นายวรายุส ศรีมูลเขียว 643280019-7 (1) บทบาทสภา อบจ.ในการตรวจสอบราชการส่วนกลางและภูมิภาคในท้องถิน่ ของเรา ทศวรรษของการกระจายอำนาจที่เต็มไปด้วยการรวมศูนย์มากขึ้น รัฐธรรมนูญปี 40 เป็นผลผลิตของความพยายามที่จะปฏิรูปการเมือง ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา และ ผลผลิตของมันก็คือรัฐธรรมนูญปี 40 ซึ่งมีมาตราที่ว่าด้วยการปกครองท้องถิ่นมากกว่าทุกฉบับที่มีมาก่อนหน้านั้น มี หมวดว่าด้วยการปกครองท้องถิ่น มีมาตราถึง 9 มาตรา ซึ่งก็นำมาสู่กฎหมายหลายฉบับ เมื่อมองแบบผิวเผินทำให้ รู้สึกว่ามันมีอนาคตใหม่ในการที่จะกระจายอำนาจ มีหมวดที่ว่าด้วยการปกครองท้องถิ่นโดยตรงเลย มีกฎหมายที่ว่า ด้วยการกระจายอำนาจขึ้นมาเยอะแยะ ทำให้เติบโตแบบก้าวกระโดดพอสมควร แม้มันเหมือนจะมีการกระจาย อำนาจ แต่ขณะที่มันกระจายอำนาจมัน ก็ทำการรวบอำนาจไปด้วย มันมีการรวบอำนาจ และเพิ่มอำนาจ หน้าที่ ของราชการส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคเต็มไปหมด อาทิ กฎหมายที่ตราช่วง 10 ปี ตั้งแต่ 2540 – 2549 จะพบว่า มีกฎหมายที่ตราออกมาประมาณ 436 ฉบับ ประเด็น คือ กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งหน่วยงานราชการและอำนาจ หน้าที่ ปัญหามันคือว่ากฎหมายที่ว่าไม่เอาการแก้ปัญหาให้ท้องถิ่น และองค์กรใหม่ที่ตราขึ้นนั้น ไปขึ้นกับรัฐบาล กลาง ซึ่งกฎหมายฉบับนี้เยอะมาก ในจำนวน 436 ฉบับ ประเภทที่สองเป็นกฎหมายที่เพิ่มอำนาจให้กับหน่วยงาน เดิม ประเภทที่สามเป็น กฎหมายที่ย กคณะหน่วยงานเดิมที่มีอยู่แล้ว ให้ใหญ่ขึ้น ประเภทที่สี่เป็นกฎหมายตั้ง รัฐวิสาหกิจหรือแก้ไขเพิ่มเติมในวิสาหกิจ แล้วก็เป็นกฎหมายประเภทอื่น ๆ ซึง่ กฎหมายที่ตราออกมาประมาณ 436 ฉบับนี้ ก็มีกฎหมายที่ตราให้ส่วนท้องถิ่นก็บ้างเหมือนกัน เป็นพระราชบัญญัติที่พูดถึงท้องถิ่นบ้างเล็กน้อย พบว่าใน 436 ฉบับ เป็นกฎหมายที่ตั้งหน่วยงานใหม่และอำนาจใหม่ให้กับส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค 61 ฉบับ เป็นกฎหมายเพิ่ม หน้าที่หน่วยงานเดิมที่มีอยู่ 154 ฉบับ แล้วก็เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่นแค่ 22 ฉบับ ฉะนั้นเมื่อดูตัวเลขแล้ว จะพบว่าใน 436 ฉบับ เป็นกฎหมายที่เพิ่มอำนาจให้ท้องถิ่น คิดเป็น 3.9 เปอร์เซ็นต์ จึงอนุมานได้ว่า 10 ปีทีมีการ กระจายอำนาจ ทีม่ ันเต็มไปด้วยการรวมศูนย์เช่นกัน อำนาจ หน้าที่ ตามกฎหมายของสภา อบจ. สภา อบจ. เกิดขึ้นพร้อมกับ เทศบาล ซึ่งอำนาจหน้าที่ของ สภา อบจ. เกิดขึ้นตามกฎหมายดังนี้ 1. พระราชบัญญัติจัดระเบียบเทศบาล พุทธศักราช 2476 มาตราที่ 55 สภาจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ปรึกษาหารือในกิจการต่อไปนี้ (1) ตรวจและรายงานเรื่องงบประมาณซึ่งตั้งทางจังหวัดและสอบสวนการคลังทางจังหวัดตามระเบียบซึ่ง จะได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดไว้ (2) แบ่งสรรเงินอุดหนุนของรัฐบาลระหว่างบรรดาเทศบาลในจังหวัด นายวรายุส ศรีมูลเขียว 643280019-7 (2) 2. พระราชบัญญัติสภาจังหวัด พุทธศักราช 2481 มาตรา 23 ในที่ประชุมสภาจังหวัดสมาชิกสภาย่อมมีสิทธิตั้งกระทู้ถามกรมการจังหวัดในข้อความใด ๆ อัน เกี่ยวกับการงานในหน้าที่ได้ แต่กรมการจังหวัดย่อมทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะไม่ตอบ เมื่อเห็นว่าข้อความนั้น ๆ ยังไม่ควร เปิดเผยเพราะเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือประโยชน์สำคัญของจังหวัด มาตรา 24 กรมการจังหวัดมีหน้าที่ไปประชุมสภาจังหวัด และมีสิทธิแสดงความเห็นในสภาได้ แต่ไม่มีสิทธิ ออกเสียงลงคะแนน มาตรา 25 ให้สภาจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) ตรวจและรายงานเรื่องงบประมาณซึ่งตั้งทางจังหวัดและสอบสวนการคลังทางจังหวัด ตามระเบียบซึ่ง จะได้มกี ฎกระทรวงกำหนดไว้ (2) แบ่งสรรเงินอุดหนุนของรัฐบาลระหว่างบรรดาเทศบาลในจังหวัด (3) เสนอข้อแนะนำและให้คำปรึกษาต่อคณะกรมการจังหวัดในกิจการของจังหวัด 3. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด พ.ศ. 2498 มาตรา 25 สมาชิกย่อมมีสิทธิตั้งกระทู้ถามผู้ว่าราชการจังหวัดในข้อความใด ๆ อัน เกี่ยวกับการงานใน หน้าที่ได้ แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดย่อมทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะไม่ตอบเมื่อเห็นว่าข้อความนั้น ๆ ยังไม่ควรเปิดเผยเพราะ เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือประโยชน์สำคัญของจังหวัด หรือเกี่ยวกับนโยบายราชการบริหารส่วนกลาง นอกจากตั้งกระทู้ถามในสภาแล้ว สมาชิกสภาจังหวัดย่อมมีสิทธิสอบถามข้อเท็จจริงต่อผู้ว่าราชการจังหวัด เกี่ยวกับงานในอำนาจหน้าที่ของราชการบริหารส่วนภูมิภาค คำสอบถามและการตอบให้บันทึกหรือทำเป็นหนังสือ เสนอกระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นโดยผ่านทางผู้ว่าราชการภาค 4. พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 31 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดย่อมมีสิทธิตั้งกระทู้ถามนายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดในเรื่องใด ๆ อันเกี่ยวกับการบริหารราชการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดได้ มาตรา 32 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอาจเสนอข้อสอบถามต่อประธานสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชี้แงข้อเท็จจริงใด ๆ อันเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของราชการส่วนภูมิภาคและให้ หัวหน้าหน่วยงานราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งมาปฏิบัติหน้าที่ในเขตจังหวัด ชี้แจงข้อเท็จจริงใด ๆ อันเกี่ยวกับงานในหน้าที่ได้ ทั้งนี้ ให้ผู้ ว่าราชการจังหวัดหรือหัวหน้าหน่วยงานราชการ ดังกล่าวขี้แจงด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือต่อประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภายในเวลาอันสมควรก็ได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหัวหน้าหน่วยงานราชการย่อมมีสิทธิที่จะไม่ตอบคำถามเมื่อเห็นว่าข้อเท็จจริงนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวกั บความมั่นคงของชาติหรือเกี่ยวกับนโยบายของการบริหารราชการส่วนกลางที่ยังไม่สมควร เปิดเผย นายวรายุส ศรีมูลเขียว 643280019-7 (3) มาตร ๓๓ สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีอำนาจเลือกสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็น คณะกรรมการสามัญ และมีอำนาจเลือกบุคคลซึ่งมิ ได้เ ป็นสมาชิกสภาองค์การบริห ารส่ว นจังหวัดร่ว มเ ป็ น คณะกรรมการวิสามัญเพื่อกระทำกิจการหรือพิจารณาสอบสวนเรื่องใด ๆ อันอยู่ในวงงานของสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดแล้วรายงานต่อสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด แต่ทั้งนี้กิจการหรือการสอบสวนดังกล่าวต้องมิใช่เป็น เรื่องที่สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเสนอข้อสอบถามต่ อประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาม มาตรา ๓๒ ให้สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตั้งคณะกรรมการสามัญประจำสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุดหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่ให้ความเห็นชอบในการออกข้อบัญญัติชั่วคราวตามมาตรา ๕๗ อำนาจ หน้าที่ และงบประมาณของผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่ตั้งอยู่ในจังหวัด อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของผู้ว่าราชการ ผู้ว่าราชการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติได้ถึง 126 ฉบับ อาทิ พระราชบัญญัติ สุขภาพจิต พ.ศ. 2551 พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. 2477 พระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 พระราชบัญญัติเทศบาล และอื่น ๆ เป็นต้น นั่นหมายถึงว่า หากสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ใช้อำนาจหน้าที่ ตามกฎหมาย ตรวจสอบการใช้อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ตามพระราชบัญญัติที่ถือไว้ ถึง 126 ฉบับ และจะ สามารถตรวจสอบหน่วยงานต่างๆ ส่วนงานต่างๆ ในระดับภูมิภาคได้อย่างต่ำ 126 หน่วยงาน โดยผ่านผู้ว่าราชการ จังหวัด อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานราชการส่วนภูมิภาคที่ตั้งอยู่ในจังหวัด ในส่วนราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนภูมิภาคในจังหวัดหนึ่งนั้น มีส่วนราชการโดยประมาณ 30 ถึง 40 หน่วยงาน แต่ละหน่วยงานก็ใช้อำนาจตามกฎหมายหลายฉบับแตกต่างกันไป ซึ่งหากจะรวบรวมกฎหมาย ที่ หน่วยงานราชการส่วนภูมิภาคแต่ละหน่วยงานใช้นั้น อาจจะประมาณ ได้ถึง 100 ฉบับโดยประมาณ ซึ่งนั่นแสดงว่า สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด สามารถใช้อำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบหน่วยงานส่วนภูมิภาคระดับจังหวัด ใน จังหวัดนั้น ๆ ได้ถึง 100 ฉบับโดยประมาณ อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานราชการส่วนกลางที่ตั้งอยู่ในจังหวัด ในส่วนของราชการส่วนกลาง ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดหนึ่งนั้น มีส่วนราชการมากมายหลายหน่วยงาน ซึ่ง หน่วยงานเหล่านี้ สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด สามารถเรียกตัวมาชี้แจง และนำไปขยายผลในการตรวจสอบ หน่วยงานนั้น ๆ ต่อได้ นายวรายุส ศรีมูลเขียว 643280019-7 (4) งบประมาณของจังหวัด (จังหวัดเชียงใหม่) ในปี 2560 - 2563 จังหวัดเชียงใหม่ มีหน่วยงานที่จัดซื้อจัดจ้าง รวม 4 ปี จำนวน 13,944 หน่วยงาน มี จำนวนโครงการ รวม 4 ปี ทั้งสิ้น 473,524 โครงการ และใช้งบประมาณมูลค่าโครงการรวม 77,372.50 ล้านบาท จากกรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ก็สามารถตรวจสอบหน่วยงานที่จั ดซื้อจัดจ้าง ตรวจสอบโครงการทั้งหมด และงบประมาณ ทั้งหมดที่ใช้ในจังหวัดได้เช่นกัน