1 IELTS คืออะไร? คุณกำ�ลังไปสอบ IELTS อยู่หรือเปล่า? หากคุณอยากได้คะแนน IELTS ดีๆ อย่าลืมเตรียม ฟิตฝึกซ้อมให้พร้อม สำ�หรับการสอบ IELTS วอลล์สตรีท อิงลิช มีเทคนิคสำ�คัญที่ช่วยให้คุณมีครบ ทุก 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน แบบปังๆมาบอก You are planning to take the IELTS test? If you want to perform and get a good grade at thetest, you will need to be as prepared as possible.Wall Street English created a list of tips to help you inthe preparation for the four sections of the IELTS test: speaking, listening, writing and reading. 2 IELTS (International English Language Testing System) คือการจัด สอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษชั้นนำ�ของ โลก ที่ถูกจัดขึ้นกว่า 2 ล้านครั้งในแต่ละปี โดยผลการสอบของ IELTS นั้นเป็นที่ยอมรับจากองค์กรกว่า 9,000 แห่ง ครอบคลุมทั้งภาครัฐ เอกชน สถานศึกษาและสถาบันชั้นนำ�ทั่วโลก What’s IELTS? IELTS (the International English Language Testing System) is one of the lead international English tests to assess the language ability which takes place more than 2 million times per year. IELTS is recognised and accepted by over 9,000 organisations worldwide including government agencies, private companies, universities and other leading international companies. 3 4 5 SECTION 1 WRITING 6 7 1. อ่านคำ�ถามอย่างระมัดระวัง อันดับแรก คุณควรอ่านคำ�ถามด้วยความระมัดระวัง อย่าลืมที่จะขีดเส้นใต้หรือ เน้นข้อความสำ�คัญและข้อมูลหลักที่คุณต้องรวบรวม วิธีนี้จะช่วยคุณประหยัด เวลา เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องกลับมาอ่านอีกครั้งเพื่อหาข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง 1. Read the question carefully At first, make sure that you read the question very properly and carefully, then remember to underline/highlight the key words or the main information you need to gather. This will allow you to save some precious time since you will not have to read the document all over again in order to find specific information. 8 9 10 2. ทำ�ความเข้าใจ ความแตกต่างของข้อสอบ IETLS ทักษะการเขียน ทั้ง 2 Parts 2. Understand the difference between an essay and a report การเขียนเรียงความ (Essay) และ การเขียนรายงาน (Report) มีความแตกต่างกันมาก โครงสร้างของข้อสอบทักษะการเขียน ส่วนแรกคือการเขียนรายงาน (Report) ซึ่งมักให้คุณสรุปออกมาเป็น กราฟ ตาราง หรือรูปภาพ และคุณต้องบรรยายเนื้อหาจาก ข้อมูลเหล่านั้นให้ได้ นอกจากนั้นคุณต้องเขียนรายงานด้วยโครงสร้างที่เป็นระเบียบ Doing an essay and doing a report is very different! In a report, you will be asked to present the useful and interesting information you found in the document (a chart, a map, a letter…).You just need to find this content and think about the structure of your answer. อย่างไรก็ตามใน Task ที่ 2 (การเขียนเรียงความ หรือ Essay) คุณจะถูกถามให้เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวข้อที่กำ�หนดให้ In an essay, however, you will be asked to give your opinion about a specific subject. Meaning that you will need to think about the content of your answer, and then organize it in a clear way. 11 3. วางแผนคำ�ตอบก่อนที่จะเริ่มเขียน อย่ารีบลงมือเขียนเมื่อถึงเวลาเริ่มทำ�ข้อสอบ และหยุดเมื่อทำ�เสร็จ เริ่มแรกคุณ ควรใช้เวลาเพื่อให้แน่ ใจว่าคุณเข้าใจกับคำ�ถามเสียก่อน จากนั้นจึงพยายามระดม สมองและวางแผนคำ�ตอบ ยิ่งคุณรู้ว่าตัวเองต้องทำ�อะไร คุณก็ยิ่งทำ�ข้อสอบได้ เร็วยิ่งขึ้น ทำ�ตามขั้นตอนนี้ แน่นอนว่าคุณจะมีเวลาเหลือมากเพื่อตรวจสอบคำ� ตอบของคุณเพื่อตรวจสอบไวยากรณ์และการใช้คำ�ศัพท์ของคุณ 3. Prepare your answer before writing down Don’t just start writing when the time begins and stop when it finishes. Use some time at the beginning to make sure that you understood the question, brainstorm your ideas and plan your answer. The more you think the better and faster you will write and the more time you will have at the end to check your answer and avoid possible grammar or vocabulary mistakes. 12 13 4. เรียนรู้วิธีการตรวจสอบจำ�นวนคำ�ที่คุณเขียน ใน Task 1 คุณต้องเขียนอย่างน้อย 150 คำ� และ 250 คำ�สำ�หรับ Task 2 ตามลำ�ดับ จำ�นวนขั้นต่ำ�ของคำ�เป็นเรื่องสำ�คัญมากที่คุณต้องพึงระลึกอยู่เสมอ แต่คุณอาจไม่มีเวลาเพื่อนับจำ�นวนคำ�ในเวลาทำ�ข้อสอบ ดังนั้นตอนที่คุณฝึก เขียน คุณควรสังเกตว่าความยาวของบทความของคุณโดยปกติแล้วอยู่ที่กี่คำ� ตัวอย่างเช่น คุณสามารถที่ประเมินว่าด้วยลายมือของคุณคุณเขียนประมาณ 10 คำ�ในแต่ละบรรทัด แล้วคุณรู้ว่าคุณต้องเขียนอย่างน้อย 15 บรรทัดสำ�หรับ Task 1 และ 25 บรรทัด สำ�หรับ Task 2 เราแนะนำ�ให้คุณควรเขียนเพิ่มเติมมา ประมานหนึ่งหรือสองบรรทัดเพื่อให้มีช่วงเว้นขอบกระดาษที่ดูสบายตา 14 4. Learn how to evaluate the number of words you write You have to write at least 150 words and 250 words for task 1 and task 2 respectively. It is important to respect the minimum number of words. However, you will not have time to count them during the test. During your preparation, you should practice writing and have an idea of how long your answer is. For example you can estimate that, with your handwriting, you have around 10 words on each line, then you know you must write at least 15 lines for the first task and 25 for the second one. We advise you to write one or two extra lines to have a comfortable margin. 15 v 5. อย่าเขียนให้ยาว แต่ควรเขียนให้มีคุณภาพ 5. Focus on the quality rather than the quantity ตามที่เราได้แนะนำ�ในหัวข้อที่ผ่านมา เราแนะนำ�ว่าคุณควรเขียนอย่างน้อย 150 คำ�สำ�หรับ Task 1 และ 250 สำ�หรับ Task 2 แต่ ในความเป็นจริงคือคุณจำ�เป็น ต้องเขียนมากกว่านั้น ดังนั้นหากคุณไม่มี ไอเดียที่จะเขียนต่อ อย่าพยายาม ชักแม่น้ำ�ทั้งห้าเพื่อให้มีเรื่องเขียนต่อ เพราะผู้ตรวจข้อสอบนั้นจะโฟกัสไปที่ คุณภาพของงานเขียนของคุณ ไม่ ใช่ที่ปริมาณของคำ�ที่คุณเขียน คุณจะไม่ ได้ คะแนนเพิ่มจากการเขียนบทความยาวๆ ดังนั้นอย่าเขียนคำ�ตอบยาวๆ บนฐาน As we said in the previous tip, it is important to write at least 150 words for the first task and 250 for the second one. However, there is no need to write more than that. So if you are running out of ideas, do not try to write more! The examiner is looking for the quality, not the quantity. You will not necessarily get a better mark for writing more, so don’t make your answer too long for no reason. ข้อมูลที่ขาดน้ำ�หนักที่เหตุผล 16 17 18 6. อย่าคัดลอกคำ�ถามในข้อสอบลงมาเขียนในคำ� ตอบของคุณ 6. Don’t copy the question in your answer คุณจะถูกหักคะแนนถ้าคุณคัดลอกคำ�ถามในข้อสอบลงในเรียงความของคุณ คุณควรใช้เวลานี้เพื่อแสดงให้ผู้ตรวจสอบรู้ว่าคุณมีความสามารถในการพัฒนา คำ�ตอบของคุณ คิดว่ามันเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกันกับคำ�ถามหรือไม่? ใจความหลัก ของคุณแสดงสิ่งที่คุณต้องการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่? คำ�ตอบ ของคุณชัดเจนและมีน้ำ�หนักเพียงพอไหม? คุณควรให้ความสำ�คัญกับเกณฑ์ การประเมินคุณภาพของบทความแทนที่จะพยายามเขียนเรียงความให้ยาว It is not necessary to copy the question into your essay: you would lose time for nothing. Instead, use this time to show the examiner how well you develop your answer. Is it coherent with the question? Are the main ideas illustrating or developing effectively your point? Is your answer clear and understandable? You should pay more attention to these criteria instead of trying to lengthen your essay. 19 7. บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารเวลาที่ดีคือหนึ่งในกุญแจสู่ความสำ�เร็จ ความจริงคือ Task 2 มีน้ำ� หนักคะแนนสูงกว่า Task 1 อย่างเท่าตัว ขอแนะนำ�ให้คุณใช้เวลาประมาน 20 นาทีสำ�หรับการทำ�ข้อสอบ Task 1 และ 40 นาที สำ�หรับการทำ�ข้อสอบ Task 2 ในตอนท้ายของแต่ละTask อย่าลืมเผื่อเวลาเพื่อการพิสูจน์อักษรของคุณ ตรวจสอบสะกดไวยากรณ์ และเครื่องหมายวรรคตอน 7. Manage your time effectively The key to success is how well you manage your timing. Task 2 values twice as much as Task 1. It is recommended that nearly 20 minutes on Task 1 and nearly 40 minutes on Task 2. At the end of each task, remember to save some time to proofread your writings in terms of spelling, grammar and punctuation. 20 21 8. ใช้การแบ่งย่อหน้า เพื่อให้คำ�ตอบของคุณอ่านและทำ�ความเข้าใจได้ง่าย วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำ�ให้ผู้ตรวจข้อสอบประทับใจคือการเขียนรายงานที่มีโครงสร้างอย่างชัดเจน การใช้ย่อหน้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ ดังนั้น ผู้ตรวจข้อสอบจะเข้าใจสิ่งที่คุณอยากถ่ายทอดและจะไม่เกิดความรู้สึกรำ�คาญกับการสื่อสารที่สับสน นอกจากนี้พวกเขาจะต้องใช้เวลา น้อยขึ้นในการอ่านคำ�ตอบของคุณ ขอแนะนำ�ให้คุณนำ�เสนอแนวความคิด เพียงแนวคิดเดียวในแต่ละย่อหน้า และเขียนเนื้อหาที่สำ�คัญที่สุดในประโยคแรกของแต่ละย่อหน้า 8. Use paragraphs to make your answer easier to read and understand The best option to impress the examiner is that you use a clear structure in your answer. Paragraphs are the best way to do so! This way, the examiner will know exactly what you want to express and will not be annoyed by a confused answer. As an addition, he will need less time to read your answer, which could make him happy (correcting IELTS tests is probably not his favorite activity…). We recommend developing one idea in each paragraph and stating the most important content in the first sentence. 22 23 SECTION 2 SPEAKING 24 25 1. อย่าสื่อสารแบบถามคำ�ตอบคำ� โปรดใช้ความระมัดระวังเมื่ออยู่ระหว่างการสอบทักษะการพูด เพราะว่าคุณไม่เพียงต้อง ตอบคำ�ถามแต่คุณต้องพัฒนาแนวคิดของคุณอย่างต่อเนื่องไปในเวลาเดียวกัน อย่างไร ก็ตาม การพูดมากเกินไปอาจเกิดความเสี่ยงขึ้นได้: มันจะทำ�ให้คำ�ตอบของคุณยาวเกินไปและ สามารถชี้นำ�ไปสู่การทำ�ความเข้าใจที่ลำ�บากยิ่งขึ้น ตัวอย่าง “Where are you from?” Wrong: “I am from Bangkok.” อย่าจบประโยคเพียงแค่นี้ คุณต้องต่อยอดจากคำ�ตอบของคุณ ตามตัวอย่างต่อไปนี้ Right: “I am from Bangkok. It is the capital and is also the most populous city of Thailand.” ถ้าคำ�ตอบของคุณสั้นเกินไป ผู้ตรวจสอบจะคิดว่าคุณไม่สามารถต่อยอดบทสนทนาได้ และ นั่นอาจทำ�ให้คุณถูกหักคะแนน 1. Don’t use one word answer The examiner will evaluate your speaking skills, therefore if your answer is a too short, he will think that you can’t speak correctly and will get a low mark. Be confident while taking the test, answer the question but develop it. However, speaking too much can also be dangerous: it could make your answer unclear and difficult to understand. Example: “Where are you from?” “I am from Bangkok (keep going!), which is the capital and is also the most populous city of Thailand.” 26 27 2. ใช้คำ�ศัพท์อย่างหลากหลายทั้งคำ�ศัพท์ง่ายๆ และคำ�ศัพท์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ความรู้เกี่ยวกับคำ�ศัพท์เป็นหนึ่งในส่วนที่สำ�คัญที่สุดของข้อสอบการพูด ความ สามารถในการใช้คำ�ศัพท์อย่างสูงจะทำ�ให้ผู้สอบสัมภาษณ์รู้ว่าคุณมีความมั่นใจ ในการพูดภาษาอังกฤษ วิธีที่ดี ในการพัฒนาด้านคำ�ศัพท์คือการเรียนรู้คำ�ที่มี ความหมายเหมือนกัน (Synonym) และคำ�ที่มีความหมายตรงข้าม (Antonym) กับคำ�ที่คุณรู้อยู่แล้ว มันเป็นสิ่งสำ�คัญที่จะเรียนรู้คำ�ที่มีความหมายเหมือนกัน แต่สามารถยกระดับในการสื่อสารที่แตกต่างกัน ตัวอย่าง: ใช้ “Essential” แทน “important” ใช้ “Depressed” แทน “sad” และนั่นอาจทำ�ให้คุณถูกหักคะแนน 28 2. Use various and developed vocabulary A diverse knowledge of vocabulary is also one of the most important keys in the speaking section. Being able to express yourself using various vocabulary will show the examiner that you are confident in speaking English. A good way to develop your vocabulary is to learn synonyms and antonyms of words you already know. An even higher exercise is to learn words with the same meaning but a different intensity. Example: “Essential” instead of “important” “Depressed” instead of “sad”. 29 3. ตอบคำ�ถาม ด้วยการใช้หลักไวยากรณ์ที่ถูกต้อง ระหว่างการสอบทักษะการพูด คุณต้องใช้ไวยากรณ์อย่างเหมาะสมและถูกต้อง ขึ้นอยู่กับคำ�ถามของผู้ คุมสอบ คุณจะต้องปรับไวยากรณ์ ในคำ�ตอบของคุณ หากคุณได้ยินคำ�ถามที่ ใช้ Past tense อย่างเช่น “What were you like as a child?” คุณก็ควรใช้ Past tense ในการตอบคำ�ถามเช่นเดียวกัน 30 3. Use the correct tense to answer the question Make sure you use the correct tense to reply the examiner. Based on his question, you will have to adapt the tense in your answer. If you hear a question in past tense, like “What were you like as a child?” a good answer will use the simple past tense. The examiner always pays attention to this because making a mistake would unveil a grammar issue. 31 4. ฝึกพูดและแก้ไขจุดบกพร่องในการพูดของ คุณอยู่เสมอ เมื่อคุณพูดภาษาต่างประเทศ การพูดชัดถ้อยชัดคำ�เป็นสิ่งสำ�คัญที่คุณต้อง พยายามทำ�ให้ได้ หากสำ�เนียงของคุณที่ฟังแปลกๆ มันสามารถทำ�ให้ผู้ตรวจ สอบเข้าใจคุณยาก ใช้เวลาฝึกการพูดของคุณให้ผู้ฟังสามารถทำ�ความเข้าใจได้ ง่าย จะให้เกิดผลดีต่อการพูดของคุณ อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องงปกติที่คุณ อาจพูดผิด ดังนั้นคุณควรแก้ไขให้ถูกต้อง และดำ�เนินบทสนทนาต่อไปอย่างลื่น ไหล ผู้คุมสอบจะไม่ตัดคะแนนคุณตราบใดที่คุณไม่พูดผิดบ่อยๆ 4. Try to speak clearly and correct yourself When you speak a foreign language, it is important to speak clearly. Your accent can make it difficult for your audience to understand you and your lack of vocabulary may lead to mistakes. Take the time to formulate your answer in an easily understandable way, focus on pronunciation and make every single word clear and easy to hear. This makes an excellent effect on your speaking. However, it is normal to make some mistakes sometimes like using the wrong. When it happens, correct it (and maybe apologize to the examiner) and keep going with the answer. He will not judge you for the mistake because everyone makes some, and he will see that you are able to correct yourself. 32 33 5. อย่าลืมใช้ภาษากายขณะพูด การทดสอบทักษะการพูดที่ดี ไม่เพียงทดสอบความสามารถในการใช้ภาษา แต่ก็ ยังทดสอบทักษะแสดงออกความคิดของคุณ ในสถานการณ์บางอย่าง ภาษากาย หรือท่าทางจะช่วยคุณมาก มันจะทำ�ให้บทสนทนาระหว่างคุณและผู้ตรวจสอบมี ทั้งความสุขและเป็นกันเองกันมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การเบนสายตาหรือหลีก เลี่ยงการสบตาผู้พูด นั่นอาจแสดงว่าคุณไม่มีความมั่นใจ มากและทำ�ให้คะแนน ของคุณออกมาไม่ดีเท่าที่ควร 5. Using body gestures while speaking A good speaking is not only contributed by the suitable words but also the way you express it. Body language or gestures can be very good in some situations. This makes the conversation between you and the examiner friendly and exciting. For example, looking away or avoiding eye contact may show that you are not very confident or lying, and this is not good in a speaking test. With a good body language, you will prove that you are a great communicator. 34 35 36 6. อย่าลืมโฟกัสเรื่องหลักของข้อสอบทักษะการพ ก 6. Focus on the main subject. อย่าเข้าใจผิดหรือพูดเรื่องอื่นๆ ที่ ไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหลักเมื่อขยายคำ�ตอบ หากคำ� อธิบายของคุณไม่ตามเรื่องหลัก ผู้ตรวจสอบจะคิดว่าคุณไม่เข้าใจหัวข้อและจะหักคะแนน ของคุณ คุณควรจดจำ� keywords และหากคุณคิดว่าคุณขาดตกอะไรบางอย่าง คุณ ต้องถามผู้ตรวจสอบให้ทวนคำ�ถามอีกครั้ง Don’t misunderstand or digress from the main topic when expanding your answer. If the subject is not kept on the right track, your examiner will think you do not understand it and may give fewer points. You should remember the given keywords and ask the question again if you miss something. 37 7. เตรียมพร้อมกับความคิดของคุณ จัดเวลาตัวเองที่พูดใน 2 นาที และจัดเนื้อหาที่คุณสามารถครอบคลุมได้ ตอนทำ� ข้อสอบ คุณมีเวลาที่สั้นมากในการแสดงออกแนวคิดของคุณ แต่ตอนที่หมดเวลา สอบ ผู้ตรวจสอบจะไม่ยอมให้คุณมีเวลาเพิ่ม คุณควรฝึกความสามารถในการ ถ่ายทอดความคิดของคุณที่ชัดเจนด้วยโครงสร้างที่ดีภายในสองนาที คุณควรฝึกที่ บ้านหรือฝึกกับเพื่อน เมื่อไรก็ตามที่มีแนวคิดดีๆ ที่อยากถ่ายทอด หลังจากนั้นต่อไป รับรองว่าคุณจะพูดคุยและตอบบทสนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติ 7. Prepare your ideas. Get an idea of how long two minutes is and approximately how much content you have to cover. This is a very short time to express your ideas, but it is all you will get. You should practice to be able to give your ideas in a clear a structured way, within two minutesPractice at home or with your friends, whenever you can, with any topic that comes to your mind. As you know, practice makes it perfect. After a lot of preparation, you will talk and react more naturally. 38 39 SECTION 3 LISTENING 40 41 42 1. ใช้เวลาในการทำ�ความเข้าใจโครงสร้างของ ข้อสอบอย่างชัดเจน 1. Take the time to clearly understand the structure of the test การเข้าใจโครงสร้างของ IELTS อย่างชัดเจนเป็นสิ่งสำ�คัญในข้อสอบทักษะการ ฟัง การสอบแบ่งออกเป็น 4 sections และจาก Section 1 ถึง Section 4 ระดับของความยากข้อสอบจะเพิ่มขึ้นตามลำ�ดับ Section 1 เป็นบทสนทนาในชีวิตประจำ�วันระหว่างคนสองคน มันเป็นส่วนที่ ง่ายที่สุดของข้อสอบทักษะการฟัง IELTS คุณจะฟังบางบริบททางสังคมของ กิจกรรมประจำ�วัน เช่น การจองตั๋วเดินทาง, นัดหมายกับเพื่อนไปเที่ยว ฯลฯ Section 2 คุณถูกทดสอบกับบทพูดแบบ Monologue (การพูดแบบผู้พูด คนเดียว) อย่างเช่น การบอกทิศทาง คุณจะต้องฟังข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง ที่ เกี่ยวข้องกับสถานที่ ที่อยู่ ฯลฯ หรือคำ�แนะนำ�เกี่ยวกับหัวข้อทั่วไป เช่น โรงเรียน การท่องเที่ยวการฟังเพลง การเล่นกีฬา ฯลฯ Section 3 มักจะเป็นบทสนทนาระหว่างคนอย่างน้อย 2 คน ส่วนใหญ่เรื่อง มักจะเป็นหัวข้อทางวิชาการซึ่งจะทำ�ให้มันซับซ้อนและยากมากขึ้นกว่า Section ก่อนหน้า สุดท้าย Section 4 อาจจะเป็นหัวข้อทางวิชาการที่มีคำ�ศัพท์เทคนิคต่างๆ ใน Section นี้ บางครั้งคุณอาจจะได้ยินผู้พูดคนอื่นพูดคุยหรือตั้งคำ�ถาม First of all, it is so important to understand clearly the structure of IELTS Listening test. There are four sections and there is a smooth increase in difficulty from section 1 to section 4. The first section is commonly a daily conversation between two speakers. In the easiest part of IELTS Listening test, you will listen to some social contexts of daily activities: booking a trip, arranging a night out with friends, etc. In the second section, you will usually be questioned about a monologue which is about direction (You will often need to listen for specific information - that is places, address, location, etc.) or introduction of a common topic (School, travel, music, sport etc.). The third section will most likely be a conversation between at least 2 people. The subject is very often an academic topic which makes it more complicated than the previous questions. At last, the fourth section is about an academic topic in which you will find a lot of academic words. In this section, you will be tested for listening skill by hearing a monologue on an academic subject. Sometimes, you may hear another speaker introducing the talk or asking questions. 43 2. พยายามที่จะทำ�นายหัวข้อแม้ ก่อนที่จะเริ่มต้นการทดสอบ หัวข้อหลักของการทดสอบทักษะการฟังมักจะเกี่ยวข้องกับการศึกษา ช้อปปิ้ง โรงเรียน ความบันเทิงหรือ เรื่องเกี่ยวกับการทำ�งาน เทคนิคที่ดีคือการพยายามทำ�นายหัวข้อของการทดสอบก่อนที่จะเริ่มสอบ ดังนั้นการ อ่านคำ�ถามต่างๆ อย่างละเอียด ก่อนการสอบจะเริ่มขึ้น จะช่วยให้คุณเข้าใจหัวข้อหลักของการสอบมากยิ่งขึ้น 44 2. Try to predict the topic even before the test begins The main topic of the Listening test is usually relative to studying, shopping, school, entertainment, work. A good technique is to try to predict the topic of the test even before the listening part begins. In order to do so, read the questions carefully and you will be able to have a clear idea of what you are about to listen. Predicting the topic successfully allows you to have a better preparation, which absolutely leads to higher scores. 45 3. ค้นหา Keywords ในคำ�ถาม ก่อนที่จะทำ�ข้อสอบ คุณจะได้มีเวลาในการอ่านคำ�ถาม แล้วควรใช้อย่างมี ประโยชน์โดยการขีดเส้นใต้คำ�สำ�คัญ (เช่น ชื่อ สถานที่ เวลา ) ทำ�ตามวิธีอย่างนี้ คุณสามารถรับรู้ข้อมูลที่สำ�คัญและหาคำ�ตอบที่ถูกต้องอย่างง่ายขึ้น 3. Find the keywords in the questions At the beginning of the test, you will always have time to read the questions. You can use this precious time to catch and underline the key words (such as names, venue, time…): this way, it will be easier for you to spot the important information and find the correct answer. 46 47 4. บริหารเวลาให้ดีที่สุด คุณต้องโฟกัสไปที่การฟังและการหาคำ�ตอบ แต่คุณยังต้องใส่ ใจกับเวลาในการ ทำ�ข้อสอบ พยายามที่จะจับใจความสำ�คัญและบริหารเวลาของแต่ละคำ�ถาม ยก ตัวอย่างเช่นใน Section 1 คุณมี 10 นาทีจะตอบคำ�ถามข้อ 1-5 หมายความว่า คุณต้องแบ่งเวลาเพื่อให้ตอบ 1 คำ�ถามภายใน เวลา 2 นาที 4. Use your time in the best way Of course, you will have to focus on listening and finding the correct answers, but you must also pay close attention to the time. Try to catch the key words and set the time for each question. For example, in section 1 you have ten minutes to do questions 1-5, it means that you have to divide the time for each question, so that two minutes for a question is fine. 48 49 50 5. ระมัดระวังเรื่องข้อกำ�หนดในการตอบคำ�ถาม 5. Be careful with the answer requirement. การเคารพในกติกาและเงื่อนไขของการตอบคำ�ถามถือเป็นเรื่องที่สำ�คัญ บาง คำ�ถามอาจจะจำ�กัดจำ�นวนหรือชนิดของคำ�ที่ ใช้ในการตอบ (คำ�คุณศัพท์ คำ�นาม ฯลฯ ) หากคุณไม่สามารถทำ�ตามข้อกำ�หนดได้ คุณจะถูกหักคะแนน ตัวอย่าง “Question 36 – 40: Complete the table below. Write NO MORE THAN TWO WORDS for each answer.” คุณจะเห็นว่า คำ�ถามข้อที่ 36 -40 กำ�หนดไว้ชัดเจนว่า คุณต้องไม่ ใช้มากกว่า สองคำ�ในการตอบคำ�ถามแต่ละคำ�ถาม It is important to respect the answer requirements. Some questions may be limited to a specific number of words or specific kind of words (adjectives, nouns etc.) If you fail to respect these requirements, you will be penalized by the examiner. For example: “Question 36 – 40: Complete the table below. Write NO MORE THAN TWO WORDS for each answer.” It is specifically mentioned that you must not use more than two words to answer each of the questions. สองคำ�ในการตอบคำ�ถามแต่ละคำ�ถาม 51 52 6. ถ้าหาคำ�ตอบที่ดีที่สุดไม่เจอ พยายามเดาตัว เลือกที่ ใกล้เคียงที่สุด 6. In case you struggle to find the good answer, try to guess. ถ้าคุณไม่สามารถตอบคำ�ถาม อย่าปล่อยให้พื้นที่กระดาษคำ�ตอบว่าง พยายาม ที่คาดเดาดีกว่า จะมีหลายปมในคำ�ถามที่จะช่วยให้คุณหาคำ�ตอบที่ถูกต้องได้ ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะรู้ว่าคำ�ตอบจะต้องเป็นคำ�นามคำ�คุณศัพท์จำ�นวนหรือ สถานที่ คุณยังสามารถใช้ความต้องการในคำ�ถามที่จะช่วยได้ ถ้าคุณกำ�ลังลังเล ระหว่างหลายคำ�ตอบ จงเลือกคำ�ที่เหมาะที่สุด ถ้าคำ�ตอบผิด หรือถ้าคุณปล่อย ให้พื้นที่ว่าง คุณจะก็ ได้คะแนนเป็นศูนย์เหมือนกัน ดังนั้นคุณไม่มีอะไรจะเสียใน การคาดเดา If you are not able to answer a question correctly, don’t leave a blank space, try to guess it. There will be several clues in the question to help you. For instance, you may know that the answer must be a noun, an adjective, a number, a place… You can also us the requirements to help: if you are hesitating between several answers, pick the one that fits them. You cannot lose points on the IELTS test: if your answer is wrong or if you leave a blank space, you will just have zero at this question. You have nothing to lose in guessing! 53 7. ตรวจสอบคำ�ตอบของคุณ 7. Double check your answers ตอนที่คุณทำ�ข้อสอบทักษะการฟังคุณอาจจะรู้สึกกดดัน และรีบที่จะเขียนคำ�ตอบ เพราะคุณกังวลว่าคุณอาจจะฟังไม่ทันส่วนที่เหลือของเทป แต่ ไม่ต้องกังวลไป เพราะเมื่อคุณตอบคำ�ถามจดจำ� คุณจะมีเวลาตรวจสอบการสะกดและไวยากรณ์ อย่าลืมตรวจซ้ำ�คำ�ตอบของคุณตอนท้ายของการทดสอบ คุณอาจเสียคะแนนถ้า คุณไม่ระวัง During the listening test, you may feel pressured and hurry to write the answer because you fear to miss the rest of the tape. That is okay, but when you are done answering the questions, make sure that there’s no error in your spelling and grammar. Double check your answer at the end of the test; you may lose some points stupidly if you are not careful enough. ตัวอย่างเช่น: การใช้คำ�กริยา (verb) แทนคำ�คุณศัพท์ (adjective) : ban/banned การใช้ไวยากรณ์ที่ผิดของคำ�กริยา: She had been through/she has been through เป็นต้น 54 For example: Using a verb instead of an adjective: ban/banned Using the wrong tense of a verb: She had been through/ she has been through 55 8. ฝึกฝนบ่อยๆ ทำ�ให้เก่งได้ คุณควรฝึกการฟังสำ�เนียงที่แตกต่างกันเพื่อให้ความคุ้นเคยกับน้ำ�เสียงและการออก เสียง ยิ่งคุณฝึกฝนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งง่ายในการรับรู้สำ�เนียงของคุณ วิธีที่ดี ในการฝึกทักษะการฟังของคุณคือการดูภาพยนตร์โดยไม่เปิดซับไตเติ้ล นอกจากนี้คุณยังสามารถดาวน์โหลดพอดคาสต์วิทยุทั่วโลกและฟังก่อนนอนได้ฟรีอีก ด้วย 8. Practice makes it perfect! Try to practice listening as much as you can and make sure you practice with many different accents in order to make yourself familiar with their intonation and pronunciation. The more you practice, the more accents you can recognize and that is a big chance for you to pass the IELTS Listening test. A very good way to practice your listening skills is to watch movies without subtitles. You can also download free podcasts from radios all over the world and listen to them just before going to bed: it will highly improve your memory. 56 57 58 9. มีสติและทำ�ข้อสอบให้สุดความสามารถ 9. Keep calm and do your best ถ้าคุณรู้สึกกังวลคุณควรใช้เวลาหายใจลึกๆก่อนทำ�ข้อสอบ การเคี้ยวหมาก ฝรั่งสามารถช่วยให้คุณมีสมาธิ หลีกเลี่ยงอาการตกอกตกใจ ถ้าคุณไม่สามารถ ตอบคำ�ถาม ลองเดาและทำ�ข้ออื่นก่อน มิฉะนั้นคุณจะเสียเวลาและหมดความ มั่นใจในการทำ�ข้อสอบ If you feel nervous, you can take a deep breath before the test. Chewing gum is also helpful to control your feeling and help you concentrate. Avoid panicking: is you cannot answer a question, try to guess and move on. Otherwise you will lose a lot of time and also your confidence. Be confident in your choice: if you followed our tips, nothing can stop you from passing the IELTS listening test. 59 SECTION 4 READING 60 61 1. เพิ่มพูนทักษะการอ่านของคุณ 1. Develop your reading techniques เราแนะนำ�ให้คุณใช้เทคนิคการอ่านสองอย่างที่จะสามารถช่วยให้คุณได้คะแนนที่ดี ในข้อสอบ IELTS ทักษะการอ่าน การ Scanning และ Skimming We recommend you to use to reading techniques that will be really helpful for the IELTS Reading test: scanning and skimming. Skimming มีความจำ�เป็นเมื่อคุณ ต้องการหา ใจความหลักของบทความ โดย ภาพรวม การอ่านแบบ Skimming คุณต้องอ่านหัวเรื่องและหัวเรื่องย่อ (หาก มี) บทเกริ่นนำ� ประโยคแรกในแต่ละย่อหน้า และมองหาคำ�พิเศษบางคำ�เช่น คำ� สรรพนาม คำ�ที่เป็นตัวพิมพ์ ใหญ่ คำ�ที่ถูกขีดเส้นใต้ ทำ�ตัวหนา ทำ�ตัวเอียง ฯลฯ Scanning เป็นวิธีการอ่านเพื่อหาข้อมูลเฉพาะ เช่น ตัวเลข วันที่ สถานที่ ชื่อ คน เป็นต้น โดยที่คุณไม่จำ�เป็นต้องอ่านบทความทั้งบทความ เมื่อคุณสแกนอ่าน พึงระลึกถึงข้อมูลที่คุณต้องการค้นหา อาธิ Keywords จากคำ�ถาม เนื้อหาที่ อาจเป็นคำ�ตอบ หรือ คำ�ใบ้ที่อยู่ ในบทความ ฯลฯ) คุณอาจต้องตัดสินใจว่าส่วน ไหนของบทความที่คุณต้องการหาข้อมูลโดยเฉพาะ ในกรณีที่บทความข้อสอบ นั้นมีความยาว หรือมีเนื้อหาที่มีความยากเกินไป ดังนั้นวิธีการทั้งสองวิธีการนี้เทคนิคการอ่านอย่างนี้อาจจะช่วยให้คุณมาก อย่า ลืมนำ�ไปใช้ในการทำ�ข้อสอบ นอกจากนี้คุณยังสามารถนำ�เทคนิคที่ว่านี้มาอ่าน คำ�ถามก่อนเพื่อทำ�ความเข้าใจในด้านเนื้อหาโดยคร่าว การหา Keywords จาก คำ�ถาม จะช่วยคุณหาคำ�ตอบได้เร็วยิ่งขึ้น Skimming is necessary when you want to cover the main ideas and have an overall view of the article’s content. In order to skim, you need to read the title and subheadings (if there are any), the introduction, first sentences of each paragraph, and notice special words such as pronouns, words that are capitalized, underlined, bold, italics, etc. Scanning is a method useful in locating specific information (time, date, fact, etc.) without the need to read the entire article. When you scan, keep in mind the piece of information you are looking for (keyword from the question, possible answer, any clue given, etc.). You might want to determine which part of the article you would need to search for, in case the article you are working with is too lengthy or too difficult. These techniques are really useful: make sure you use them while reading the test. Besides, you can also use these tools before the test to check the questions first in order to get a basic understanding of the subject. Finding out the key words of the questions is very helpful for you to spot the answer. 62 63 2. ระมัดระวังเรื่องเงื่อนไขในการตอบคำ�ถาม การเคารพในกติกาและเงื่อนไขของการตอบคำ�ถามถือเป็นเรื่องที่สำ�คัญ บางคำ�ถามอาจจะจำ�กัดจำ�นวนหรือชนิดของคำ�ที่ ใช้ในการตอบ (คำ� คุณศัพท์ คำ�นาม ฯลฯ ) หากคุณไม่สามารถทำ�ตามข้อกำ�หนดได้ คุณจะถูกหักคะแนน ตัวอย่าง หากคำ�สั่งบอกว่า “answer in up to 3 words” หมายความว่า คุณต้องไม่ตอบคำ�ถามโดยใช้คำ�มากกว่า 3 คำ� ในการตอบคำ�ถามแต่ละคำ�ถาม 64 2. Be careful with the answer requirement. It is important to respect the answer requirements. Some questions may be limited to a specific number of words or specific kind of words (adjectives, nouns etc.) If you fail to respect these requirements, you will be penalized by the examiner. For example, if the instructions say “answer in 2 words”: It is specifically mentioned that you must not use more than two words to answer each of the questions. 65 66 3. ตรวจทานคำ�ตอบของคุณ 3. Double check your answers ตอนที่คุณทำ�ข้อสอบคุณอาจต้องการเขียนคำ�ตอบอย่างรวดเร็ว เพื่อให้มั่นใจ ว่าคุณนั้นได้ตอบคำ�ถามครบทุกข้อ นั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่เมื่อคุณตอบ คำ�ถามเสร็จหมดทุกข้ออย่างเรียบร้อย อย่าลืมที่จะตรวจทานอย่างถี่ถ้วนว่าไม่มี ข้อผิดพลาดอยู่ ในการสะกดคำ� หรือ ไวยากรณ์ การตรวจทานคำ�ตอบของคุณ ในช่วงท้ายของการสอบ ทำ�ให้คุณลดโอกาสการถูกหักคะแนนออกไปได้ During the test, you may want to write the answers quickly to make sure you have enough time to answer all of them. That is okay, but when you are done answering the questions, make sure that there’s no error in your spelling and grammar. Double check your answer at the end of the test; you may lose some points if you are not careful enough. 67 4. อย่าเสียเวลามากเกินไปในหนึ่งคำ�ถาม คำ�ถามบางข้ออาจจะง่ายมาก และบางข้ออาจจะยากกว่า ดังนั้น อย่าเสียเวลาเพื่อหาคำ�ตอบของคำ�ถาม ยากๆ ที่คุณยังหาคำ�ตอบไม่ ได้ คุณสามารถกลับมาเพื่อตอบคำ�ถามนั้นๆตอนที่คุณมีเวลาเหลืออยู่ 68 4. Don’t spend too much time on a question Some of the questions will be so easy and some will be quite difficult. Therefore, if you cannot find an answer to a certain question, you should move on and don’t spend too much time on answering it. You can come back later and try answering those questions again if you have enough time. 69 5. บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนใหญ่ ผู้เข้าทำ�การทดสอบจะมาหมดเวลาตอนที่ทำ�ข้อสอบถึง Section 3 เพราะว่าไม่สามารถจัดสรรเวลาได้ดีเท่าที่ควร คุณมี 1 ชั่วโมงเพื่อให้ทำ�ทั้ง 3 Sections ของข้อสอบทักษะการอ่าน คุณควรใช้เวลาอย่างน้อย 20 นาทีเพื่อ ทำ�แต่ละ Section ถ้า Sectionไหนง่าย คุณต้องทำ�อันนี้ก่อนอย่างรวดเร็ว แล้วคุณจะมีเวลาเหลือเพื่อทำ� Section อื่นๆ 5. Manage your time efficiently Most of the IELTS test takers run out of time in the third reading section because they managed their time poorly. You have one hour to answer the three reading sections: make sure you spend 20 minutes on each. If you find that one of the sections is easy, try to answer quickly so that you have more time for the other ones. 70 71 72 6. พัฒนาคลังคำ�ศัพท์ของคุณ 6. Expand your vocabulary พยายามเรียนรู้คำ�ศัพท์ ให้มากที่สุดเท่าที่คุณทำ�ได้ ส่วนคำ�พ้องความหมาย (Synonyms เป็นสิ่งจำ�เป็นมากสำ�หรับการสอบทักษะการอ่าน) คุณต้องจำ�ไว้เสมอว่า เมื่อไหร่ที่คุณเรียน คำ�ศัพท์ ใหม่ๆ พยายามเรียนคำ�พ้องความหมายด้วย ยิ่งคุณรู้ศัพท์มากเท่าไร คุณก็จะพบ ปัญหาน้อยมากในการทำ�ความเข้าใจคำ�ถาม และการทำ�ข้อสอบจะกลายเป็นเรื่องง่ายสำ�หรับ คุณ เทคนิคนี้ก็ยังจำ�เป็นสำ�หรับการสอบทักษะการเขียนและการพูดอีกด้วย Try to learn as much vocabulary as you can during your studies; Synonyms are really useful in the reading test: every time you learn a new word, try to learn some synonyms as well. The more vocabulary you recognize, the less problems you will have to understand the test it will be easy for you to answer the question.This time is also great for the writing and speaking tests. 73 74 7. ฝึกฝนบ่อยๆ ทำ�ให้เก่งได้ 7. Make sure to practice พยายามฝึกฝนทักษะการอ่านอย่างสุดความสามารถของคุณเองด้วยการอ่าน หลายรุปแบบ ด้วยคำ�ถามต่างๆ ของแต่ละรูปแบบของบทอ่าน คุณต้องหาคำ� ตอบให้เหมาะสมที่สุด ถ้าคุณฝึกบ่อย คุณจะมีความมั่นใจในการทำ�ข้อสอบจริง ทำ�ตามวิธีนี้ คุณสามารถประหยัดเวลาและสามารถทำ�ข้อสอบได้ดียิ่งขึ้น Practice the reading test as much as you can, will all the different types of reading question. The way you have to answer the questions may be quite different and the more you are used to the distinct possibilities, the more confident you will be in your answer. This way, you will save time and will be able to give better answers. 75 IELTS Focus Course by Wall Street English IELTS Focus Course by Wall Street English Wall Street English IELTS ใหม่ล่าสุดจาก วอลล์สตรีทอิงลิช ที่จะช่วยให้คุณ พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้พร้อมสำ�หรับการสอบ IELTS Wall Street English offers a specific course specially designed for the preparation of the IELTS test. With our specific method and our experienced teachers, you will improve on the four different communication skills tested by IELTS. สอนโดยอาจารย์ชาวต่างชาติที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการสอบวัดระดับ IELTS ด้วยหลักสูตรคุณภาพและวิธีการเรียนการสอนที่แตกต่างลิขสิทธิ์เฉพาะหนึ่ง เดียว ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เทคนิคที่สำ�คัญ และฝึกฝนอย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียน จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถพัฒนาทักษะทั้ง 4 ด้านได้ตรงกับมาตรฐานที่ผู้ออกข้อสอบ ต้องการ เพื่อให้ได้คะแนนที่ดีที่สุด โดยเราการันตีผลคะแนน IELTS 7.0 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 1211 www.wallstreetenglish.in.th/courses/ielts-focus 76 We guarantee your success to achieve your perfect IELTS score. If you are dissatisfied with your score, you can retake the course for free. (Terms and conditions apply.) Hot Line 1211 www.wallstreetenglish.in.th/courses/ielts-focus 77 78 79 Hotline: 1211 www.wallstreetenglish.in.th 80