ประโยค

advertisement
ภาษาอังกฤษในชีวติ ประจาวัน
ลักษณะประโยค Sentence ต่ าง ๆ
โดย นายชูเกียรติ วงษ์ มณีวรรณ์
Sentence (ประโยค) หมายถึง หน่ วยความคิดหรือ
ข้ อความทีม่ ีความสมบูรณ์ ท้งั ในเรื่องของไวยากรณ์ และ
ความหมายทีม่ นุษย์ ใช้ ในการสื่ อสาร
Subject
ประธาน
+
+
Verb
กริยา
+ (complement)
+ (ส่ วนเติมเต็มที่จะทาให้ ประโยคสมบูรณ์ )
Tip… ส่ วนทีอ่ ยู่ในวงเล็บอาจจะมีหรือไม่ มีกไ็ ด้ ถ้ าประโยคสมบูรณ์ แล้ว
ไม่ ต้องมีกไ็ ด้
Subject (ประธาน) คือ ผู้กระทา หรือ ผู้แสดง
คาที่จะมาทาหน้ าที่ประธานของประโยค ได้ แก่
คานาม(Noun)
เช่ น the boy, the cat , the book ,
หรือ คาสรรพนาม(Pronoun)
เช่ น I, You, We, They, He, She, It เป็ นต้ น
Verb (กริยา) คือ อาการทีป่ ระธานแสดงออกมา
เช่ น นั่ง (sit) นอน ( sleep ) เดิน ( walk )
Verb to be ( is, am, are ทั้ง 3 ตัวแปลว่ า เป็ น อยู่ คือ ) เป็ นต้ น
Object (กรรม) คือ ผู้ถูกกระทา หรือ ส่ วนขยายประโยคก็ได้
เช่ น The student studies English at school. นักเรียนเรียนหนังสื อที่โรงเรียน
The children are at school.
นักเรียนอยู่ทโี่ รงเรียน
Subject
Verb
Object
complement
The
student
??????
The
children
??????
studies
??????
are
??????
English
??????
??????
at school
??????
at school
??????
ประโยคภาษาอังกฤษ มีรูปแบบการใช้ แตกต่ างกัน
ไปตามกาลเวลา ซึ่งภาษาอังกฤษ เรียกว่ า Tense
มี 12 รูปแบบ ดังนี้
อนาคต
Future
ปัจจุบัน
Present
อดีต
Past
1. Simple Future Tense
2. Future Continuous Tense
3. Future Perfect Tense
4. Future Perfect
Continuous Tense
1. Simple Present Tense
2. Present Continuous Tense
3. Present Perfect Tense
4. Present Perfect
Continuous Tense
1. Simple Past Tense
2. Past Continuous Tense
3. Past Perfect Tense
4. Past Perfect
Continuous Tense
การตั้งประโยคคาถามตามหลักไวยกรณ์ แล้ว มี 3 ชนิด ได้ แก่
1. Wh - question เป็ นประโยคทีใ่ ช้ ถาม
2. Yes - No question เป็ นประโยคทีข่ นึ้ ต้ นด้ วย คากริยาช่ วย
ใช้ ถามเพือ่ ให้ ตอบรับหรือตอบปฏิเสธ
3. Question tag เป็ นคาถามสั่ นๆทีอ่ ยู่ต่อท้ ายประโยค
ใช้ คาถามเพือ่ ให้ เกิดความแน่ ใจ
What = อะไร
ใช้ ถามเกีย่ วกับสิ่ งต่ างๆ
When = เมื่อไหร่ ใช้ ถามเกีย่ วกับเวลา
Where = ที่ไหน
ใช้ ถามเกีย่ วกับสถานที่
Which = สิ่ งไหน, อันไหน ใช้ ถามเพือ่ ให้ เลือกสิ่ งต่ างๆ
Why = ทาไม
ใช้ ถามเพือ่ หาเหตุผล
Who = ใคร
ใช้ ถามถึงตัวบุคคลและเป็ นประธานของประโยค
Whom = ใคร ใช้ ถามถึงตัวบุคคลและเป็ นกรรมของประโยค
Whose = ของใคร ใช้ ถามความเป็ นเจ้ าของ
How = อย่ างไร
ใช้ ถามเกีย่ วกับวิธีการ, สภาพการณ์
What is your name? คุณชื่ออะไร?
My name is Sorot. ฉันชื่อโสรส
What is his surname? นามสกุลของเขาคืออะไร?
His surname is Mee lab. นามสกุลของเขาคือ มีลาภ
What is your father? พ่อของคุณเป็ นอะไร?
My father is an engineer. พ่อของฉันเป็ นวิศวกร
What are they? พวกเขาเป็ นอะไร
They are my students. พวกเขาเป็ นนักเรียนของฉัน
What are you looking for? คุณกาลังมองหาอะไร?
I am looking for an Thai textbook. ฉันกาลังหาตาราวิชาภาษาไทย
An Thai textbook. ตาราวิชาภาษาไทยซักเล่ม
What is in the cage? อะไรอยู่ในกรง?
A white tiger is in the cage. เสื อขวาอยู่ในกรง
A white tiger. เสื อขาวตัวหนึ่ง
What time is it? ตอนนีเ้ วลาอะไรแล้ว?
It is 9 o'clock. ตอนนี้ 9 โมง
9 o'clock. 9 โมง
What time did she go out? เธอออกไปตอนกีโ่ มง?
She went out at 10 o'clock. เธอออกไปตอน 10 โมง
At 10 o'clock. ตอน10 โมง
What size would you like to buy? ขนาดอะไรทีค่ ุณต้ องการซื้อ?
I would like to buy big size. ฉันต้ องการซื้อขนาดเล็ก
แนะนา Compound Sentence
Compound Sentence คือ การนาเอาประโยค simple
sentence 2 ประโยค หรื อมีมากกว่าหนึ่งประโยคมารวมเข้า
กันโดยมีคาเชื่อม เรี ยกกว่า Coordinating Conjunction.
ทาหน้าที่เชื่อมประโยค simple sentences เหล่านี้เข้า
ด้วยกันเพื่อทาให้ประโยคยาวขึ้น
ตัวเชื่อมหรือคาเชื่อมทีใ่ ช้ ผูกประโยคอิสระสองประโยคเข้ าด้ วยกัน เรียกว่ า
coordinating conjunction มีดงั ต่ อไปนี้
- and เชื่อมเนือ้ ความทีม่ คี วามเหมือนกันและเวลาทีส่ ื บเนื่องตามลาดับกัน
ตัวอย่ าง :
I tried to speak Japanese, and my friend tried to
speak English.
Mary opened the book, and she started to read it.
- but เชื่อมเพือ่ แสดงความตรงกันข้ าม หรือ ยกเว้ น
ตัวอย่ าง : Thailand is a beautiful country, but still it has
many poor people.
- or เชื่อมเพือ่ แสดงความเป็ นไปได้ หรือ โอกาสเลือก
ตัวอย่ าง :
You will eat rice , or you will eat noodle.
You must shut the gate, or the dog will
get out.
- yet เชื่อมเพือ่ แสดงความตรงกันข้ าม มีความหมายเหมือนกับคาว่ า
“but”
ตัวอย่ าง:
Everyone wants to take part in the
election, yet no one wants to learn about
democracy.
- for เชื่อมเพือ่ แสดงเหตุผล มีความหมายเหมือนกันกับคา
“because” แต่ ไม่ ถูกใช่ บ่อย
ตัวอย่ าง:
The dog barked fiercely, for there was a
stranger in front of the house.
so เชื่อมเพือ่ แสดง ผล มีความหมายเหมือนกับคาว่ า
“therefore” แปลว่ า ดังนั้น เพราะเหตุน้ัน
ตัวอย่ าง
People in Thailand eat a lot of fruits, so they are healthy.
Tense คือรู ปกิริยาทีเ่ ปลีย่ นแปลงไปตามเหตุการณ์ ต่างๆ หมายความว่ า
ถ้ าเหตุการณ์ ทเี่ กิดขึน้ ในอดีต ก็จะมีรูปกิริยา ทีเ่ ป็ นอดีต (past tense)
ถ้ าเหตุการณ์ ใดเกิดขึน้ ในสภาวะการณ์ ปัจจุบัน ก็จะมีรูปกิริยาที่เป็ น
ปัจจุบัน (Present Tense)
ถ้ าเหตุการณ์ ใดเกิดขึน้ ในอนาคต ก็จะมีรูปกิริยาที่ เป็ นอนาคต
(Future Tense)
1. Present Simple Subject + v(s,es).
- ใช้ กบั ความจริงทีเ่ ป็ นกฏตายตัว
- ใช้ กบั การกระทาซึ่งเป็ นประจาในปัจจุบัน
- ใช้ กบั สิ่ งทีก่ าหนดแน่ นอนแล้ วว่ าจะกระทาในอนาคต
2. Past Simple Subject + verb2.
- ใช้ กบั การกระทาซึ่งเกิดขึน้ และจบลงไปแล้ วในอดีต
- ใช้ กบั การกระทาซึ่งเกิดขึน้ เป็ นประจาในอดีต (ปัจจุบันไม่ มกี าร
กระทานั้นแล้ ว)
3. Future Simple subject + will ( หรือ shall) + verb1.
- ใช้ กบั การกระทาทีจ่ ะเกิดขึน้ ในอนาคต
4. Present Continuous Subject + is(am,are) + (verb+ing).
- ใช้ เมือ่ การกระทานั้นกาลังดาเนินอยู่ต่อหน้ า(ในขณะทีพ่ ูด
ประโยคนั้น)
- ใช้ ในเหตุการ์ ทดี่ าเนินอยู่เป็ นประจาในขณะทีพ่ ูด
- ใช้ แสดงเหตุการณ์ ในอนาคต ซึ่งคาดว่ าจะต้ องเป็ นเช่ นนั้น
แน่ นอน
5. Past Continuous subject+ was(were)+(verb+ing)
- ใช้ ได้ ลอย ๆ เพียงเหตุการณ์ เดียวได้ เฉพาะในกรณีทมี่ คี าบอก
ช่ วงเวลากากับไว้ ในประโยค คือ บอกว่ าเหตุการณ์ น้ัน ๆ กาลัง
ดาเนิน อยู่ในอดีตตลอดเวลาทีก่ าหนดนั้น
- ใช้ กบั เหตุการณ์ 2 อย่ าง ซึ่งกาลังดาเนินอยู่พร้ อม ๆ กันในอดีต
Download