว่ำงกลุ่ม ในกรณีที่มีกลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลำยกลุ่มที่มีควำมแตกต่ำงกันชัดเจน ข้อควำมที่จำแนกกลุ่มดังกล่ำวออก ได้ก็แสดงว่ำมีคุณสมบัติในเชิงกำรจำแนก ตัวอย่ำงเช่น ข้อควำม 5 ข้อ วิเครำะห์เปรียบเทียบค่ำเฉลี่ยของกลุ่มที่ทดสอบ (เช่นนักศึกษำ ครู) กับ กลุ่มอำชีพครู พบค่ำสถิติทดสอบ t ดังนี้ ข้อควำม ค่ำ t 99 1 1.97* 2 2.64* 3 1.00 4 2.56* 5 3.48* *P < 0.5 ข้อควำม 4 ข้อ คือ ข้อ 1, 2, 3, 4, 5 สำมำรถจำแนกค่ำเฉลี่ยระหว่ำงกลุ่มนักศึกษำครูออกจำกลุ่มครูได้ ถ้ำข้อควำมเหล่ำนั้นจะนำไปใช้ในกำรคัดเลือกผู้เรียนในอำชีพนั้น ๆ ควรเลือกข้อควำมข้อ 1, 2, 4 และ 5 ง. ข้อที่สัมพันธ์กับเกณฑ์ภำยนอก ในกรณีที่มีเกณฑ์ภำยนอกระบุชัดเจน ข้อควำม/ข้อสอบใดที่มีควำมสัมพันธ์กับเกณฑ์ที่แสดงคุณ สมบัตินี้ใช้กำรหำค่ำควำมสัมพันธ์ ตัวอย่ำงเช่น มีข้อควำม 3 ข้อ ที่คำดว่ำน่ำจะมีควำมสัมพันธ์กับควำมรู้ในงำนนั้น ๆ คำนวณค่ำสหสัมพันธ์ได้ค่ำดังนี้ ข้อควำม r 1 .3 2 .4 3 .7* *P < .05 แสดงว่ำ ข้อควำมข้อ 3 มีควำมสัมพันธ์กับควำมรู้ในงำนนั้น ๆ ถ้ำคิดว่ำจะใช้ข้อควำมนี้เพื่อวัดควำมรู้ในเรื่องนี้ก็ควรเลือกข้อ 3 จ. ข้อที่สัมพันธ์กับคะแนนรวม กำรหำค่ำควำมสัมพันธ์ระหว่ำงข้อกับคะแนนรวม (ทุกข้อ) เป็นกำรวิเครำะห์รำยข้ออีกแบบหนึ่งซึ่ง แสดงให้เห็นว่ำ ข้อควำมนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแบบวัดนั้นหรือไม่ 100 ตัวอย่ำงเช่น ข้อควำม 5 ข้อ มีค่ำสหสัมพันธ์กับคะแนนรวม (Total Score) ดังนี้ ข้อควำม r r2 % 1 .8 .64 32.00 2 .6 .36 18.00 3 .7 .49 24.50 4 .4 .16 8.00 5 .6 .36 18.00 รวม 100.00 ข้อควำมข้อ 1, 2, 3, 5 มีควำมสัมพันธ์กับคะแนนรวม เกณฑ์ในกำรเลือกข้อ คือ ก ) ถ้ำต้องกำรวัดสิงที่เป็นลักษณะเดียวกันกับของแบบวัด ควรเลือกข้อ 1 เพียงข้อเดียว หรือ ข ) ถ้ำต้องกำรข้อที่ร่วมกันวัดควรตัดข้อ 1 ทิ้ง และเลือกข้อ 3, 4, 5 ไว้ กำรคัดเลือกข้อควำมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้สร้ำง ผู้สร้ำงบำงคนต้องกำรข้อควำมที่มีค่ำควำมเที่ยง (Reliability) สูง ก็เลือกข้อที่มีควำมสัมพันธ์กันระหว่ำงข้อสูง และข้อที่มีควำมสัมพันธ์กับคะแนนรวมสูง หลักที่สำคัญคือควรเลือกข้อที่มีควำมสัมพันธ์สูงกับเกณฑ์ภำยนอก (Validity) ไว้ แล้วจึงเลือกข้อที่มีควำมสัมพันธ์ระหว่ำงข้อ และกับคะแนนรวมสูงปำนกลำง เพื่อให้ได้ข้อควำมที่มีส่วนร่วมในกำรวัดด้วย ขั้นตอน สรุปวิธีวเิ ครำะห์รำยข้อ วิธก ี ำร 101 4. กำรวิเครำะห์ควำมเชื่อถือได้ของเครือ ่ งมือ เครื่องมืดวัดประกอบด้วยข้อควำม/ข้อคำถำมที่สร้ำงแล้วนำมำรวมกันต ำมแบบแผนที่กำหนดไว้ล่วงหน้ำ แม้ว่ำจะมีกำรวิเครำะห์เป็นรำยข้อแล้วก็ตำม เมื่อนำข้อควำมมำร่วมกันก็ต้องพิจำรณำว่ำ จะจัดเรียงข้อควำมอย่ำงไร ข้อใดมำก่อนหลังและเมื่อรวมแล้วจะได้เครื่องมือวัด 1 ชุด ที่มีควำมเชื่อถือได้หรือไม่ กำรวิเครำะห์ควำมเชื่อถือได้ของเครื่องมือวัดก็คือ กำรหำควำมตรง (Validity) และกำรหำควำมเที่ยง (Reliability) นั่นเอง ก่อนกำรหำควำมตรง (Validity) และกำรหำควำมเที่ยง (Reliability) ของเครื่องมือวัด ควรให้ควำมหมำยของคำทั้งสองก่อนคือ (1) ควำมตรง (Validity) หมำยถึง ควำมสอดคล้องระหว่ำงเครื่องมือวัดลักษณะกับลักษณะที่วัดโดยอิงเกณ ฑ์ภำยนอก ควำมตรงมี 3 ประเภท คือ (1.1) ควำมตรงเชิงเนื้อหำ (Content Validity) หมำยถึงว่ำ กำรวัดนั้นครอบคลุมเนื้อหำที่ต้องกำรจะวัดหรือไม่ หรือกำรวัดนั้นสุ่มเนื้อหำเป็นสัดส่วนกับประชำกรเนื้อหำหรือ ไม่ 102 (1.2) ควำมตรงเชิงทฤษฎี (Contruct Validity) หมำยถึงว่ำ กำรวัดนั้นอธิบำยลักษณะเชิงนำมธรรมของสิ่งที่จะวัดได้หรือ ไม่ (1.3) ควำมตรงเชิงเกณฑ์ที่กำหนด (Criterion Related Validity) หมำยถึงว่ำ กำรวัดนั้นสอดคล้งอกับเกณฑ์ภำยนอกที่กำหนดขึ้นหรือไม่ (2) ควำมเที่ยง (Reliability) หมำยถึง ควำมสอดคล้องภำยในของกำรวัด ควำมตรงกับควำมเที่ยงแตกต่ำงกัน คือควำมตรงต้องมีเกณฑ์ภำยนอก (External Criterion) ส่วน ควำมเที่ยงต้องมีเกณฑ์ภำยใน (Internal Criterion) มำเกี่ยวข้อง 4.1 กำรตรวจสอบควำมเชื่อถือได้ในระยะกำรสร้ำงเครื่องมือ ในระยะกำรสร้ำงเครื่องมือ เป็นระยะที่จะอธิบำยควำมตรงของเครื่องมือได้โดยพิจำรณำจำกตำรำง โครงสร้ำง คือ ก ) ควำมตรงตำมเนื้อหำ (Content Validity) กำรทำตำรำงโครงสร้ำงจะแสดงให้เห็นว่ำเครื่องมือนี้ครอบคลุมเนื้ อหำอย่ำงครบถ้วยหรือไม่ ใน กรณีที่ไม่แน่ใจผู้สร้ำงอำจเชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้ำนเนื้อหำ (Content Specialist) พิจำรณำตำรำงโครงสร้ำง โดยขอให้ตอบคำถำมต่อไปนี้คือ 1) กำรจำแนกเนื้อหำออกเป็นหมวด หมู่ หน่วย ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ ตำมหลักกฎ ทฤษฎี หรือไม่ 2) กำรระบุน้ำหนักมีควำมถูกต้องเหมำะสมหรือไม่ 3) ข้อควำมแต่ละข้อสอดคล้องกับเนื้อหำที่จะวัดหรือไม่ ข ) ควำมตรงตำมจุดมุ่งหมำย (Objective Validity) ตำรำงโครงสร้ำงแสดงให้เห็นว่ำ ผู้สร้ำงกำหนดจุดมุ่งหมำยครบถ้วน ถูกต้องหรือไม่ ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่ำผู้สร้ำงอำจเชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้ำนเนื้อหำ (Content Specialist) และจุดมุ่งหมำยมำพิจำรณำตำรำงโครง สร้ำง โดยขอให้ตอบคำถำมต่อไปนี้ คือ 103 1) กำรระบุจุดมุ่งหมำยชัดเจน ครบถ้วนตำมที่ควรจะเป็นหรือไม่ 2) กำรระบุน้ำหักของจุดมุ่งหมำยสอดคล้องกับเรื่องที่จะวัดหรือไม่ 3) ข้อควำมแต่ละข้อสอดคล้องกับจุดมุ่งหมำยหรือไม่ ค ) ควำมตรงตำมประเภทของเครื่องมือ ตำรำงโครงสร้ำงแสดงให้เห็นว่ำ ผู้สร้ำงเลือกประเภทของข้อควำม และประเภทของเครื่องมือมำใช้ได้เหมำะสมกับธรรมชำติของลักษณะที่ จะวัด ในกรณีที่ไม่แน่ใจผู้สร้ำงอำจเชิญผู้ทรงคุณุฒิด้ำนวิธีกำรสร้ำงเครื่องมื อ (Methodological Specialist) มำพิจำรณำเพื่อตอบคำถำมต่อไปนี้ คือ 1) กำรเลือกใช้ประเภทของข้อควำมถูกต้อง เหมำะสมและสอดคล้องกับเนื้อหำที่จะวัดหรือไม่ 2) กำรเลือกประเภทของเครื่องมือเหมำะสมและสอดคล้องกับเนื้อหำที่จะ วัดหรือไม่ 3) ข้อควำมแต่ละข้อสอดคล้องกับธรรมชำติของประเภทของข้อควำมแ ละประเทของเครื่องมือหรือไม่ 4) กำรกำหนดน้ำหนักและให้ค่ำ/คะแนนถูกต้อง เหมำะสมหรือไม่ ง) ควำมตรงตำมโครงสร้ำง (Construct Validity) ตำรำงโครงสร้ำงแสดงควำมตรงตำมโครงสร้ำงได้ ถ้ำผู้สร้ำงสำมำรถอธิบำยหรือนิยำมตัวแปรทำง จิตวิทยำที่วัดว่ำสอดคล้องกับทฤษฎี หรือให้นิยำมเชิงปฏิบัติกำรได้ หรืออธิบำยในเขิงนิยำมกำรวัดได้ ถ้ำไม่แน่ใจอำจขอให้ผู้ทรงคุณวุฒิด้ำนทฤษฎีทำงจิตวิทยำช่วยพิจำรณำ โดยตอบคำถำมต่อไปนี้ 1) คำนิยำมที่ให้นี้ชัดเจน ถูกต้องตำมทฤษฎีหรือไม่ 2) ข้อควำมแต่ละข้อวัดได้ตรงตำมทฤษฎีหรือไม่ 4.2 กำรหำควำมเชื่อถือได้ของเครื่องมือในระยะพัฒนำเครื่องมือ ข้อมูลจำกำกรทดลองใช้กับกลุ่มจริง นำมำคำนวณค่ำควำมเชื่อถือได้ของเครื่องมือ คือ 104 4.2.1 ควำมเที่ยง (Reliability, rxx ) ในทำงทฤษฎี rxx = T2 T2 X2 คือ ควำมแปรปรวนของค่ำที่แท้จริงของกลุ่ม และ คือควำมแปรปรวนของค่ำที่ได้รับของกลุ่ม ถ้ำค่ำ X2 ใกล้ X2 T2 นั่นคือ ค่ำควำมแปรปรวนของควำมคลำดเคลื่อน (E2 ) มีค่ำใกล้ศูนย์เพรำะ X2 = T2 + E2จำกทฤษฎีดังกล่ำว ควำมคลำดเคลื่อนจึงมีควำมสำคัญกับควำมเที่ยงมำก เพรำะถ้ำค่ำควำมคลำดเคลื่อนลดลง ค่ำควำมเที่ยงจะสูงขึ้น ค่ำควำมคลำดเคลื่อนหำได้จำกค่ำควำมเที่ยงดังนี้ E = X 1 - rxx แหล่งควำมคลำดเคลื่อนที่เกี่ยวข้องกับกำรวัดลักษณะมีหลำยประเภท เช่น ควำมคลำดเคลื่อนอันเนื่องมำกจำกำกรตอบไม่สอดคล้องกันภำยในกลุ่ม (Instability) ของกำรตอบ เป็นต้น กำรหำค่ำควำมเที่ยงของเครื่องมือวัดจึงมีหลำยวิธี โดยทั่วไป ควำมเที่ยงมี 3 ประเภท คือ (1) ควำมสอดคล้องภำยใน (2) ควำมคงที่ตำมช่วงเวลำ และ (3) ควำมสอดคล้องระหว่ำงผู้ให้คะแนนหรือแบบฟอร์ม สรุปประเภทของควำมเที่ยง สูตรคำนวณค่ำสัมประสิทธิ์ควำมเที่ยงในตำรำง ดังนี้ ประเภทของควำมเทีย ่ ง ชื่อ/สูตร ควำมหมำย/เงือ ่ นไข n KR1. ควำมสอดคล้องภำยใน 20 = pi qi 1 – n ข้อมูลให้ค่ำ 0, 1 ข้อมูลให้ค่ำ 0, 105 (Internal Consistency) n– 1 i n X =1 SX2 (n – X) n– 1 n SX 2 n n S i2 n– 1 =1 SX2 ประเภทของควำมเทีย ่ ง ชื่อ/สูตร ควำมหมำย/เงือ ่ นไข 2 ข้อมูลTให้ ค่ำ / Hoyt 1 = r tt – X2 คะแนน ประมำณค่ำควำ i 106 n r ij 1 + (n – 1) r ij 2. ควำมคงที่ตำมช่วงเวลำ r XX = สูตรสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบ (stability) ต่ำงๆ ขึ้นอยู่กับประเภทของข้อมูล 3. ควำมสอดคล้องระหว่ำง r XX = สูตรสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบต่ำงๆ ผู้ให้คะแนน หมำยเหตุ rtt และ rxx คือ สัมประสิทธิ์ควำมเที่ยง (ประมำณ) n คือ จำนวนข้อ pi คือ สัดส่วนผู้ตอบถูก ของข้อ i qi คือ สัดส่วนผู้ตอบผิด ของข้อ i SX2 คือ ควำมแปรปรวนของกำรตอบในกลุ่ม X คือ ค่ำเฉลี่ยกำรตอบของกลุ่ม Si 2 คือ ควำมแปรปรวนรำยข้อ E2 คือ ควำมแปรปรวนอันเนื่องมำจำกควำมคลำดเคลื่อน X2 คือ ควำมแปรปรวนอันเนื่องมำจำกควำมแตกต่ำงระหว่ำงข้อทั้งหมด r ij คือ ค่ำเฉลี่ยสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่ำงข้อทั้งหมด 4.2.2ควำมตรง (Validity) ก ) ควำมตรงตำมเนื้อหำ (Content Validity) 107 นิยมใช้กำรคำนวณค่ำที่ได้จำกควำมสอดคล้องของผู้ทรงคุณวุ ฒิในประเด็นที่เกี่ยวกับ ก ) ควำมครอบคลุมของเนื้อหำ ข ) ควำมสอดคล้องระหว่ำงเนื้อหำที่แตกเป็นหมวด หน่วยย่อย ๆ ค ) ควำมสอดคล้องระหว่ำงเนื้อหำ จุดมุ่งหมำย และน้ำหนัก วิธีกำรหำค่ำควำมตรงตำมเนื้อหำคือ กำรให้ผู้ทรงคุณวุฒิพิจำรณำตำรำงโครงสร้ำงแล้วสรุปผลตำมประเด็นในข้ อ ก, ข, ค ว่ำมีผู้ทรงคุณวุฒิร้อยละเท่ำไรที่มีควำมเห็นตรงกัน กำรเลือกผู้ทรงคุณวุฒินั้นต้องพิจำรณำถึงควำมสำมำรถในเนื้อหำสำระ ที่เกี่ยวกับเครื่องมือ ข) ควำมตรงตำมโครงสร้ำง (Construct Validity) 1) กำรใช้ค่ำสหสัมพันธ์ กำรพิจำรณำค่ำสหสัมพันธ์ระหว่ำงเครื่องมือที่คำดว่ำวัดสิ่ง เดียวกัน เช่น สร้ำงเครื่องมือวัดควำมสนใจต่อกำรเรียน 1 ชุด ก็นำข้อมูลที่ได้จำกเครื่องมือนี้ไปหำควำมสัมพันธ์กับเครื่อง มือที่ได้รับกำรยอมรับว่ำวัดควำมสนใจต่อกำรเรียน ถ้ำพบว่ำมีควำมสัมพันธ์สูงและเป็นไปทิศทำงเดียวกันก็สรุป ได้ว่ำเครื่องมือนี้มีควำมตรงเชิงโครงสร้ำงแบบเดียวกัน 2) กำรใช้เมตริกลักษณะหลำกหลำยวิธี (Multitrait Multimethod Matrix หรือ MTMM) MTMM เป็นวิธีที่ตรวจสอบควำมตรงเชิงโครงสร้ำงที่แพร่หลำยมำก เริ่มในปี 1959 โดย Campbell และ Fiske ผู้สร้ำงเมตริก MTMM ได้เสนอคำ 2 คำ คือควำมตรงเชิงลู่เข้ำ (Convergent Validity) กับควำมตรงเชิงจำแนก (Discriminant Validity) กำรใช้เมตริกนี้ ผู้สร้ำงเครื่องมือจะต้องมีลักษณะที่วัดหลำยชนิด และมีวิธีวัดหลำยวิธี เช่น ตัวอย่ำงกำรวัดลักษณะ 3 อย่ำงคือ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงเพื่อน (A) ควำมสำมำรถทำงร่ำงกำย (B) 108 และสภำพโรงเรียน (C) โดยใช้วิธีกำรวัด 2 วิธี คือ ให้ตองเองกับให้เพื่อนสังเกตและประมำณค่ำ กำรหำค่ำสหพันธ์ระหว่ำงลักษณะที่วัดและวิธีกำรวัดแสดงในตำรำง ดังนี้ ลักษณะทีว ่ ด ั วิธีที่ 1 วิธท ี ี่ 2 A1 A2 B2 B1 C1 C2 A1 วิธีที่ 1 B1 (R) HM (R) C1 A2 (R) (VA) (R) วิธีที่ 2 B2 (VB) HH (R) C2 HM HH (VC) (R) ในตำรำงข้ำงบนมีกำรวัดทั้งค่ำควำมเที่ยง (R) กับค่ำควำมตรง (V) คือ ค่ำ (R) บอกควำมสัมพันธ์ระหว่ำงวิธีวัดวิธีเดียวกันที่วัดลักษณะเดียวกัน นี่คือ ค่ำควำมเที่ยงของวิธีกำรวัด ค่ำ (V) บอกควำมสัมพันธ์ระหว่ำงวิธีวัดหลำยวิธีที่วัดสิ่งเดียวกัน นี่คือ ค่ำควำมตรงของวิธีกำรวัด ค่ำในรูปสำมเหลี่ยม HM (Heterotrait-Monomethod) เป็นกำรบอกค่ำควำมตรง 109 ค่ำในรูปสำมเหลี่ยม HM (Heterotrait-Heteromethod) เป็นกำรบอกค่ำสหสัมพันธ์ระหว่ำงวิธีกับลักษณะ ที่วัดที่ต่ำงกัน กำรพิจำรณำค่ำใน MTMM คือ (1) ค่ำ (R)ในแนวทะแยง (ใช้ประมำณค่ำควำมเที่ยงของกำรวัด) ควรมีค่ำสูง เช่น สูงกว่ำ .75 (2) ค่ำควำมตรงเชิงลู่เข้ำ (Convergent Validity) ค่ำ V ในแนวทะแยงควรมีค่ำสูงและคงเส้นคงวำทุกค่ำ (3) ค่ำควำมตรง หรือ VA , VB , VC ควรมีค่ำสูงกว่ำค่ำในสำมเหลี่ยม HH ตำมลำดับ (4) ค่ำควำมสัมพันธ์ของกำรวัดตัวแปรเดียวกันด้วยวิธีต่ำงกัน ควรสูงกว่ำค่ำกำรวัดตัวแปรต่ำงกันด้วยวิธีเดียวกัน (5) ค่ำใน HM ของทั้งสองเมตริกควรมีค่ำควำมสัมพันธ์ที่สอดคล้องกันทุก ๆ ค่ำ (6) ค่ำใน HH ของทั้งสองเมตริกควรมีค่ำควำมสัมพันธ์ที่สอดคล้องกันทุก ๆ ค่ำ กำรใช้ MTMM ได้หมำยควำมว่ำต้องมีลักษณะที่จะวัดหลำยอย่ำง (traits) กับใช้วิธีวัดหลำยวิธี (Methods) เมื่อรวบรวมข้อมูลได้ก็หำค่ำสหสัมพันธ์ทุก ๆ ค่ำจะได้ผลวิเครำะห์ดังแสดงในตำรำงดังกล่ำว 3) กำรวิเครำะห์ตัวประกอบ (Factor Analysis) เป็นวิธีกำรที่ศึกษำหำควำมสัมพันธ์ระหว่ำงข้อควำมแล้วระบุ ลักษณะร่วมของข้อควำม ทั้งหลำยเหล่ำนั้น หลักกำรในกำรทำกำรวิเครำะห์ตัวประกอบ ก็คือกำร decompose เมตริกสหสัมพันธ์ระหว่ำงข้อเพื่อให้ได้ eigen values และ eigen vactors และเมตริกน้ำหนัก ตัวประกอบ กำรใช้วิธีวิเครำะห์ตัวประกอบเพื่อหำค่ำควำมตรงเชิงโครงสร้ำงมีวิธีกำ ร ดังนี้ 110 (1) สร้ำงสมมุติฐำนเกี่ยวกับตัวแปรทำงจิตวิทยำว่ำ น่ำจะประกอบด้วยตัวประกอบอะไรบ้ำง (2) สร้ำงข้อควำมที่วัดตัวประกอบดังกล่ำว (3) ตรวจสอบควำมสอดคล้องและถูกต้องในเชิงวัดก่อนรวบรวมข้อมูล (4) รวบรวมข้อมูลจำกกลุ่มตัวอย่ำงที่เป็นตัวแทนของประชำกร (5) ทำกำรวิเครำะห์ตัวประกอบ ว่ำได้ตัวประกอบตำมที่ตั้งสมมุติฐำนไว้หรือไม่ ถ้ำใช่ก็แสดงว่ำมีควำมตรงเชิงโครงสร้ำง 4) กำรวิเครำะห์โดยอำศัยกลุ่มที่มีลักษณะสอดคล้องกับตัวแปร ทำงจิตวิทยำ (Known Group) เป็นวิธีกำรหำควำมตรงเชิงจำแนก (Discriminant Validity) วิธีกำรก็คือรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบวัดที่สร้ำงขึ้น ทดสอบกับกลุ่ม 2 กลุ่ม ซึ่งคำดว่ำมีลักษณะทำงจิตวิทยำที่ตรงข้ำมกัน เช่น ใช้แบบวัดกับกลุ่มที่มีควำมกังวลสูงกับต่ำ ถ้ำข้อมูลของคน 2 กลุ่ม ให้ค่ำเฉลี่ยแตกต่ำงกันอย่ำงมีนัยสำคัญ เครื่องมือที่สร้ำงสำมำรถจำแนกคนออกเป็น 2 กลุ่ม ตำมระดับควำมกังวลได้ แสดงว่ำเป็นเครื่องมือจำแนกควำมกังวลใจได้ ค) ควำมตรงตำมเกณฑ์ (Criterion-Related Validity) กำรหำควำมตรงแบบนี้จำเป็นต้องมีเกณฑ์ภำยนอก ซึ่งได้แก่ 1) เครื่องมือวัดที่เป็นมำตรฐำนแล้ว กำรหำค่ำควำมตรงตำมเกณฑ์จึงใช้กำรหำค่ำควำมสัมพันธ์ระหว่ำงคะแนน จำกเครื่องมือที่สร้ำงกับคะแนนจำกเครื่องมือที่เป็นมำตรฐำน ถ้ำพบว่ำมีค่ำสหสัมพันธ์สูงก็แสดงว่ำเครื่องมือที่สร้ำงสัมพันธ์กับเครื่องมือมำ ตรฐำนนั้น และน่ำจะวัดลักษณะเดียวกัน 2) ตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับลักษณะที่วัด เช่น ตัวแปรอำยุเกี่ยวข้องกับเชำวน์ปัญญำ คนที่มีอำยุ 111 น้อย จะมีคะแนนเชำว์ปัญญำน้อย จนถึงช่วงอำยุหนึ่ง คะแนนจะไม่เพิ่มขึ้น ดังนั้น กำรใช้ตัวแปรอำยุมำจำแนกกลุ่มตำมอำยุโดยใช้กำรเปรียบเทียบคะแนนกลุ่ มดังกล่ำวถ้ำพบว่ำแตกต่ำงกัน ก็อำจสรุปได้ว่ำ ตัวแปรที่วัดน่ำจะเกี่ยวข้องกับอำยุด้วย อีกตัวอย่ำงหนึ่งคือ ตัวแปรเพศซึ่งพบว่ำ ผู้ชำยได้คะแนนควำมสำมำรถด้ำนภำษำน้อยกว่ำผู้หญิง ดังนั้น ถ้ำคะแนนของผู้ชำยจำกเครื่องมือที่สร้ำงเพื่อวัดควำมสำมำรถด้ำนภำษำต่ำ กว่ำคะแนนของผู้หญิง เครื่องมือนี้ก็มีควำมตรงตำมเกณฑ์ ตัวแปรที่ระบุด้วย สรุปกำรหำค่ำควำมเทีย ่ งและควำมตรง ขั้นตอน วิธก ี ำร ระยะสร้ำงเครือ ่ งมือ ก . ควำมตรงตำมเนื้อหำ ข . ควำมตรงตำมจุดมุ่งหมำย ค . ควำมตรงตำมประเภทของเครื่อ งมือ ตำรำงโครงสร้ำง ตำรำงโครงสร้ำง ตำรำงโครงสร้ำง ตำรำงโครงสร้ำง ง . ควำมตรงตำมโครงสร้ำง ระยะพัฒนำเครื่องมือ 1. ค่ำสัมประสิทธิ์ควำมเที่ยง 2. ค่ำควำมตรงตำมเนื้อหำ 3. ค่ำควำมตรงตำมโครงสร้ำง สูตร ควำมสอดคล้องของกำรตอบของผู้ ทรงคุณวุฒิ 1) สหสัมพันธ์ 2) MTMM 3) กำรวิเครำะห์ตัวประกอบ 4. ค่ำควำมตรงตำมเกณฑ์ 1) สหสัมพันธ์ 2) สถิติทดสอบจำแนกตำมตัวแปร