ประเภทของยา ั ราช 2530 ดังนี้ แบ่งออกเป็ น 9 ประเภท ตามพระราชบัญญัตย ิ า ฉบับที่ 5 พุทธศก ้ ยาแผนปั จจุบน ั หมายถึง ยาทีใ่ ชส้ าหรับใชประกอบวิ ชาเวชกรรม ิ ป์ แผนโบราณ ซงึ่ อยูใ่ น ยาแผนโบราณ หมายถึง ยาทีใ่ ชส้ าหรับประกอบโรคศล ตาราแผนโบราณทีร่ ัฐมนตรีประกาศเป็ นยาโบราณ ยาอันตราย หมายถึง ยาปั จจุบน ั หรือยาแผนโบราณทีร่ ัฐมนตรีประกาศให ้เป็ นยา อันตราย ยาควบคุมพิเศษ หมายถึง ยาปั จจุบน ั หรือยาแผนโบราณทีร่ ัฐมนตรีประกาศให ้ เป็ นยาควบคุมพิเศษ ยาสามัญประจาบ ้าน หมายถึง ยาปั จจุบน ั หรือยาแผนโบราณทีร่ ัฐมนตรีประกาศ ้ ้เลย ไม่ต ้องอยูใ่ นความดูแลของแพทย์ ให ้เป็ นยาสามัญประจาบ ้านสามารถใชได ั ว์ แร่ ทีไ่ ม่ได ้นาไปปรุงแต่งใดๆ ยาสมุนไพร หมายถึง ยาทีไ่ ด ้จากพืช สต ั ยาบรรจุเสร็จ หมายถึง ยาแผนปั จจุบน ั ทีผ ่ ลิตขึน ้ เสร็จในรูปแบบต่างๆทางเภสช กรรม มีบรรจุหบ ี ห่อปิ ดไว ้ และมีฉลากครบถ ้วน ประโยชน์ของยา ่ ชว่ ยลดความดัน " ประโยชน์ของยา " มาจากฤทธิข ์ องยาตามวัตถุประสงค์ทใี่ ช ้ เชน ื้ บรรเทาอาการปวดหรือลดไข ้ ซงึ่ ทราบได ้จากสรรพคุณ โลหิต ชว่ ยรักษาการติดเชอ ้ หรือข ้อบ่งใชของแต่ ละตัวยา ้ สาเหตุของการใชยาผิ ดหรือการติดยา ๑. ปั จจัยทางจิตใจ ้ ๑.๑ บุคลิกภาพ ผู ้ป่ วยสว่ นใหญ่ทต ี่ ด ิ ยาเสพติดหรือใชยาอย่ างผิดๆ มีบค ุ ลุกภาพแปรปรวนทีพ ่ บบ่อยคือ บุคลิกภาพแบบ ้ อันธพาล เขาเหล่านีม ้ ักมีอารมณ์ไม่บรรลุวฒ ุ ภ ิ าวะ ก ้าวร ้าว และใชยาเพื อ ่ ลดความตึงเครียดภายในจิตใจ บุคลิกภาพชนิดอืน ่ ทีอ ่ าจติด ่ กัน คือ บุคลิกภาพแบบชอบพึง่ ผู ้อืน ึ เศร ้า ยาได ้ง่ายเชน ่ (dependent) บุคลิกภาพแบบแยกตัว และบุคลิกภาพแบบซม ๑.๒ โรคประสาทและโรคจิต ผู ้ป่ วยโรคประสาทแบบวิตกกังวล แบบย้าคิดย้าทา หรือแบบทีค ่ วามผิดปกติทางอารมณ์แสดง ้ ้ ออกเป็ นอาการทางร่างกาย อาจใชยาเพื อ ่ บรรเทาอาการต่างๆ ทีเ่ กิดขึน ้ บางรายมีอาการนอนไม่หลับ ก็ต ้องใชยานอนหลั บชว่ ยเป็ น ประจา ผู ้ป่ วยโรคจิต ก็อาจติดยาได ้ง่ายเนือ ่ งจากปั ญหาทางอารมณ์ของตน ้ ้ ั ๑.๓ ในผู ้ทีเ่ คยใชยาแก ้ปั ญหาอย่างได ้ผล ก็มักจะพอใจเลือกวิธใี ชยาเพื อ ่ แก ้ปั ญหาทีเ่ กิดขึน ้ ในครัง้ ต่อๆ ไปจนติดเป็ นนิสย ั ขบวนการทางจิตใจหลายอย่าง ซงึ่ บุคคลดังกล่าวทาได ้ไม่ดอ เพราะเป็ นวิธท ี งี่ า่ ยกว่าการแก ้ปั ญหาโดยวิธอ ี น ื่ ซงึ่ ต ้องอาศย ี ยูแ ่ ล ้ว ๒. ปั จจัยทางสงั คม ิ กับพวกติดยา อยูใ่ นทีท ๒.๑ คนทีม ่ โี อกาสใกล ้ชด ่ ส ี่ ามารถหายาได ้ง่าย เมือ ่ อยูใ่ นวัยทีม ่ ค ี วามคึกคะนอง มีความอยากรู ้อยาก ี่ งทีจ ้ เห็น ย่อมมีความเสย ่ ะติดยาได ้มาก คนเหล่านีม ้ ักมีปัญหาทางบุคลิกภาพอยูด ่ ้วยเป็ นสว่ นใหญ่ ซงึ่ มีแนวโน ้มจะใชยาเพื อ ่ บรรเทา ั จูงให ้ทดลองใชยาก็ ้ จะยอมรับยาได ้โดยง่าย ความตึงเครียดทางอารมณ์ของตนอยูแ ่ ล ้ว เพราะฉะนั น ้ เมือ ่ ถูกชก ่ สงั คมเสอ ื่ ม มีปัญหาเศรษฐกิจ ว่างงาน ประชากรหนาแน่น ต ้องอยูใ่ นแหล่งเสอ ื่ มโทรม ๒.๒ ความกดดันทางสงั คม เชน ่ ครอบครัวแตกแยก บิดามารดา ทะเลาะกันเป็ นประจา บิดามารดาติดสุราหรือยา ๒.๓ สภาพครอบครัวทีก ่ ดดันต่อจิตใจ เชน ่ เคร่งครัด หรือห ้ามเด็กจนเกินไป เสพติด การอบรมเลีย ้ งดูลก ู ไม่ถก ู ต ้อง เชน ๓. ปั จจัยทางร่างกาย ่ ยาแก ้ปวด หรือยานอนหลับ เป็ น ๓.๑ การเจ็บป่ วยด ้วยโรคร ้ายแรง หรือเรือ ้ รัง อาจจาเป็ นต ้องได ้รับยาบางอย่าง เชน ระยะเวลานานๆ จึงอาจติดยาได ้ หรือ ้ ๓.๒ เป็ นผลจากการกระทาของแพทย์ (iatrogenic) ได ้แก่ การทีแ ่ พทย์ใชยาประเภทที เ่ สพติดได ้กับผู ้ป่ วยโดยขาดความ ้ ่ หลังผ่าตัดอาจให ้มอร์ฟีนติดต่อกันหลายวันก็อาจทาให ้ผู ้ป่ วยติดมอร์ฟีนได ้ แต่อย่างไรก็ตามพบว่า ระมัดระวัง และใชนานเกิ นควร เชน คนทีต ่ ด ิ ยาด ้วย เหตุนม ี้ ักมีปัญหาทางอารมณ์ด ้วย จึงทาให ้ต ้องการยานานเกินควรจนติดยา ้ สถานการณ์การใชยาในปั จจุบน ั ้ คนไทยทุกวันนีใ้ ชยาเยอะมาก โดยตัวเลขในปี ทผ ี่ า่ นๆมานัน ้ สูงถึงหลักหมืน ่ ล ้านเม็ด ต่อปี กน ั เลยทีเดียว ซงึ่ ก็น่าเป็ นห่วงพอสมควร เพราะควรจะหมั่นดูแลสุขภาพเพือ ่ ไม่ให ้ ้ ้ เจ็บป่ วย แต่กลับกลายเป็ นเจ็บป่ วยบ่อย และใชยาทุ กครัง้ เวลาเจ็บป่ วย บางครัง้ ก็ใชยา ้ ้ ้ เกินขนาด ใชยาผิ ดประเภท ใชยาโดยไม่ จาเป็ น หนั กถึงขัน ้ ใชยาแบบผิ ดกฏหมาย