Uploaded by Sitthichoke Lowpinyosiri

เด็กกับครอบครัวไทยในปัจจุบัน

advertisement
เด็กกับครอบครัวไทยในปัจจุบน
ั
ทุกวันนี้คนไทย การดาเนินชีวิตประจาวันล้วนมีเรื่องของเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งนั้น
ในยุคของการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่ทาให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
เป็นที่หน้าสังเกตว่า ความสัมพันธ์ ตลอดจนรูปแบบการดาเนินชีวิตของครอบครัวไทย
ในปัจจุบันมีความแตกต่างไปจากครอบครัวไทยในอดีต พ่อ แม่ ลูก ห่างเหินกันมากขึ้น
แต่ละคนต่างเป็นอิสระต่อกัน
มีทิศทางของตนเองทุกคนในครอบครัวใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่สังคมนอกบ้านทางานหนัก เรียนหนัก
บ้านเป็นเพียงที่พักพิงยามสมาชิกหมดภารกิจ
พ่อแม่ ผู้ปกครอง ก็มีวิธีการเลี้ยงดูหลานที่แตกต่างไปจากเดิม พ่อ
แม่ทางานเหนื่อยกลับมาบ้านอยากพักผ่อนบ้างเป็นผลใกล้คราวใกล้ชิดสนิทสนมตามแบบธรรมเนียมไทยลดลง
หลายครอบครัวเลี้ยงลูกด้วยวิทยาการสมัยใหม่ให้เครื่องยนต์กลไกเป็นผู้ดูแลอบรมสั่งสอนลูกแทนตน
ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วีดิโอ อุปกรณ์การเล่นอันทันสมัยนานาชนิด
อีกอย่างหนึ่งที่ตามมา ในยุคที่อุดมไปด้วยความเจริญรวดเร็วนี้ ก็เห็นจะได้แก่ ความวิตกกังวลของผู้เป็นพ่อแม่
ที่เกรงว่าลูกหลานของตนจะรู้น้อยกว่าเด็กอื่น ไม่ทัดเทียมลูกบ้านอื่น ดังนั้นเด็กตัวเล็กๆ
จึงถูกผู้ใหญ่กักเกณฑ์ให้ทาสิ่งต่างๆ ที่เกินวัยของเข้าอยู่ตลอดเวลา สมองน้อยๆ ของพวกเขา ต้องคิด
ต้องจดจา รับรู้ความรู้วิทยาการต่างๆ มากขึ้น ต้องเรียนให้หนัก ต้องเรียนพิเศษ
ต้องหาความสามารถพิเศษใส่ตัว เด็กเองก็เกิดความรับรู้ว่าตนจะต้องทาแบบนั้นเพราะ ใครๆ เขาก็ทากัน
ถ้าไม่ทาก็สู้คนอื่นไม่ได้ หรือแม้ไม่อยากทาเด็กถูกผู้ใหญ่ใส่ความคิดให้อยู่ทุกวันว่าต้องทา แล้วสมองน้อยๆ
ความคิด ความรู้สึกอันบริสุทธิ์ของเขาก็ซึมซับเอาความคิดเหล่านี้ไว้โดยปริยาย
จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเลยที่จะพบว่าเด็กๆ
ในทุกวันนี้ดูไม่สดใสเท่าที่ควรจะจะเป็นแต่ละคนดูเคร่งเครียดเอาจริงเอาจัง เป็นผู้ใหญ่ตัวน้อยๆ ที่ช่างครุ่นคิด
นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กไทยในยุคนี้มีการเสดงออกหลายอย่างที่ผู้ใหญ่
เรียกว่าเป็นปัญหามากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เด็กมีความเป็นตัวของตัวเอง มีความคิดเป็นของตัวเอง
ซึ่งมักสวนทางกับความคิดของผู้ใหญ่อยู่เสมอเด็กหลายคนมีพฤติกรรมก้าวร้าว ต่อต้าน
ไม่เชื่อฟังเที่ยวเตร่กับกลุ่มเพื่อนโดยไม่สนใจความรู้สึกของผู้ปกครอง
หรือแม้กระทั่งการใช้สารเสพติดนานาชนิด ทั้งที่รู้เป็นสิ่งที่ให้โทษต่อร่างกาย มีพฤติกรรมบียงเบนไม่ว่าจะเป็น
ทอม ดี้ ตุ๊ด กวนเมืองตามแต่จะเรียนกัน เมื่อเกิดสิ่งนี้ขึ้นมา คงจะไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะมานั่งโทษกัน
ว่าใครผิด...
มาถึงวันนี้ยังไม่สายเกินไปที่บรรดา พ่อแม่ ผู้ปกครอง จะหันกลับไปให้ความสนใจในธรรมชาติของเด็กๆ ว่า
แม้เขาจะได้รับความสะดวกสบายในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ วิธีการเลี้ยงเด็กตามแบบไทยๆ
ก็ยังไม่เป็นเรื่องที่ล้าสมัย หากผู้ใหญ่รู้จักปรับวิธีการให้เหมาะสมกับยุคที่เปลี่ยนไป
กมลทิพย์ แก้วพรหม
พยาบาลวิชาชีพ
กวิชาการห่วงเด็กไทย ชีม
้ ป
ี ญ
ั หา ทัง้ ‘อ้วน-ไอคิวต่า-ความรุนแรงคิดติดกรอบ’
ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ
ผู้อานวยการศูนย์วช
ิ าการและเครือข่ายวิชาการด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว
คณะครุศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึง เด็กและเยาวชนไทยยุคปัจจุบน
ั ว่ากาลังเผชิญส
ถานการณ์เสีย
่ ง 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านโภชนาการ เด็กไทยมากกว่าร้อยละ 50
มีรูปร่างไม่สมส่วน และกว่าร้อยละ 10
เริ่มมีภาวะอ้วน 2.ด้านพัฒนาการทางสติปญ
ั ญา ไอคิวเฉลี่ยอยูท
่ ี่ 98.2 และร้อยละ
16 ของเด็กอายุ 0-5 ปี ยังมีพัฒนาการสงสัยล่าช้า
3.ด้านสังคม การเปิดโอกาสให้เด็กเรียนรูด
้ ้วยตนเองและการมีพื้นที่สาธารณะ
ให้เด็กไทยยังมีน้อย เน้นกิจกรรมแบบผู้ใหญ่สั่งเด็กทาตาม
ขาดการส่งเสริมการคิดริเริ่มสร้างสรรค์และการมีส่วนร่วมของเด็ก
กิจกรรมที่จัดเน้นงานแล้วจบไป
ให้ความสาคัญกับเด็กแค่เฉพาะเทศกาลวันเด็กเท่านั้น
ในขณะที่ต่างประเทศเปิดโอกาสให้เด็กคิดโครงการเพื่อสังคม
และพัฒนาตัวเองสู่การเป็นนักกิจกรรมสังคม
และ 4.ด้านภาวะทางจิต จากภาวะกดดันต่างๆ
และการขาดพื้นที่การแสดงออกถึงความเป็นตัวเองอย่างสร้างสรรค์
ทาให้เด็กในยุคนีเ้ กิดภาวะหลงผิด
และสร้างการยอมรับด้วยพฤติกรรมความรุนแรง
และการก่ออาชญากรรมทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์
ขณะที่ผลโพลล์ซึ่งศูนย์วิชาการและเครือข่ายวิชาการด้านเด็กเยาวชนและครอบค
รัวฯ ทาการสารวจระหว่างวันที่2-9 มกราคม 2562 มีผู้ตอบแบบสอบถามจานวน
199 คน ในจานวนนี้เป็นประชากรอายุ 7-24 ปี จานวน 122 คนคิดเป็นร้อยละ
61.3 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด
พบว่า สิง่ ทีเ่ ด็กอยากได้มากทีส
่ ด
ุ 4 อันดับแรกคือ 1.สิง่ ของ (ของขวัญ
โทรศัพท์ รถ บ้าน หนังสือ…) 2.คุณภาพชีวต
ิ (การศึกษาทีม
่ ค
ี ณ
ุ ภาพ
การใช้เวลากับครอบครัว ความสุข…) 3.เงิน และ4.การเมืองรูปแบบใหม่
ส่วนปัญหาเด็กและเยาวชนทีค
่ ด
ิ ว่าน่ากังวลทีส
่ ด
ุ 3 อันดับแรกคือ
1.ปัญหายาเสพติด 2.ปัญหาเกีย
่ วกับการเรียน/การศึกษา และ
3.ปัญหาการใช้ความรุนแรง/การก่ออาชญากรรม/ข่มขืน
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงคา 3
คาทีต
่ อ
้ งการบอกกับนายกรัฐมนตรีคนถัดไป พบว่า 4 อันดับแรกคือ
1.การมีคุณธรรม (อย่าคดโกง อย่าหลงอานาจ ต้องเป็นธรรม) 2.การพัฒนาชาติ
(เพื่อส่วนรวม แก้ปัญหาการศึกษา พัฒนาประเทศ ดูแลชนชั้นกลาง...)
3.การเมือง/การเลือกตั้ง และ 4.การสนับสนุนเด็กและเยาวชน
(ให้อิสระทางความคิด มีพื้นที่สร้างสรรค์...)
กวิชาการห่วงเด็กไทย ชีม
้ ป
ี ญ
ั หา ทัง้ ‘อ้วน-ไอคิวต่า-ความรุนแรงคิดติดกรอบ’
ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ
ผู้อานวยการศูนย์วช
ิ าการและเครือข่ายวิชาการด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว
คณะครุศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึง เด็กและเยาวชนไทยยุคปัจจุบน
ั ว่ากาลังเผชิญส
ถานการณ์เสีย
่ ง 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านโภชนาการ เด็กไทยมากกว่าร้อยละ 50
มีรูปร่างไม่สมส่วน และกว่าร้อยละ 10
เริ่มมีภาวะอ้วน 2.ด้านพัฒนาการทางสติปญ
ั ญา ไอคิวเฉลี่ยอยูท
่ ี่ 98.2 และร้อยละ
16 ของเด็กอายุ 0-5 ปี ยังมีพัฒนาการสงสัยล่าช้า
3.ด้านสังคม การเปิดโอกาสให้เด็กเรียนรูด
้ ้วยตนเองและการมีพื้นที่สาธารณะ
ให้เด็กไทยยังมีน้อย เน้นกิจกรรมแบบผู้ใหญ่สั่งเด็กทาตาม
ขาดการส่งเสริมการคิดริเริ่มสร้างสรรค์และการมีส่วนร่วมของเด็ก
กิจกรรมที่จัดเน้นงานแล้วจบไป
ให้ความสาคัญกับเด็กแค่เฉพาะเทศกาลวันเด็กเท่านั้น
ในขณะที่ต่างประเทศเปิดโอกาสให้เด็กคิดโครงการเพื่อสังคม
และพัฒนาตัวเองสู่การเป็นนักกิจกรรมสังคม
และ 4.ด้านภาวะทางจิต จากภาวะกดดันต่างๆ
และการขาดพื้นที่การแสดงออกถึงความเป็นตัวเองอย่างสร้างสรรค์
ทาให้เด็กในยุคนีเ้ กิดภาวะหลงผิด
และสร้างการยอมรับด้วยพฤติกรรมความรุนแรง
และการก่ออาชญากรรมทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์
ขณะที่ผลโพลล์ซึ่งศูนย์วิชาการและเครือข่ายวิชาการด้านเด็กเยาวชนและครอบค
รัวฯ ทาการสารวจระหว่างวันที่2-9 มกราคม 2562 มีผู้ตอบแบบสอบถามจานวน
199 คน ในจานวนนี้เป็นประชากรอายุ 7-24 ปี จานวน 122 คนคิดเป็นร้อยละ
61.3 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด
พบว่า สิง่ ทีเ่ ด็กอยากได้มากทีส
่ ด
ุ 4 อันดับแรกคือ 1.สิง่ ของ (ของขวัญ
โทรศัพท์ รถ บ้าน หนังสือ…) 2.คุณภาพชีวต
ิ (การศึกษาทีม
่ ค
ี ณ
ุ ภาพ
การใช้เวลากับครอบครัว ความสุข…) 3.เงิน และ4.การเมืองรูปแบบใหม่
ส่วนปัญหาเด็กและเยาวชนทีค
่ ด
ิ ว่าน่ากังวลทีส
่ ด
ุ 3 อันดับแรกคือ
1.ปัญหายาเสพติด 2.ปัญหาเกีย
่ วกับการเรียน/การศึกษา และ
3.ปัญหาการใช้ความรุนแรง/การก่ออาชญากรรม/ข่มขืน
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงคา 3
คาทีต
่ อ
้ งการบอกกับนายกรัฐมนตรีคนถัดไป พบว่า 4 อันดับแรกคือ
1.การมีคุณธรรม (อย่าคดโกง อย่าหลงอานาจ ต้องเป็นธรรม) 2.การพัฒนาชาติ
(เพื่อส่วนรวม แก้ปัญหาการศึกษา พัฒนาประเทศ ดูแลชนชั้นกลาง...)
3.การเมือง/การเลือกตั้ง และ 4.การสนับสนุนเด็กและเยาวชน
(ให้อิสระทางความคิด มีพื้นที่สร้างสรรค์...)
กวิชาการห่วงเด็กไทย ชีม
้ ป
ี ญ
ั หา ทัง้ ‘อ้วน-ไอคิวต่า-ความรุนแรงคิดติดกรอบ’
ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ
ผู้อานวยการศูนย์วช
ิ าการและเครือข่ายวิชาการด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว
คณะครุศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึง เด็กและเยาวชนไทยยุคปัจจุบน
ั ว่ากาลังเผชิญส
ถานการณ์เสีย
่ ง 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านโภชนาการ เด็กไทยมากกว่าร้อยละ 50
มีรูปร่างไม่สมส่วน และกว่าร้อยละ 10
เริ่มมีภาวะอ้วน 2.ด้านพัฒนาการทางสติปญ
ั ญา ไอคิวเฉลี่ยอยูท
่ ี่ 98.2 และร้อยละ
16 ของเด็กอายุ 0-5 ปี ยังมีพัฒนาการสงสัยล่าช้า
3.ด้านสังคม การเปิดโอกาสให้เด็กเรียนรูด
้ ้วยตนเองและการมีพื้นที่สาธารณะ
ให้เด็กไทยยังมีน้อย เน้นกิจกรรมแบบผู้ใหญ่สั่งเด็กทาตาม
ขาดการส่งเสริมการคิดริเริ่มสร้างสรรค์และการมีส่วนร่วมของเด็ก
กิจกรรมที่จัดเน้นงานแล้วจบไป
ให้ความสาคัญกับเด็กแค่เฉพาะเทศกาลวันเด็กเท่านั้น
ในขณะที่ต่างประเทศเปิดโอกาสให้เด็กคิดโครงการเพื่อสังคม
และพัฒนาตัวเองสู่การเป็นนักกิจกรรมสังคม
และ 4.ด้านภาวะทางจิต จากภาวะกดดันต่างๆ
และการขาดพื้นที่การแสดงออกถึงความเป็นตัวเองอย่างสร้างสรรค์
ทาให้เด็กในยุคนีเ้ กิดภาวะหลงผิด
และสร้างการยอมรับด้วยพฤติกรรมความรุนแรง
และการก่ออาชญากรรมทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์
ขณะที่ผลโพลล์ซึ่งศูนย์วิชาการและเครือข่ายวิชาการด้านเด็กเยาวชนและครอบค
รัวฯ ทาการสารวจระหว่างวันที่2-9 มกราคม 2562 มีผู้ตอบแบบสอบถามจานวน
199 คน ในจานวนนี้เป็นประชากรอายุ 7-24 ปี จานวน 122 คนคิดเป็นร้อยละ
61.3 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด
พบว่า สิง่ ทีเ่ ด็กอยากได้มากทีส
่ ด
ุ 4 อันดับแรกคือ 1.สิง่ ของ (ของขวัญ
โทรศัพท์ รถ บ้าน หนังสือ…) 2.คุณภาพชีวต
ิ (การศึกษาทีม
่ ค
ี ณ
ุ ภาพ
การใช้เวลากับครอบครัว ความสุข…) 3.เงิน และ4.การเมืองรูปแบบใหม่
ส่วนปัญหาเด็กและเยาวชนทีค
่ ด
ิ ว่าน่ากังวลทีส
่ ด
ุ 3 อันดับแรกคือ
1.ปัญหายาเสพติด 2.ปัญหาเกีย
่ วกับการเรียน/การศึกษา และ
3.ปัญหาการใช้ความรุนแรง/การก่ออาชญากรรม/ข่มขืน
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงคา 3
คาทีต
่ อ
้ งการบอกกับนายกรัฐมนตรีคนถัดไป พบว่า 4 อันดับแรกคือ
1.การมีคุณธรรม (อย่าคดโกง อย่าหลงอานาจ ต้องเป็นธรรม) 2.การพัฒนาชาติ
(เพื่อส่วนรวม แก้ปัญหาการศึกษา พัฒนาประเทศ ดูแลชนชั้นกลาง...)
3.การเมือง/การเลือกตั้ง และ 4.การสนับสนุนเด็กและเยาวชน
(ให้อิสระทางความคิด มีพื้นที่สร้างสรรค์...)
ฮิต ‘โรงเรียนทางเลือก’
วิกฤตการศึกษากระแสหลัก?

วันที่ 06 ก.ย. 2557 เวลา 10:35 น.
0Facebook
Twitter
Line
0
โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ / ธเนศน์ นุ่นมัน
ื่ มั่นตรงกันว่า
โดยสว่ นใหญ่แล ้ว พ่อแม่ผู ้ปกครองต่างเชอ
ึ ษาคือใบเบิกทางเพือ
การศก
่ เป็ นโอกาสในการรับมือกับอนาคตของบุตรหลาน
ใบเบิกทางดังกล่าวมามีเหตุปัจจัยต่างกันไป ทัง้ ในรูปแบบของโรงเรียนรัฐบาลใกล ้บ ้าน
ื่ ประจาจังหวัด
โรงเรียนสาธิต โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนเอกชน โรงเรียนสองภาษา โรงเรียนมีชอ
ฯลฯ
ึ ษาทัง้ หมดทีก
แหล่งการศก
่ ล่าวมา ล ้วนแต่วด
ั ความสาเร็จด ้วยมุมมองทางวิชาการ
มีตัวชวี้ ด
ั จากการเรียนรู ้ ในรูปของผลคะแนน
ซงึ่ เป็ นภาระทีน
่ ักเรียนแต่ละคนจะได ้มาก็ต ้องคร่าเคร่งกับการเรียนอย่างหนั ก
ั้
ต ้องผ่านการสอบแข่งขันกันเองในแต่ละระดับชน
ั ้ ทีส
รวมไปถึงเพือ
่ ให ้ได ้ทีเ่ รียนทีด
่ ส
ี าหรับในระดับชน
่ งู ขึน
้
ทัง้ เด็กและผู ้ปกครองยิง่ ต ้องเคีย
่ วเข็ญตัวเอง
และมีจานวนไม่น ้อยทีอ
่ อกจากห ้องเรียนก็ยังต ้องหาทีก
่ วดวิชา
ขณะทีภ
่ าพรวมความไว ้วางใจในโรงเรียนกระแสหลัก นับวันยิง่ ปรากฏในทางตรงข ้าม
ั ฤทธิท
ึ ษาของเด็กไทยทีย
เพราะผลสม
์ างการศก
่ ังมีตัวเลขผลคะแนนทีน
่ ่าเป็ นห่วง
ึ ษาระดับชาติขน
โดยเฉพาะผลทดสอบทางการศก
ั ้ พืน
้ ฐาน หรือโอเน็ ต ทีม
่ อ
ี าการโคม่าแทบทุกปี
สอดคล ้องกับที่ พญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู ้อานวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุน
่ ราชนครินทร์
กรมสุขภาพจิต ระบุวา่ ปั จจุบันสงั คมไทยเน ้นค่านิยมเรือ
่ งการแข่งขัน
ึ ษาทีด
ื่ เสย
ี ง
คุณพ่อคุณแม่ยค
ุ ใหม่อยากให ้ลูกมีการศก
่ ี ได ้เข ้าเรียนโรงเรียนทีม
่ ช
ี อ
้
ี
ั
เด็กไทยใชชวต
ิ อยูใ่ นสงคมทีม
่ ก
ี ารแข่งขันสูง ทีเ่ ห็นกันมากคือ เด็กๆ ต ้องไปเรียนกวดวิชาตัง้ แต่ 45
ขวบ เพือ
่ จะได ้เข ้าโรงเรียนดีๆ การทีเ่ ด็กถูกบังคับสง่ ผลให ้เกิดความเครียด ไม่มค
ี วามสุข
เอนดอร์ฟินไม่หลั่ง สมองก็จะไม่ได ้รับการกระตุ ้น ไม่ได ้ถูกพัฒนา
ซงึ่ เป็ นสงิ่ ทีข
่ ด
ั ต่อพัฒนาการเด็กอย่างทีค
่ วรจะเป็ น
สง่ ผลกระทบต่อเนือ
่ งทีท
่ าให ้สติปัญญาของเด็กตา่ กว่ามาตรฐาน
ปรากฏการณ์ดังกล่าว สง่ ผลให ้ผู ้ปกครองจานวนไม่น ้อยทราบดี ว่า
หากตระหนักถึงอนาคตของลูกหลาน ก็จาเป็ นอย่างยิง่ ทีจ
่ ะต ้องคานึงถึงโรงเรียนทีจ
่ ะเข ้าเรียน
่
่
ื
สวนใหญ่คด
ิ ถึงโรงเรียนชอดัง ทีก
่ ลายเป็ นโรงเรียนมีการแข่งขันสูงไปโดยปริยาย
แต่จานวนหนึง่ เริม
่ มองหาตัวเลือกทีต
่ า่ งออกไป
การเรียนเป็ นสงิ่ สาคัญ แต่ก็ไม่ได ้หมายความว่าสาคัญไปกว่าความสุขของผู ้เรียน
เพราะหากนักเรียนทาหน ้าทีอ
่ ย่างเป็ นสุข ความรู ้นั น
้ ย่อมกลายเป็ นสงิ่ ทีเ่ ติมเต็มชวี ต
ิ ไปพร ้อมๆ กัน
ึ ษาอีกแนวทางหนึง่ ทีก
...นั่นคือปรัชญาของโรงเรียนทางเลือก การศก
่ าลังเสนอตัวให ้ผู ้ปกครอง
“โรงเรียนทางเลือก” มีหลายแนวคิดสว่ นใหญ่มงุ่ เน ้นให ้เข ้าถึงธรรมชาติของผู ้เรียน
ึ ษาไปพร ้อมๆ กับบุตรหลานชวี ต
และเปิ ดโอกาสให ้ผู ้ปกครองได ้มีสว่ นร่วมในการศก
ิ ในห ้องเรียน
่ ค่การท่องจาตารา แต่จะต ้องเรียนรู ้ถึงวิถช
ไม่ใชแ
ี วี ต
ิ ทีค
่ วรเป็ นไปในสงั คม
นักเรียนคือศูนย์กลางการเรียนรู ้อย่างแท ้จริง ความรู ้เกิดจากการลงมือปฏิบัต ิ
ิ ย์
ครูเป็ นทัง้ ผู ้สอนและผู ้เรียนไปพร ้อมๆ กับศษ
Ads by AdAsia
ึ ษาธิการ (ศธ.)
หลักการทางวิชาการของโรงเรียนทางเลือกนัน
้ ยังคงเป็ นไปตามทีก
่ ระทรวงศก
กาหนด ในขณะทีก
่ ระบวนการสอนกลับมีความยืดหยุน
่
โดยแต่ละแห่งมีการจัดการเรียนการสอนเป็ นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
โดยโรงเรียนทางเลือกไม่ได ้มีการจัดตารางเรียน แยกเป็ นวิชาอย่างตายตัว
่
ผู ้ปกครองสามารถเลือกโรงเรียนจากปรัชญาการสอนทีห
่ ลากหลายตามทีโ่ รงเรียนระบุไว ้ เชน
โรงเรียนทอส ี
ี
เป็ นโรงเรียนทีม
่ ป
ี รัชญาการสอนวิถพ
ี ท
ุ ธ สอนให ้มองมนุษย์เป็ นชวี ต
ิ ซงึ่ ต ้องมีการพัฒนาด ้านศล
สมาธิ และปั ญญา มองมนุษย์เป็ นทรัพยากรทางด ้านเศรษฐกิจและทางด ้านสงั คม
เปลีย
่ นบรรยากาศในโรงเรียนให ้เป็ นชุมชนของผู ้มีปัญญามีความเข ้าใจธรรมชาติของชวี ต
ิ
ั พันธ์กับผู ้อืน
ค ้นหาวิธม
ี องโลกอย่างเข ้าใจ รู ้จักวิธป
ี ฏิบัตเิ พือ
่ พัฒนาตนเอง รวมถึงการปฏิสม
่
ธรรมชาติ และสงิ่ แวดล ้อมได ้อย่างเป็ นกัลยาณมิตรตามหลักทางสายกลาง
โรงเรียนสยามสามไตร
ึ ษา เพือ
การจัดการศก
่ พัฒนาเด็กให ้เป็ นมนุษย์ทส
ี่ มบูรณ์ คือ ความรู ้ทางโลกและความรู ้ทางธรรม
่ วามเป็ นคนทีส
นาให ้เกิดปั ญญา การพัฒนาเด็กไปสูค
่ มบูรณ์ ทัง้ พฤติกรรม จิตใจ ปั ญญา
ึ ษาในระบบโรงเรียนทั่วไป
เป็ นยุคสร ้างความสามารถ พัฒนาเด็กได ้แตกต่างจากระบบการศก
เริม
่ ต ้นเข ้าใจแก่นแท ้ในพระพุทธศาสนา ซงึ่ เป็ นผลจากการทีค
่ ณะครูเข ้าปฏิบัตธิ รรมทัง้ โรงเรียน
โรงเรียนอนุบาลบ้านร ัก
ด ้วยแนวคิดทีม
่ งุ่ มั่นเตรียมพร ้อมเด็กตามธรรมชาติของการพัฒนามนุษย์
จึงทาโรงเรียนให ้มีสภาพแวดล ้อมทีเ่ ป็ นธรรมชาติ
สอดคล ้องกับระบบนิเวศซงึ่ เป็ นบ่อเกิดแห่งปั ญญาในการเรียนรู ้ของเด็กได ้ดีทส
ี่ ด
ุ
และยังได ้จัดทาหลักสูตรให ้สอดคล ้องตามฤดูกาล
เน ้นการเตรียมความพร ้อมเพือ
่ ให ้เป็ นประโยชน์ตอ
่ ชวี ต
ิ ในระยะยาว เน ้นการอยูร่ ว่ มในสงั คมพึง่ พา
เปิ ดโอกาสให ้เด็กต่างชาติ ต่างภาษา และเด็กพิเศษเรียนร่วมด ้วย
ใชช้ วี ต
ิ อยูใ่ นโรงเรียนด ้วยความเบิกบาน ร่างกายแข็งแรง
และสติปัญญาทีถ
่ ก
ู บ่มเพาะให ้มีไฟแห่งการเรียนรู ้ แต่อยูใ่ นพืน
้ ฐานของเด็กทีม
่ ค
ี วามสงบสุข
โรงเรียนรุง
่ อรุณ
ึ ษาแนวพุทธ มีเป้ าหมายให ้นั กเรียนเรียนรู ้อย่างเป็ นองค์รวม
เป็ นโรงเรียนการศก
ดังนัน
้ สภาพแวดล ้อมโดยรวมของโรงเรียน จึงเน ้นความเป็ นธรรมชาติเป็ นพืน
้ ฐาน
้ นห ้องเรียนธรรมชาติ เพือ
เพือ
่ กระตุ ้นให ้นักเรียนในแต่ละวัยใชเป็
่ บูรณาการการเรียนรู ้ได ้ด ้วยตนเอง
นากระบวนการการเรียนรู ้แบบองค์รวม
ื่ มโยงกับตัวอย่างจริงทีเ่ ป็ นทักษะชวี ต
โดยมีแนวทางพุทธธรรมเป็ นแกนหลักเชอ
ิ ของผู ้เรียนมาจัดเป็
ึ
นแนวทางการศกษาของโรงเรียน
คณะครูเป็ นผู ้ออกแบบและพัฒนาหน่วยการเรียนให ้สอดคล ้องกับอายุและพัฒนาการของนักเรียน
ิ้ สุดภาคเรียน นั กเรียนจาเป็ นต ้องนาเสนอการประยุกต์ใชองค์
้
เมือ
่ สน
ความรู ้ทีเ่ ขาประมวล สะสม
ื่ ว่า “งานหยดน้ าแห่งความรู ้”
กลั่นกรองเข ้ากับชวี ต
ิ ของเขาเอง ภายใต ้ชอ
โรงเรียนเพลินพ ัฒนา
้
ชุมชนแห่งการเรียนรู ้ผ่านกระบวนการทางวัฒนธรรม ใชแนวทางการสอนพหุ
ปัญญาของ Howard
่
ื
Gardner เชอว่า “เด็กจะเป็ นอย่างทีเ่ ราเป็ นมากกว่าจะเป็ นอย่างทีเ่ ราสอน”
ในขณะทีค
่ รูทาตัวเป็ นแบบอย่างทีด
่ ี นักเรียนก็เป็ น “ครู” ของครูด ้วย
่ กัน
เพราะครูได ้เรียนรู ้จากการอยูก
่ ับนักเรียนและผู ้ปกครองทุกวันเชน
ดังนัน
้ โรงเรียนเพลินพัฒนาจึงพยายามทาให ้เกิดการแลกเปลีย
่ นเรียนรู ้ขึน
้ ในทุกๆ สว่ นของโรงเรียน
และมีความต่อเนือ
่ งจนเกิดเป็ นวัฒนธรรมของโรงเรียน
ิ ขาล ัย
โรงเรียนดรุณสก
้
เป็ นโรงเรียนทีอ
่ ยูใ่ นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล ้าธนบุร ี ใชแนวทางการสอน
ื่ ว่า ความรู ้เป็ นของบุคคล ถ่ายทอดให ้คนอืน
Constructionism ของ Seymour Papert ทีเ่ ชอ
่ ไม่ได ้
ความรู ้ของคนอืน
่ เป็ นเพียง Fact เท่านัน
้ นาทฤษฎีการเรียนรู ้เพือ
่ สร ้างสรรค์ด ้วยปั ญญา
้ างเต็มรูปแบบ
(Constructionism) มาใชอย่
ให ้ผู ้เรียนได ้เรียนรู ้จากการปฏิบัตจิ ริงในเรือ
่ งทีต
่ นเองสนใจผ่านโครงงาน บูรณาการคุณธรรม
ิ ปวัฒนธรรม
จริยธรรม เทคโนโลยี วิชาการต่างๆ รวมไปถึงศล
และความเป็ นไทยเข ้าไปในทุกโครงงาน เพือ
่ นาไปปฏิบัตใิ ห ้เกิดการเรียนรู ้และปั ญญาอย่างยั่งยืน
โรงเรียนปัญโญท ัย
หนึง่ ในเครือข่ายโรงเรียนวอลดอร์ฟนับพันแห่งจาก 50 ประเทศทั่วโลก ยึดมัน
่ ในหลักการของ
รูดอล์ฟ สไตเนอร์ โดยปรับให ้สอดคล ้องกับบริบทของสงั คมและเยาวชนไทย
่ นเร ้นอยูใ่ นตัวเขาให ้ปรากฏออกมา
บ่มเพาะความเป็ นมนุษย์ในตัวเด็ก ปลุกความสามารถทีซ
่ อ
เพือ
่ ให ้เขาเติบโตขึน
้ อย่างมนุษย์ผู ้สร ้างสรรค์ มีอส
ิ ระทางปั ญญา รู ้จักตนเอง รู ้จักโลก
ึ ซบ
ั ความรู ้วิชาการต่างๆ ผ่านการสอน
นักเรียนในโรงเรียนทางเลือกเหล่านี้ จะซม
หรือกิจกรรมทีไ่ ม่เน ้นให ้เด็กท่องจา โดยให ้ความคิดอิสระเต็มที่ ออกแบบการเรียนการสอน
ต ้องสอดคล ้องกับพัฒนาการและสภาวะของผู ้เรียน
นักเรียนอยากเรียนรู ้เพราะถูกกระตุ ้นให ้เกิดความสนใจใฝ่ รู ้ ซงึ่ ไม่ได ้มาจากแรงบีบคัน
้ จากผู ้สอน
ื่ มไปถึงการรับรู ้ถึงคุณค่าในวิถก
นีเ่ ป็ นแนวคิดเบือ
้ งต ้นทีส
่ ง่ ผ่านผู ้เรียนกระทั่งเชอ
ี ารดาเนินชวี ต
ิ
สถาบันวิจัยเพือ
่ การพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดอ
ี าร์ไอ
เคยนาเสนอผลการวิจัยเกีย
่ วกับโรงเรียนทางเลือกทีม
่ อ
ี ยูใ่ นประเทศไทย โดยงานวิจัยดังกล่าว
ึ
ระบุวา่ เป็ นโรงเรียนทีจ
่ ัดการศกษาตัง้ แต่ประถมจนถึงมัธยมปลาย
แต่มรี ะดับความเป็ นอิสระจากรัฐบาลสูง และโดดเด่นตรงทีม
่ น
ี วัตกรรมการเรียนการสอนทีแ
่ ตกต่าง
สามารถทาให ้เด็กมีการเรียนรู ้อย่างสมดุล หลากหลาย ผ่านประสบการณ์จริง
และผลการเรียนทีอ
่ อกมาของนักเรียนเป็ นทีน
่ ่าประทับใจ
อีกทัง้ ยังอยูภ
่ ายใต ้หลักสูตรแกนกลางและการกากับดูแลของ ศธ.
นวัตกรรมการเรียนการสอนของโรงเรียนกลุม
่ นี้
ึ ษาจากสานั กต่างๆ เชน
่ มอนเตสซอริ
ถูกก่อเป็ นรูปแบบบนฐานความคิดและปรัชญาการศก
ั
ิ
ั ยา ไสบาบา
(Montessori) วอลดอล์ฟ (Waldorf) ซมเมอร์ฮลล์ (Summer Hill) และแนวคิดศรีสต
ึ ษาเหล่านีจ
ฯลฯ เนือ
้ หาและกระบวนการของแต่ละปรัชญาการศก
้ ะแตกต่างกันออกไป
แต่มห
ี นึง่ จุดเด่นทีเ่ หมือนกันคือ ธรรมชาติของมนุษย์ทม
ี่ ค
ี วามหลากหลาย
ทาให ้การเรียนการสอนมีความหลากหลาย
สามารถทดลองและผลิตวิธก
ี ารเรียนการสอนแบบใหม่ได ้ตลอดเวลา
โดยยึดเอาตัวผู ้เรียนเป็ นจุดศูนย์กลางทีส
่ าคัญ ผู ้เรียนสามารถคิดนอกกรอบได ้
และทาให ้มันเกิดขึน
้ จริง
ทัง้ นี้ ภูมห
ิ ลังทางเศรษฐกิจของนักเรียนในโรงเรียนกลุม
่ นี้ แบ่งเป็ น 2 แบบ แบบแรก คือ
ค่าเทอมถูก หรือไม่เก็บค่าเล่าเรียน ผู ้ปกครองมีรายได ้ไม่สงู นัก
สว่ นใหญ่เป็ นเกษตรกรหรือรับจ ้างรายวัน แบบทีส
่ อง คือ ค่าเทอมสูง
ผู ้ปกครองสว่ นใหญ่รับราชการหรือมีธรุ กิจสว่ นตัว
ในด ้านความเป็ นอิสระ ยังคงมีการควบคุมดูแลของรัฐบาลในด ้านต่างๆ
่ การบริหารจัดการโรงเรียน การเงิน
คล ้ายกับโรงเรียนเอกชนทั่วไป เชน
่ หลักสูตรแกนกลางการศก
ึ ษาขัน
และหลักสูตรการเรียนการสอน แต่ยังมีอป
ุ สรรค เชน
้ พืน
้ ฐาน พ.ศ.
2551 ไม่ยด
ื หยุน
่ มากพอสาหรับโรงเรียนทางเลือก
รวมไปถึงระบบประกันคุณภาพมาตรฐานของรัฐบาล
ด ้านนวัตกรรมการเรียนการสอน โรงเรียนทางเลือกต่างจากโรงเรียนทั่วไปตรงทีห
่ ้องเรียนเล็ก
้ จานวนมากดูแลนั ก
ใชครู
Download