- Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 1 หน่วยที่ 3 ร่างกายมนุษย์ บทที่ 1 ระบบอวัยวะในร่างกายของเรา ทบทวน 1 : จง ข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. สารอาหารขนาดเล็กส่วนใหญ่จะถูกดูดซึมทีบ่ ริเวณใดของระบบทางเดินอาหาร ก. หลอดอาหาร ข. กระเพาะอาหาร ค. ลำไส้เล็ก ง. ลำไส้ใหญ่ 2. อาหารส่วนใหญ่จะถูกลำเลียงไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย โดยไปกับสิ่งใด ก. เซลล์เม็ดเลือดแดง ข.เลือด ค. น้ำเหลือง ง. ไขมัน 3. จงเรียงลำดับการจัดระบบในร่างกายจากหน่วยใหญ่ไปยังหน่วยเล็กที่สุด 1. สิ่งมีชีวิต 2. เซลล์ 3. ระบบอวัยวะ 4. เนื้อเยื่อ ก. 1 2 3 4 5 ข. 1 3 5 4 2 ค. 2 4 5 3 1 ง. 3 1 4 5 2 4. ภาพใดแสดงระบบอวัยวะของร่างกาย ก. ข. ค. ง. 5. อวัยวะ - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 2 เรื่องที่ 1 ระบบหมุนเวียนเลือด “ ร่างกายเมื่อโตเต็มวัยจะมีเลือดอยู่ประมาณ 5-6 ลิตร คิดเป็น 7-8 % ของน้ำหนักตัว ” • เลือดเป็นของเหลวสีแดง • เมื่อนำมาปั่นแยกจะได้ของเหลวใส คือ พลาสมา (Plasma) มีอยู่ประมาณ 55 % ของเลือด • ชั้นล่างมี เซลล์เม็ดเลือดแดง (red blood cell) เซลล์เม็ดเลือดขาว (white blood cell) และเกล็ดเลือด (platelets) รูปที่ 1 การแยกชัน้ ของเลือดเมื่อนาไปปั่ นแยก ** พลาสมา ประกอบด้วยน้ำและสารหลายชนิด เช่น โปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด แอนติบอดี สารอาหาร ฮอร์โมน ยูเรีย ไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน (HCO3-) เซลล์เม็ดเลือดแดง - ไม่มนี วิ เคลียส - มีประมาณ 5-6 ล้านเซลล์ต่อเลือด 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร - สร้างจาก ไขกระดูก เซลล์เกิดใหม่จะมีนิวเคลียส ( แต่เมื่อเจริญเต็มที่นิวเคลียสจะสลายไป ก่อนปล่อยเข้าสู่กระแสเลือด ) - เซลล์เม็ดเลือดแดงมี เฮโมโกลบิน ซึ่งเป็นโปรตีนที่มธี าตุเหล็กเป็นองค์ประกอบ - เฮโมโกลบินจะจับกับ O2 ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงลำเลียง O2ไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย - เซลล์เม็ดเลือดแดงมีอายุประมาณ 100 - 120 วัน - ถูกทำลายทีต่ บั และม้าม - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 3 เซลล์เม็ดเลือดขาว - ทำหน้าที่เป็นหน่วยป้องกันทีส่ ำคัญของร่างกาย สร้างจากไขกระดูก เป็นเซลล์ที่มนี วิ เคลียสอยู่ตลอดชีวิต บางชนิดทำหน้าทีจ่ บั และทำลายเชือ้ โรค สิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่รา่ งกาย บางชนิดสร้างแอนติบอดีซ้ ึ่งเป็นสารประเภทโปรตีน ทำให้รา่ งกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรค เซลล์เม็ดเลือดขาวมีประมาณ 500 - 11,000 เซลล์ต่อเลือด 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร แต่เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมทีท่ ำให้เกิดโรคในร่างกาย เซลล์เม็ดเลือดขาวจะเพิ่มจำนวนขึ้นเซลล์ มีอายุสั้นกว่าเซลล์เม็ดเลือดแดง โดยบางชนิดมีอายุเพียงไม่กี่วันแล้วก็ตายไป ระบบหมู่เลือด ABO ตารางที่ 1 : แสดงชนิดของแอนติเจนและแอนติบอดี้ในเลือดหมู่ต่างๆ เลือดหมู่ A B AB O แอนติเจนบนผิวเม็ดเลือดแดง แอนติเจน A แอนติเจน B แอนติเจน A และ B ไม่มี ชนิดของแอนติบอดีในพลาสมา แอนติบอดี B แอนติบอดี A ไม่มี แอนติบอดี A และ B * แอนติเจน หรือ สารก่อภูมิต้านทาน คือ สารใดๆ ที่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน แบบปรับตัว (adaptive immune response) แอนติเจนมักเป็นสารที่แปลกปลอมหรือเป็นพิษต่อ ร่างกาย (เช่น ตัวเชื้อแบคทีเรีย) ซึ่งเมื่อเข้ามาในร่างกายแล้วจะถูกจับโดยแอนติบอดีที่มีความจำเพาะ แอนติบอดีแต่ละชนิดถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองกับแอนติเจนชนิดหนึ่ง ๆ - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 4 หลักการให้เลือด หลอดเลือด รูปที่ 2 หลักการให้เลือด หลอดเลือดแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ 1. หลอดเลือดอาร์เทอรี (Arterial blood vessel) ทำหน้าที่นำเลือดออกจากหัวใจ เพื่อนำเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย 2. หลอดเลือดเวน (Venous blood vessel) ทำหน้าที่นำเลือดออกจากส่วนต่างๆของร่างกายกลับเข้าสูห่ วั ใจ 3.หลอดเลือดฝอย (Capilary) แตกแขนงเป็นร่างแหแทรกไปตามเนื้อเยื่อของร่างกาย และเชื่อมต่อระหว่างอาร์เทอ รีขนาดเล็กกับเวนขนาดเล็ก หลอดเลือดฝอยเป็นบริเวณที่มีการแลกเปลีย่ นแก๊สและสารกับ เซลล์ของร่างกาย * หลอดเลือดอาร์เทอรีผนังหนา ยืดหยุ่นได้ดี ความดันเลือดสูง มักอยู่ใต้ผิวหนังที่ลึกลงไป หลอดเลือดเวนผนังบาง ยืดหยุ่น รูปที่ 3 หลอดเลือดเวน หลอดเลือดอาร์เทอรี และหลอดเลือดฝอย น้อยกว่า อาศัยการขยาย/หดตัวของกล้ามเนื้อและลิ้นหัวใจ อยู่ใกล้ผิวหนัง หลอดเลือดฝอยมีขนาดเล็กและบางมาก เป็นบริเวณที่มีการแลกเปลี่ยนแก๊สกับเซลล์ - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 5 หลอดเลือดอาร์เทอรีจะลำเลียงเลือดไปยังส่วนต่างๆของร่างกายโดยการทำงานของหัวใจ ซึ่งมีการบีบและคลายตัวเป็นจังหวะตลอดเวลา เพื่อทำหน้าทีส่ ูบฉีดเลือดไปตามหลอดเลือด หัวใจห้องบนทำหน้าที่รบั เลือด หัวใจห้องล่างมีหน้าทีส่ ่งเลือด ระหว่างหัวใจห้องบนและหัวใจ ห้องล่างจะมีลนิ้ หัวใจกั้นเพื่อป้องกันเลือดไหลย้อนกลับ รูปที่ 4 โครงสร้างของหัวใจผ่าตามยาว * หัวใจห้องล่างซ้ายจะสูบฉีดเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนสูงออกจากหัวใจทางหลอดเลือดอาร์เทอรี ขนาดใหญ่หรือ เอออร์ตา (Aorta) ต่อจากนั้นเลือดจะไหลไปตามหลอดเลือดอาร์เทอรีและหลอดเลือด ฝอยเพื่อลำเลียงแก๊สออกซิเจนและสารต่างๆไปยังเซลล์ทั่วร่างกาย * ขณะเดียวกันของเสียต่างๆจากเซลล์ เช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ยูเรีย จะแพร่เข้ามายัง หลอดเลือดฝอย จากนั้นหลอดเลือดฝอยจะเข้าสู่หลอดเลือดเวนและไหลกลับเข้าสู่หัวใจห้องบนขวา - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 6 • เลือดจากหัวใจห้องบนขวาจะไหลเข้าสูห่ ัวใจห้องล่างขวา • ซึ่งจะบีบตัวเพื่อส่งเลือดที่มี CO2 สูง ไปแลกเปลี่ยนทีป่ อดทางหลอดเลือดอาร์เทอรี • เลือดที่มีแก๊สออกซิเจนสูงจากปอดจะกลับเข้าสู่หัวใจห้องบนซ้าย ทางหลอดเลือดเวนที่มาจาก ปอดและไหลลงสู่หัวใจห้องล่างซ้าย เพื่อนำไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย รูปที่ 5 การหมุนเวียนเลือดจากหัวใจไปยังปอดและส่วนต่างๆของร่างกายกลับเข้าสูห่ วั ใจ - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 7 ชีพจร (Pulse) ขณะที่หัวใจบีบตัวจะทำให้เกิดแรงส่งเลือดมายังหลอดเลือดอาร์เทอรี แรงที่มากระทบ ผนังหลอดเลือดจะทำให้หลอดเลือดขยายตัวเพื่อรับเลือด และหดตัวเพื่อส่งเลือดต่อไป ตามจังหวะ การบีบตัวของหัวใจแต่ละครั้ง การขยายตัวและการหดตัวของหลอดเลือดอย่างเป็นจังหวะ เรียกว่า “ ชีพจร (Pulse) ” อัตราการเต้นของหัวใจสามารถวัดได้จากการจับชีพจรในหนึ่งหน่วยเวลา การจับชีพจรสามารถจับได้บริเวณต่างๆตามข้อพับ แต่โดยปกติมักจะจับที่บริเวณข้อมือ ความดันเลือด (Blood pressure) ขณะหัวใจบีบตัวเพือ่ สูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย และหัวใจคลายตัวเพื่อรับเลือด จะทำให้เกิดแรงที่เลือดกระทำต่อผนังหลอดเลือด เรียกว่า “ ความดันเลือด (Blood pressure) ” เช่น วัดความดันเลือดได้ 120/80 มิลลิเมตรปรอท - ค่าแรกเป็นความดันสูงสุดขณะหัวใจบีบตัว หรือ ความดันซีสโทลิก หรือ ตัวบน - ค่าหลังเป็นความดันขณะที่หัวใจคลายตัว หรือ ความดันไดแอสโทลิก หรือ ตัวล่าง โดยทั่วไปผู้ใหญ่จะมีความดันเลือดขณะพักประมาณ 100 ถึง 140 มิลลิเมตรปรอท ในช่วงหัวใจบีบตัว และ 60 ถึง 90 มิลลิเมตรปรอทในช่วงหัวใจคลายตัว ผู้ที่มีความดันเลือดสูงคือมีความดันเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 8 รูปที่ 6 ไขมันในหลอดเลือด ความดันเลือดสูงมีสาเหตุมาจากหลอดเลือดอาร์เทอรีแข็งตัว เนื่องจากการสะสมของไขมันบริเวณ ผนังด้านในของหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดบริเวณนั้นหนาตัวขึ้น ถ้าไขมันสะสมมากขึน้ อาจทำให้ หลอดเลือดตีบแคบลงจนเกิดอาการอุดตัน โรคความดันเลือดสูงยังมีสาเหตุจากปัจจัยอื่นๆ เช่น หลอดเลือดแข็งตัวเมื่ออายุมากขึ้น อารมณ์ ความเครียด โรคหัวใจขาดเลือด มีสาเหตุจากการตีบตันของหลอดเลือดอาร์เทอรีที่มาเลี้ยงหัวใจ ทำให้ปริมาณของเลือดผ่านไปเลี้ยงหัวใจได้น้อย ถ้าเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอต่อความต้องการของหัวใจ ก็จะทำให้มีอาการเจ็บหน้าอกและถ้าหลอดเลือดอาร์เทอรีตีบแคบมากจนอุดตัน จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจ ขาดเลือดไปเลี้ยง ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจนเสียชีวิตเฉียบพลัน โรคหัวใจที่จากสาเหตุอื่นๆ เช่น ความผิดปกติของลิ้นหัวใจ หัวใจพิการ หัวใจเต้นผิดจังหวะ การติดเชื้อบริเวณหัวใจ เป็นต้น - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 9 แบบฝึกหัดที่ 1 : ระบบหมุนเวียนโลหิต ตอนที่ 1 : จงเลือกคำตอบที่ถูกทีส่ ุดเพียงข้อเดียว 1. ส่วนประกอบใดของเลือดที่มีมากที่สุด เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด พลาสมา 2.เฮโมโกลบินในเลือดประกอบด้วยอะไรบ้าง คาร์โบไฮเดรต+เหล็ก โปรตีน+เหล็ก ไขมัน+เหล็ก โปรตีน+ไขมัน+วิตามิน 3. เม็ดเลือดแดงมีลักษณะอย่างไร 1. ไม่มีนิวเคลียส 2. กลม แบน เว้าตรงกลาง 1 และ 2 2 และ 3 1 และ 3 1 , 2 และ 3 3. เป็นเศษของเซลล์ชนิดหนึ่ง 4. สารอาหารต่าง ๆ เช่น โปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ พบที่ส่วนประกอบใดของเลือด เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด พลาสมา - Mintty - 5. บุคคลที่ป่วยอยู่เสมอเป็นเพราะส่วนประกอบใดไม่ปกติ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด พลาสมา 6. นายเด๋อ ป่วยด้วยโรคต่อทอนซิลอักเสบ เลือดของเขาจะเป็นอย่างไร มีจำนวนเม็ดเลือดขาวมาก มีจำนวนเกล็ดเลือดมาก มีจำนวนเม็ดเลือดแดงน้อย มีจำนวนเม็ดเลือดขาวน้อย 7. สิ่งใดทำหน้าที่ช่วยห้ามเลือดมีบาดแผลเกิดขึ้น เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด พลาสมา 8. สารใดไม่มีอยู่ในเลือด กรดอะมิโน ไขมัน วิตามิน แก๊ส วิทยาศาสตร์ ม.2 l 10 - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 11 9. เม็ดเลือดแดงมีการสร้างใหม่เพือ่ ทดแทนเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ การบริจาคเลือด แต่ละครั้ง ควรห่างกันอย่างน้อยกี่เดือน 1-2 เดือน 2-3 เดือน 3-4 เดือน 5-6 เดือน 10. นาโนถูกมีบาดนิ้ว เลือดไหลออกมาไม่หยุด แสดงว่านาโนมีความบกพร่องเกี่ยวกับอะไร 1.เกล็ดเลือด 2.วิตามิน K 3.แคลเซียม 4.เม็ดเลือดแดง 1 , 2 และ 3 1 , 3 และ 4 1 และ 2 2 และ 4 11. เลือดอาร์เทอรีจากปอดหมุนเวียนเข้าสู่หัวใจห้องใด left atrium left ventricle right atrium right ventricle 12. ลิ้นหัวใจทำหน้าที่อะไร ควบคุมความเร็วของการไหลเวียนของเลือด แบ่งแยกเลือดแดงกับเลือดดำ ควบคุมการบีบตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ควบคุมทิศทางการไหลของเลือด - Mintty - 13. เพราะเหตุใด หัวใจห้องล่างซ้ายจึงมีผนังหนาสุด รับเลือดอาร์เทอรีจากปอดทั้งสองข้าง รับเลือดเวนจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่งเลือดเวนออกไปปอดทั้งสองข้าง ส่งเลือดอาร์เทอรีออกไปส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 14. เลือดในตัวคนสามารถไหลจากที่ต่ำไปทีส่ ูงได้ เพราะเหตุใด เลือดมีน้ำหนักน้อย เลือดได้รับแรงดันจากปอด เลือดได้รับแรงดันจากหัวใจ เลือดได้รับแรงดันจากหัวใจและปอด 15. ข้อใดกล่าวไม่ถกู ต้อง บริเวณหนังกำพร้าไม่มีเลือดไปเลี้ยง หัวใจของคนมีขนาดเท่ากับดอกบัวตูม เลือดดำ หมายถึง เลือดที่มีคาร์บอนไดออกไซด์มาก หลอดเลือดที่พบทั่วไปบริเวณผิวหนัง เป็นหลอดเลือดเวน 16. หลอดเลือดที่มองเห็นได้ชัดเจนที่หลังมือและข้อมือ คืออะไร หลอดเลือดออกจากหัวใจ หลอดเลือดแดง หลอดเลือดฝอย หลอดเลือดเข้าสู่หัวใจ วิทยาศาสตร์ ม.2 l 12 - Mintty - 17. ความดัน 110/70 มิลลิเมตรของปรอด "ตัวเลข 110" หมายถึงอะไร ความดันขณะหัวใจบีบตัว ความดันขณะหัวใจคลายตัว ความดันปกติ ความดันขณะหัวใจเต้น 18. ข้อใดผิด ความดันเลือดของชายปกติมีค่า 120/80 มิลลิเมตรของปรอท อารมณ์โกรธทำให้ความดันสูง เป็นการบริหารหัวใจ ขณะออกกำลังกาย ความดันเลือดจะสูงขึ้น ความดันเลือดของชายมากกว่าหญิง 19. เกี่ยวกับระบบหมุนเวียนเลือดของปลา ข้อใดไม่ถ่ กู ต้อง เลือดที่มีออกซิเจนต่ำจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายปลา จะเข้าสู่หัวใจห้องบน เลือดที่มีออกซิเจนสูงจากเหงือกจะเข้าสู่หัวใจห้องบน การแลกเปลี่ยนแก๊สจะเกิดขึ้นบริเวณเหงือก ปลามีหัวใจ 2 ห้อง 20. เกี่ยวกับระบบหมุนเวียนเลือดของแมลง ข้อใดไม่ถกู ต้อง หัวใจปลามีจำนวนมากกว่า 1 อัน ปลามีระบบไหลเวียนเลือดแบบเปิด เลือดของแมลงเข้าสู่เซลล์ ส่งต่อเข้าเนื้อเยื่อ หัวใจมีรูเปิดเป็นระยะๆให้เลือดไหลผ่านเข้าไปตามท่อแล้วกระจายไปตามแอ่ง วิทยาศาสตร์ ม.2 l 13 - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 14 เรื่องที่ 2 : ระบบหายใจ ทบทวน 2 : เขียนเครื่องหมาย หน้าข้อที่ถูกและเขียนเครื่องหมาย หน้าข้อที่ผดิ ...............1. การแพร่เป็นการเคลื่อนที่ของสารจากบริเวณที่มีความเข้มข้นของสารต่างๆไปยังบริเวณ ที่มีความเข้มข้นของสารสูงกว่า ...............2. ระบบหมุนเวียนเลือดทำหน้าที่ลำเลียงแก๊สและสารอาหารไปยังส่วนต่างๆของร่าง ...............3. เซลล์เม็ดเลือดแดงมีเฮโมโกลบินเป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งสามารถจับกับโมเลกุลของ แก๊สออกซิเจนได้ ...............4. เซลล์เม็ดเลือดแดงสร้างที่ไขกระดูกและถูกทำลายที่ตบั และม้าม ...............5. เซลล์เม็ดเลือดขาวมีอายุมากกว่าเซลล์เม็ดเลือดแดง รูปที่ 7 อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบหายใจ - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 15 • อากาศเคลื่อนที่เข้าสู่ร่างกายทางรูจมูก ภายในรูจมูกจะมีความชุ่มชื้นและมีเส้นขนขนาดเล็กที่ช่วย ดักจับฝุ่นละออง • อากาศจะเคลื่อนเข้าสู่ ท่อลม (Trachea) ทีม่ ีลักษณะเป็นท่อกลวง • และเข้าสู่ หลอดลม (Bronchus) ซึ่งจะแตกแขนงเป็นหลอดลมฝอยขนาดเล็กแทรกอยู่ใน ปอด (Lung) ทั้งสองข้าง • ปลายสุดของหลอดลมฝอยจะมี ถุงลม (Alveolus) ซึ่งมีผนังบางและมีจำนวนมากหลายล้านถุง • นอกจากนี้ยงั มีอวัยวะที่เกี่ยวข้อง คือ กระดูกซีโ่ ครง (Rib) โอบล้อมปอดทั้งสองข้างไว้ • และ กระบังลม (Diaphragm) ซึง่ เป็นแผ่นกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ด้านหลังกั้นระหว่างช่องอกกับ ช่องท้อง รูปที่ 8 การหายใจเข้าและการหายใจออก รูปที่ 9 ปริมาณแก๊สต่างๆในลมหายใจเข้าและออก - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 16 รูปที่ 10 การแลกเปลี่ยนแก๊สบริเวณถุงลมกับหลอดเลือดฝอย • เลือดจากหัวใจห้องล่างขวามีแก๊สออกซิเจนต่ำและมีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สูง ถูกลำเลียงมายัง หลอดเลือดฝอยที่อยู่รอบถุงลมในปอด • ภายในถุงลมมีอากาศทีไ่ ด้จากการหายใจเข้า ซึ่งมีปริมาณแก๊สออกซิเจนสูงกว่าแก๊สออกซิเจน ในหลอดเลือดฝอย • แก๊สออกซิเจนในถุงลมจึงแพร่ผ่านผนังของถุงลมเข้าไปจับกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงที่อยู่ ในหลอดเลือดฝอย • แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในหลอดเลือดฝอยมีปริมาณสูงกว่าแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในถุงลม จึงแพร่จากหลอดเลือดฝอยเข้าสู่ถงุ ลมและลำเลียงออกจากร่างกายทางลมหายใจออก • จากนั้นเลือดที่มีปริมาณแก๊สออกซิเจนสูงและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ จะลำเลียงกลับเข้าสู่ หัวใจห้องบนซ้ายเพื่อไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆของร่างกายต่อไป - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 17 รูปที่ 10 (ก) การแลกเปลี่ยนแก๊สระหว่างหลอดเลือดฝอยกับเซลล์ (ข) การแลกเปลี่ยนแก๊สระหว่างหลอดเลือดฝอยกับถุงลม ปอด • เลือดที่มาจากหัวใจห้องล่างซ้ายไปยังเซลล์ต่างๆของร่างกาย เป็นเลือดที่มีปริมาณ แก๊สออกซิเจนสูงและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ • ซึ่งภายในเซลล์มีปริมาณแก๊สออกซิเจนต่ำและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สงู • ดังนั้นจึงเกิดการแลกเปลี่ยนแก๊สบริเวณหลอดเลือดฝอยกับเซลล์ • โดยแก๊สออกซิเจนจากเฮโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดงจะแพร่ผ่านผนังหลอดเลือดฝอย ไปยังเซลล์ • ในขณะเดียวกันแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะแพร่ออกจากเซลล์ไปยังหลอดเลือดฝอย • จากนั้นหลอดเลือดฝอยจะถูกลำเลียงกลับไปยังหัวใจห้องบนขวา และห้องล่างขวาเพื่อนำไป แลกเปลี่ยนที่ปอดต่อไป - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 18 ปัจจัยที่มีผลต่อความจุอากาศของปอด 1. เพศ – เพศชายจะมีความจุอากาศของปอดมากกว่าเพศหญิง 2. อายุ – คนหนุ่มสาวจะมีความจุอากาศของปอดมากกว่าคนสูงอายุ 3. ผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หรือนักกีฬาจะมีความจุอากาศของปอดมากกว่าคนทั่วไป โรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น ถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด วัณโรค ปอดติดเชื้อ ส่งผลทำให้ความจุอากาศของปอดลดลง สาเหตุของการเกิดโรคถุงลมโป่งพอง ส่วนใหญ่เกิดจากการสูบบุหรี่ เนื่องจาก สารพิษ ในควันบุหรี่ไปทำลายผนังของถุงลมในปอดเป็นผลให้ ผนังถุงลมฉีกขาดและรวมตัวกันเป็นถุงลมขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้พื้นที่ผิวในการแลกเปลี่ยนแก๊สลดลง ร่างกาย ได้รับแก๊สออกซิเจนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ต้องหายใจเร็ว ขึ้นเพื่อนำแก๊สออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายให้เพียงพอต่อความ ต้องการของร่างกาย จึงเกิดอาการเหนื่อยหอบ นอกจากนีโ้ รคถุงลมโป่งพองเกิดจากการหายใจที่ นำเอาอากาศที่มีฝุ่นละออง ควันพิษ เข้าไปในปอด ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 19 แบบฝึกหัดที่ 2 : ระบบหายใจ ตอนที่ 1 : จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องทีส่ ุดเพียงข้อเดียว 1. กระบวนการแลกเปลี่ยนแก๊สเกิดขึ้นที่บริเวณใด จมูก หลอดลม ขั้วปอด ถุงลม 2. ปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์มีผลต่ออัตราการหายใจหรือไม่ อย่างไร มี เพราะถ้าปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สงู จะทำให้หายใจช้าลง มี เพราะถ้าปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สงู จะทำให้หายใจเร็วขึ้น ไม่มี เพราะปริมาณแก๊สทีเ่ กี่ยวข้องกับอัตราการหายใจ คือแก๊สออกซิเจน ไม่มี เพราะปริมาณแก๊สทีเ่ กี่ยวข้องกับอัตราการหายใจ คือแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ 3. กระบวนการใดที่ทำให้รา่ งกายเผาผลาญอาหารแล้วได้พลังงาน การหายใจโดยระบบทางเดินหายใจ การหายใจระดับเซลล์ การดูดซึมอาหารของระบบย่อยอาหาร การหมุนเวียนเลือดของระบบหมุนเวียนเลือด 4. ข้อใดคือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการเผาผลาญอาหารภายในเซลล์ น้ำตาลกลูโคส แก๊สออกซิเจน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และพลังงาน - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 20 5. เมื่อปริมาณออกซิเจนในเลือดน้อย ร่างกายจะมีปฏิกริ ิยาตอบสนองอย่างไร ไอ หาว จาม สะอึก 6. เมื่อร่างกายหายใจเอาอากาศที่ไม่สะอาด หรือมีสงิ่ แปลกปลอมเข้าไป ร่างกายจะพยายามขับสิ่ง แปลกปลอมออก ด้วยวิธีการใด ไอ หาว จาม สะอึก 7. ข้อใดกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างกะบังลมกับกระดูกซี่โครงได้ถูกต้อง เมื่อหายใจเข้า กะบังลมจะเลื่อนสูงขึ้นและกระดูกซี่โครงเลื่อนต่ำลง เมื่อหายใจเข้า กะบังลมจะเลื่อนต่ำลงและกระดูกซี่โครงเลื่อนสูงขึ้น เมื่อหายใจเข้า กะบังลมและกระดูกซี่โครงจะเลื่อนสูงขึ้น เมื่อหายใจเข้า กะบังลมและกระดูกซี่โครงจะเลื่อนต่ำลง 8. ระบบหายใจทำงานเกี่ยวข้องสัมพันธ์กบั ระบบใดมากที่สุด ระบบน้ำเหลือง ระบบประสาท ระบบขับถ่าย ระบบหมุนเวียนเลือด - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 21 9. การสูบบุหรีส่ ่งผลต่อระบบทางเดินหายใจอย่างไร ทำให้โรคถุงลมโปร่งพอง ทำให้ผนังหลอดลมหนาและตีบ เนื้อเยื่อบริเวณถุงลมถูกทำลาย ถูกต้องทุกข้อ คำชี้แจง : จากภาพตอบคำถามข้อ 10 10. เมื่อดึงแผ่นยางลงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกับลูกโปร่งอย่างไรและเปรียบเทียบได้กับการหายใจ อย่างไร ลูกโปร่งหดตัวและเปรียบได้กับการหายใจเข้า ลูกโปร่งหดตัวและเปรียบได้กับการหายใจออก ลูกโปร่งพองตัวและเปรียบได้กับการหายใจเข้า ลูกโปร่งพองตัวและเปรียบได้กับการหายใจออก 11. ข้อใดคือความหมายของกระบวนการหายใจ กระบวนการที่แก๊สออกซิเจนเข้าทำปฏิกิริยากับสารอาหาร กระบวนการเพิม่ แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์เข้าทำปฏิกริ ิยากับสารอาหาร กระบวนการที่แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เข้าทำปฏิกิริยากับสารอาหาร กระบวนการที่แก๊สไฮโดรเจนเข้าทำปฏิกิริยากับสารอาหาร - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 22 12. อวัยวะใดเกี่ยวข้องกับระบบหายใจ ปาก จมูก ปอด คอหอย กล่องเสียง หลอดลม จมูก หลอดอาหาร หัวใจ รูจมูก กล่องเสียง กระเพาะอาหาร 13. บริเวณที่พบกันระหว่างช่องอาหารกับช่องอากาศ คือสิ่งใดต่อไปนี้ จมูก หอคอย กล่องเสียง หลอดลม 14. ตัวการใดที่กำหนดอัตราการหายใจเข้าออกของระบบหายใจมนุษย์ ปริมาณแก๊สออกซิเจน ปริมาณแก๊สไนโตรเจน ปริมาณแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 15. การแลกเปลี่ยนแก๊สเกิดขึ้นบริเวณที่มักเรียกว่า "air sac" หมายถึงอวัยวะใดต่อไปนี้ alveoli alveolar ducts bronchi bronchioles - Mintty - วิทยาศาสตร์ ม.2 l 23 16. จากสมการ แสดงการเกิดกระบวนการหายใจต่อไปนี้ จงหาคำตอบมาเติมในทีว่ ่างให้สมบูรณ์ glucose + oxygen = ........................ + water + CO2 starch sucrose energy glycogen 17. ส่วนใดของกระบวนการหายใจที่รจู้ ักกันในชื่อของ voice box larynx pharynx trachea epiglottis 18. ข้อใดต่อไปนีก้ ล่าวถูกต้อง อัตราการหายใจปกติในผูใ้ หญ่ประมาณ 16-18 ครั้งต่อนาที การหายใจเข้าทางปากมีประสิทธิภาพไม่ดีเท่ากับการหายใจเข้าทางจมูก การหายใจเข้าและการหายใจออกจัดเป็นการหายใจแบบ external respiration ปอดประกอบด้วยเยื่อหุ้มปอด 2 ชั้นบางๆ เรียกว่า pericardium - Mintty - ใช้ข้อความต่อไปนี้ ตอบคำถามข้อ 19 1. กะบังลมเลื่อนต่ำลง 3. ปอดแฟบ 5. ความดันในช่องอกลดลง 19. การหายใจเข้า เกิดขึ้นตามผลข้อใด 1, 2, 3 3, 4, 5 1, 4, 5 2, 3, 4 วิทยาศาสตร์ ม.2 l 24 2. กระดูกซี่โครงเลื่อนต่ำลง 4. ปริมาตรในอกเพิ่มขึ้น 6. ความดันในช่องอกเพิ่มขึ้น 20. ข้อใดมีความสัมพันธ์กนั ในขณะนอนหลับการหายใจจะช้าลง ความเข้มข้นของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ความเข้มข้นของแก๊สออกซิเจนในเลือดมาก เลือดมีความเข้มข้นมากน สภาพร่างกายมีน้ำหนักน้อย